จัดการความเหงาอย่างไรดี เมื่อมันกระทบถึงสุขภาพจิตใจและร่างกายของคนทั่วประเทศ? นี่คือโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลอังกฤษ พยายามคิดค้นทางออกมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดนี้ได้เปิดเผยรายละเอียดออกมาบ้างแล้ว
หลักๆ คือรัฐบาลอังกฤษเรียกนโยบายนี้ว่า ‘social prescribing’ หรือการใช้สภาพแวดล้อมทางสังคม เพื่อการแก้ไขความเหงา นอกเหนือไปจากการใช้ยารักษาเพียงอย่างเดียว โดยแนวทางนี้จะครอบคลุมในหลายๆ ภาคส่วน ทั้งระบบการศึกษา ระบบสังคม ตลอดจนการสร้างพื้นที่ใหม่ๆ ในสังคมเมือง
ตัวอย่างข้อปฏิบัติที่ถูกเปิดเผยออกมา เช่น
-รัฐบาลจะบรรจุบทเรียนเรื่อง ‘ความเหงา’ ให้กับเด็กๆ ได้ศึกษาและทำความเข้าใจกับมันตั้งแต่ช่วงประถมศึกษา โดยตั้งใจว่าเนื้อหาเรื่องนี้จะต้องถูกนำไปใส่ในบทเรียนอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2020
-รัฐบาลจะชวนบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ มาปรึกษาหารือกัน เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ว่า เทคโนโลยีที่มีอยู่ในยุคปัจจุบันนั้น มันส่งผลให้คนเหงามากขึ้นอย่างไร แล้วจะแก้ไขมันด้วยวิธีการไหนได้บ้าง
-ในด้านการแพทย์ รัฐบาลจะสนับสนุนให้บรรดาคุณหมอได้ลองเสนอแนะทางเลือกต่างๆ นอกเหนือไปจาก ‘ใบสั่งยา’ ให้กับคนไข้ที่มีภาวะเหงาหรือโดดเดี่ยว เช่น ชวนไปทำงานศิลปะ ไปเข้าคลาสอบขนมปัง เพื่อให้ได้เจอความสัมพันธ์ใหม่ๆ กับผู้คนในที่ใหม่ๆ
Tracey Crouch รัฐมนตรีกระทรวงความเหงาที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา บอกว่า นโยบายนี้จะเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ของสังคมเพื่อต่อสู้กับความเหงาไปด้วยกัน พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ควรมีประชาชนคนในที่เผชิญหน้าภาวะความเหงาและโดดเดี่ยวโดยที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ก่อนหน้านี้มีสถิติที่พบว่า คนในอังกฤษเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหงาบ่อยๆ และเหงาตลอดเวลาราวๆ 9 ล้านคน และมีจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร เช่นเดียวกับผู้สูงอายุกว่า 2 แสนคน ระบุว่า ไม่ได้คุยกับเพื่อนหรือญาติมาแล้วมากกว่า 1 เดือน
อ้างอิงจาก
https://www.gov.uk/government/news/pm-launches-governments-first-loneliness-strategy
https://www.theguardian.com/society/2018/oct/14/loneliness-social-prescribing-theresa-may
https://qz.com/1424016/the-uk-launched-a-strategy-to-stop-people-feeling-lonely/
https://www.voathai.com/a/minister-of-lonelinee-english/4213027.html
#Brief #TheMATTER