‘Never stop learning.’ ประโยคปลุกใจที่ใครๆ ก็พูดว่าอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ แต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังสงสัยว่า ด้วยเวลาชีวิตในแต่ละวันที่เราก็มีจำกัดเนี่ย เราควรจะเรียนรู้อะไรบ้าง
Linkedin เครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ เลยแนะนำ 9 ทักษะที่เราควรเรียนรู้และมีไว้ เพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งในชีวิตประจำวันและชีวิตทำงาน
1) ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) : ถึงจะเป็นสกิลที่ออกจะนามธรรมสักหน่อย แต่มันก็มีผลกับพฤติกรรม การตัดสินใจ และการอยู่ในสังคมของเรา มันคือสกิลในการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและคนอื่น รวมไปถึงควบคุมการปฏิบัติตัวให้เหมาะกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย
มีการทดสอบทักษะที่จำเป็นต่างๆ ในที่ทำงาน พบว่า EQ มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด สามารถทำให้คนประสบความสำเร็จในงานทุกประเภทได้ถึง 58% และ 90% ของตัวท็อปในธุรกิจหรือออฟฟิศ ก็มักจะเป็นที่มี EQ สูง มีการสำรวจพบด้วยว่า คนที่มี EQ สูงยังทำเงินได้มากกว่าคนปกติราวๆ $29,000 ต่อปี และทุกๆ EQ หนึ่งจุดที่เพิ่มขึ้น หมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้น $1,300 ต่อปี และที่สำคัญกว่าจำนวนเงิน ก็คือปริมาณความสุขที่เพิ่มขึ้นด้วย
2) การจัดการเวลา : หนึ่งในอุปสรรคของการจัดการเวลา คือปัญหาที่ชื่อ ‘เรื่องด่วน’ ที่บางทีก็เป็นเรื่องแค่จุกจิก แต่ดันต้องทำตอนนั้น เดี๋ยวนั้น ทำให้เราไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญหรือตั้งใจทำเสียที เพราะงั้นสิ่งสำคัญเลยคือเราต้องพัฒนาสกิลการจัดการเวลา เพื่อต่อสู้กับเรื่องเร่งด่วนให้ได้ เราจะได้ทำในสิ่งที่เราควรและอยากทำ มากกว่าสิ่งที่ต้องทำ
3) การฟัง : ดูเป็นสกิลที่ฝึกง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่าย หลายครั้งที่เราคิดว่าเรากำลังฟัง แต่จริงๆ แล้วเราแค่กำลังคิดว่าเราจะพูดอะไรต่อไปมากกว่า การฟังที่แท้จริงคือการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คนอื่นพูด เพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เห็นด้วยหรือโต้แย้ง เราจึงจำเป็นต้องฝึกสกิลการฟังโดยยังไม่ตัดสิน และบางครั้ง สกิลการฟังที่ดี จะทำให้เราได้ยินในสิ่งที่คนพูดไม่ได้พูดด้วยซ้ำ
4) เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ : งานวิจัยจาก University of California บอกว่า ยิ่งเราเป็นคนที่พูดคำว่า ‘ไม่!’ ออกมายากเท่าไหร่ เรายิ่งมีแนวโน้มที่จะมีความเครียด หมดไฟ และซึมเศร้าได้มากเท่านั้น การปฏิเสธเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องฝึกทำให้ได้ และเวลาจะปฏิเสธ ก็อย่าลังเลที่จะพูดว่า ‘ไม่!’ ออกไปตรงๆ เพราะนั่นหมายถึงการยืนยันความคิดและสิ่งที่เราทำอยู่ และเพิ่มโอกาสการทำสิ่งที่เรายึดมั่นนั้นให้สำเร็จได้ ให้คิดเสียว่าเมื่อเราพูดว่า ‘ไม่!’ ออกไป เราได้ปลดปล่อยตัวเองจากข้อผูกมัดทั้งหมด เพื่อจะได้ใช้เวลาและพลังงานไปกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
5) เรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือ : ฟังดูเหมือนไม่ใช่สกิลเนอะ การที่จะไปขอให้คนอื่นช่วยเนี่ย แต่จริงๆ แล้วมันใช่ เพราะมันต้องอาศัยความมั่นใจและความถ่อมตัวพอสมควรเลย ในการยอมรับว่าเราต้องการความช่วยเหลือแล้ว ซึ่งสกิลนี้จำเป็นมาก เพราะเราจะได้ไม่ทำอะไรผิดๆ ซ้ำๆ หรือทำอะไรไม่ได้ ไม่สำเร็จเสียที แค่เพียงเพราะอายเกินไป หรือมั่นใจเกินกว่าที่จะเอ่ยปากบอกว่าไม่รู้ ช่วยหน่อย
6) การนอนอย่างมีคุณภาพ : งานวิจัยจาก University of Rochester พบว่า เวลาเรานอน สมองเราจะสกัดเอาโปรตีนที่เป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการทำงานของระบบประสาทตอนที่เราตื่น ออกไปจากสมองของเรา นั่นหมายความว่า ถ้าเรานอนไม่พอ โปรตีนพิษเหล่านั้นก็จะไปสกัดกั้นความสามารถในการคิดของเราได้ ทำให้เราประมวลผลช้า แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แถมยังกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ปั่นป่วนอีกด้วย เพราะงั้นการฝึกนอนอย่างมีคุณภาพให้เพียงพอเลยเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นมากๆ เลย สำหรับการเตรียมสมองเพื่อไปเรียนรู้สกิลอื่นๆ
7) เรียนรู้ที่จะหุบปาก : แน่นอนล่ะว่า การแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องดี แต่บางที บางจังหวะ ถ้าคำพูดนั้นไม่นำไปสู่อะไร เราก็ต้องฝึกที่จะเงียบปากเอาไว้ ก่อนที่สิ่งที่เราพูด อาจจะนำไปสู่สิ่งที่แย่กว่าก็ได้
8) เรียนรู้ที่จะริเริ่มบางอย่าง : ในทางทฤษฎีแล้ว มันไม่ยากหรอกที่จะบอกว่า ฉันจะทำนั่นทำนี่ แต่ทางปฏิบัติ ความลังเล ความกลัว และความขี้เกียจ ทำให้เราไม่ค่อยที่ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่ตั้งใจไว้ให้เกิดขึ้นจริง เพราะงั้นเราก็ควรฝึกตัวเองให้กล้าเสี่ยงและก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนให้ได้ เพื่อให้สกิลการริเริ่มนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราทำมันได้บ่อยๆ
9) มองโลกในแง่ดี : ด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ ทำให้สมองของเรามองหาและมองเห็นภัยคุกคามชัดเจนกว่า แถมตัวอย่างของเรื่องเลวร้ายที่พบเห็นกันบ่อยๆ ก็ส่งผลให้กลไกการป้องกันตัวของเราทำงาน ทำให้เรามองเห็นข้อเสียและผลร้ายของสิ่งต่างๆ มากกว่าสิ่งดีๆ เราจึงจำเป็นต้องฝึกท้าทายกลไกลความคิดเหล่านี้ ด้วยการเปลี่ยนโฟกัสของสมองและตัวเองไปยังสิ่งที่ดีๆ บ้าง
จริงๆ ก็อาจจะไม่ใช่สกิลการมองโลกในแง่ดีหรอกที่ต้องฝึก แต่เป็นการไม่มองโลกในแง่เดียวต่างหาก
อ้างอิงจาก linkedin.com