พอไมล์ในการทำงานเดินทางมาถึงระยะหนึ่ง แม้เราจะไม่ใช่คนช่างใส่ใจเรื่องคนอื่นมากนักก็ตาม แต่เราจะเริ่มรู้จักสภาพแวดล้อม รู้จักผู้คนรอบตัวที่ร่วมงานด้วย คนนี้เก่งอะไร คนไหนมีผลงานเด่น แน่นอนว่ามันจะไม่หยุดอยู่ในแง่ดีเท่านั้น คนไหนที่เคยทำอะไรพลาด พลาดอย่างไร บ่อยแค่ไหน จะกลายเป็นอีกเรื่องที่เราจดจำได้ เช่นกัน
เราไม่ได้กำลังพูดถึงความเจ้าคิดเจ้าแค้นในใจใคร (ไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ตาม) ไอ้ความจำในเรื่องที่คนอื่นพลาดในที่นี้ เราหมายถึงเพียงความจำ ที่จดจำเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ เพียงเท่านั้น ไม่ได้จำเพื่อจะเอาไปเป็นเชื้อไฟในความรู้สึกแง่ลบ เราเพียงจดจำสิ่งนั้นได้ เหมือนที่จดจำอุปนิสัยของใครคนนั้น เหมือนที่ใครชอบกินกาแฟชนิดไหน เดินเข้าออฟฟิศมาจะเจอใครเป็นคนแรก แค่เท่านั้น
เราอาจไม่ได้ตั้งใจรับรู้เรื่องราว เป็นเพียงเรื่องที่ได้ยินตอนเดินผ่านวงสนทนา หรือเราอาจเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้น จนติดร่างแหเสียเองก็ได้
เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดขวบปีของการทำงาน แม้เราต่างอยากทำหน้าที่ของตนให้ดีพร้อม มีผลงานชั้นเยี่ยมไว้ปูทางในหน้าที่การงานของตนเอง แต่ไม่มีใครไม่เคยพลาด ไม่มีใครไม่มีแผล เราต่างเคยก้าวพลาดและรับบทเรียนในการทำงาน ที่อาจจ่ายค่าเล่าเรียนนั้นเป็นน้ำตาในห้องน้ำ หรือค่ำคืนที่หลับไม่ลงแม้ต้องมาทำงานต่อก็ตาม
หากความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นกับเราเอง ความระมัดระวังในการทำงานครั้งต่อไปนั้นคงไม่ยากที่จะจัดการ (เพราะมันจัดการที่ตัวเราเองได้เลย) แต่หากมันเป็นความไม่มั่นใจในตัวคนอื่นล่ะ เราจะทำยังไง ความไม่มั่นใจที่เราเห็นเองกับตา แบบไม่ต้องผ่านอคติของใคร ว่าเขาคนนั้นมักจะมีจุดพลาดเดิมซ้ำๆ หรือเคยทำงานร่วมกันแล้วเกิดความไม่มั่นใจในความสามารถบางอย่างของเรา จนไม่อยากกลับมาร่วมงานกันอีกหากเป็นไปได้
เขาจะทำแบบนั้นอีกไหมนะ ทำงานด้วยกันแท้ๆ แต่ก็เคยเคลมผลงานของเราไป ความจุกจิกที่หาสาเหตุไม่ได้ของเขามันจะโผล่มาอีกหรือเปล่า ความกังวลใจต่างๆ จากประสบการณ์ที่เคยทำงานร่วมกันมา (แล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่) ค่อยๆ ฉายภาพชัดขึ้นมา จนเป็นกังวลว่าการกลับมาทำงานร่วมกันในครั้งนี้ อาจเป็นโปรเจ็กต์ระยะสั้นหรือทีมระยะยาว เราอาจจะต้องกลับไปรับมือกับเรื่องเดิมๆ ที่เคยเจอมาแล้ว
หากทำงานโดยไม่มีความไว้วางใจต่อกัน เดาไม่ออกเลยว่าจะต้องกุมขมับขนาดไหน งานก็ต้องทำ ความเชื่อใจกันก็ควรมี ผลสำรวจจาก UKG Workforce Institute พบว่า ทั้งผู้นำและพนักงานกว่า 63% เชื่อว่าการทำงานด้วยความไว้วางใจเป็นสิ่งจำเป็น ในจำนวนนั้นเชื่อว่า หากมีความเชื่อใจในองค์กรแล้ว จะช่วยให้ทำให้รู้สึกเป็นว่านี่พื้นที่ของเรา ช่วยในเรื่องสุขภาพใจ และยังส่งผลต่อความพยายามในการทำงานแต่ละวันอีกด้วย
แบบนี้แล้ว การทำงานด้วยความเชื่อใจกันอาจดีกับเรามากกว่า งั้นเรามาลองดูกันว่า เราจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงได้บ้าง หากต้องเจอเหตุการณ์ทำนองนี้
- ไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องแย่
ในเมื่อเราเจอมากับตัวเอง เจ็บเองแบบไม่ใช้สแตนอิน ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแย่ หากเรามีความกังวลที่จะทำงานร่วมกันกับใครคนนั้นอีกครั้ง เพราะเราเองก็ไม่ได้ฟังเรื่องราวมาจากคนอื่น ไปรับอคติมาจากใครนี่นา ลองเริ่มต้นแบบนี้ดูก่อน อาจช่วยให้เรามองปัญหานี้เบาลง ได้มากกว่าการพยายามไม่ให้ตัวเองคิดลบกับเขาแม้แต่นิดเดียว จนกลายเป็นเราเองที่คับข้องใจตั้งแต่เริ่ม
- กล้าที่จะชี้ถึงข้อผิดพลาด
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ใครคนนั้นผิดพลาดในจุดเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครบอกเขามาก่อน หรือเขาก็รู้นั่นแหละ เพียงแต่ไม่เคยมีใครลุกขึ้นมามีปัญหากับสิ่งนี้ ถ้าความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งและมันส่งผลกระทบกับภาพรวมของงาน เราอาจต้องการวิธีสื่อสารถึงความผิดพลาดของเขาในครั้งนี้โดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าตัวรู้ถึงปัญหานี้แล้ว และช่วยกันหาทางออกให้เรื่องนี้ต่อไป
- เตรียมแผนสำรองไว้หนึ่งก้าวเสมอ
หากเรารู้ว่าเขาพลาดเรื่องไหน ลองนึกถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไว้ก่อน แล้วเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้เป็นแผนสำรอง หากเขาชอบมาสาย ให้ลองนัดเผื่อเวลา หากเขางานเสร็จไว แต่มักไม่ตรวจทาน ให้ลองกำหนดว่ารอบนี้ขอเป็นรอบที่ตรวจทานมาก่อนส่งได้เลย เรื่องแผนสำรองนี้ หากไม่ได้ใช้ก็ถือเป็นเรื่องดีไป แต่หากต้องใช้แล้วไม่มีใช้ขึ้นมา อันนั้นออกจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าการคิดแผนล่วงหน้าไว้
- มีคนกลางมาช่วยเป็นกาวใจ
หากรู้สึกว่าปัญหานี้เริ่มไม่ใช่เล่นๆ แล้ว ฝั่งนั้นก็เริ่มโวยวายแกเป็นใคร มาว่าฉันทำงานพลาด แกคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่พอใจกับสิ่งนี้ เราสามารถกดปุ่มฉุกเฉิน เรียกกำลังเสริมเป็นคนกลาง อย่างหัวหน้าทีม ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น หรือแม้แต่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล มาช่วยแจกแจงเรื่องราวให้เขาเข้าใจมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เราเองก็ไม่มั่นใจว่าเราจะมีวิธีสื่อสารที่เหมาะสมหรือเปล่า การให้คนกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียมาช่วยไกล่เกลี่ย ดูจะเป็นทางออกที่ดีไม่น้อยเลย
- นึกถึงหนทางระยะยาวเอาไว้ให้มาก
ระหว่างทางอาจเกิดความไม่พอใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทุบทำลายหน้าที่การงานของเขาให้จมลงก็ได้ แค่จัดการปัญหาให้อยู่ในขอบเขตของงาน ไม่มีอคติส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าเรายังต้องพึ่งพากันอีกหรือเปล่า ต้องวนกลับมาทำงานด้วยกันอีกกี่ครั้ง หรืออาจจะกลายเป็นเราเองที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด จนกลายเป็นคนอื่นเข็ดขยาดที่จะทำงานกับเรา
- มีพื้นที่แม้เคยพลาด
หากปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมานั้น ได้ถูกแก้ไขอย่างถูกต้องแล้ว เราเองก็ต้องปล่อยมือจากเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน อย่าให้ถึงขนาดความผิดพลาดครั้งเดียวจะก่ออคติเป็นกำแพงสูง ไม่ให้เขาหยิบจับงานในด้านนั้นต่อไปอีกเลย ลองมีพื้นที่ให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หากมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นแปลว่าเราจะไม่ได้เจอปัญหาที่เคยกุมขมับอีกต่อไปแล้วก็ได้นะ
ทุกคนล้วนเคยล้มในสนามนี้ทั้งนั้น ไม่เราก็เขา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง หากเรารับมือสิ่งนี้ได้ดี ลบอคติต่อข้อผิดพลาดของเขาและหาทางออกให้กับงานได้ นอกจากดีกับเส้นทางความสัมพันธ์ในระยะยาวแล้ว ในวันหนึ่งที่เราเองเป็นฝ่ายล้มบ้าง ความมืออาชีพที่เราเคยฝากไว้ อาจกลับมาช่วยให้เราลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยไม่มีอคติของใครมากีดกั้น
อ้างอิงจาก