“ที่สังคมมองว่าคุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น ขอร้องว่าสังคมอย่าสร้างวลีเช่นนั้น ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่ … ตำรวจก็อยากจะจับกุมให้ได้และดำเนินคดี แต่คดีเป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน”
คือคำตัดพ้อของ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังแถลงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ลูกหลานในตระกูลผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง ‘กระทิงแดง’ เพราะพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมาตอนแรก ไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าตัวได้
ที่สุดแล้ว สิ่งที่ตำรวจพอจะทำได้หลังจากนี้ ก็คือขอศาลถอนหมายจับของเจ้าตัว ทำให้ ‘บอส อยู่วิทยา’ สามารถเดินทางกลับไทยได้ หลังหนีคดีนี้ในเมืองนอกมาหลายปี
ขอต้อนรับคนไทยคนหนึ่งที่จะได้กลับประเทศแบบไร้มลทิน ! เช่นเดียวกับขอเชิญทุกท่านมาร่วมถกเถียงถึงกระบวนการยุติธรรมไทย ว่าที่สุดแล้ว วลี ‘คุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้น’ ยังเป็นจริงหรือไม่ ณ พ.ศ.นี้
แม้ผลคดีล่าสุดนี้ อาจทำให้เราเห็นแตกต่างกันได้ยากนัก
คดีที่มีผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจ มีพยานหลักฐานมากมาย มีรถที่ก่อเหตุในบ้าน เหตุใดถึงเอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้
โศกนาฎกรรมนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน.. ใครอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง The MATTER จะเล่าให้ฟัง
( หมายเหตุ: รถยนต์ในภาพประกอบไม่ใช่รถยนต์คันที่ก่อเหตุ )
1.) ตีห้าครึ่งของวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2555 ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตราโล่ ถูกรถซูเปอร์คาร์ขับชนและลากร่างไปไกล 200 เมตร จนเสียชีวิตบริเวณปากซอยสุขุมวิท 49
2.) รถที่ก่อเหตุคือ Ferrari Pininfarina สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร
3.) ทราบภายหลังผู้ขับขี่รถยนต์คือ วรยุทธ อยู่วิทยา (ขณะนั้นอายุ 27 ปี) ลูกชายคนเล็กของเฉลิม อยู่วิทยา และเป็นหลานชายของเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ ‘กระทิงแดง’ ครอบครัวมหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของเมืองไทย จากการจัดลำดับโดยนิตยสารฟอร์บส์
4.) คดีนี้อยากให้โฟกัสการทำหน้าที่ของคนในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจมาจนถึงอัยการ
5.) พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาบอส อยู่วิทยา ใน 5 ข้อหา ได้แก่
– ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
– ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน
– ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
– ขับรถขณะมึนเมา
– ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย
6.) เหตุเกิดปี 2555 แต่กว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการก็ในปี 2559 โดยส่งฟ้องเพียง 2 ข้อหา คือ ‘ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย’ และ ‘ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน’
ส่วนข้อหาอื่นอีก 3 ข้อหา หมดอายุความไปแล้ว
7.) จากนั้น อัยการได้ส่งหนังสือนัดบอส อยู่วิทยา เพื่อนำไปส่งฟ้องต่อศาล แต่เจ้าตัวก็ขอเลื่อนถึง 7 ครั้ง โดยอ้างว่า ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศหรือยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับสภา ซึ่งบางฝ่ายมองว่าเป็นช่องโหว่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ที่ไม่กำหนดระยะเวลาพิจารณาคดีของอัยการ ทำให้สามารถเลื่อนไปได้เรื่อยๆ
8.) กระทั่งในการนัดครั้งที่ 8 ช่วงต้นปี 2560 ปรากฎว่า เจ้าตัวหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ จนต้องมีการขอศาลให้ออกหมายจับ และแจ้งไปยังตำรวจสากล (INTERPOL) ให้ขึ้นหมายแดงหรือ red notice ในเว็บไซต์ เพื่อตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย
9.) ถึงเวลานั้นอีก 1 ข้อหา คือ ‘ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน’ ก็หมดอายุความไปอีก
จึงเหลือเพียงข้อหาเดียวคือ ‘ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย’ ที่มีอายุความ 15 ปี หรือจะหมดอายุความในปี 2570 ซึ่งทั้งตำรวจและอัยการก็ประสานเสียงว่า จะนำตัวเจ้าตัวมาดำเนินคดีให้ได้
10.) ในระหว่างที่บอส อยู่วิทยา ไม่มารายงานตัวกับอัยการ สำนักข่าวต่างชาติก็ไปค้นหาร่องรอยเจ้าตัวผ่านโซเชียลมีเดีย ก่อนจะพบการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในต่างประเทศ ทั้งจัดงานฉลองคริสต์มาส จัดงานวันเกิด ไปเล่นหิมะ ไปดูฟุตบอล ไปดูแข่งรถ F1 นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ฯลฯ
11.) สำนักข่าวเอพีติดตามจนพบที่อยู่ของบอส อยู่วิทยา ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ และเข้าไปสอบถามถึงคดีความที่ไม่ไปพบกับอัยการ แต่เจ้าตัวไม่ให้คำตอบใดๆ
หลังจากนั้นก็ย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวทันที !
12.) ปี 2561 จู่ๆ หมายแดงของบอส อยู่วิทยา บนเว็บไซต์ INTERPOL ก็หายไป ตำรวจอ้างว่าหมายจับยังอยู่แค่ไม่แสดงผลบนเว็บไซต์ของตำรวจสากล ?
ขณะที่ทางอัยการชี้แจงว่า การจะส่งหมายจับไปให้ต่างประเทศช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีต้องยืนยันที่อยู่เจ้าตัวก่อน ซึ่งตำรวจก็อ้างว่า ได้ติดต่อไปหลายประเทศแล้วแต่ยังไม่มีที่ใดยืนยันกลับมา ไม่ว่าจะแคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส
13.) ระหว่างนั้น ตระกูลอยู่วิทยาติดต่อให้เงินเยียวยากับครอบครัว ด.ต.วิเชียร เป็นเงิน 3 ล้านบาท แลกกับข้อตกลงว่าจะไม่ฟ้องร้องคดีเองภายหลัง ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทำให้การนำตัวบอส อยู่วิทยา มาดำเนินคดี เหลือเพียงคดีที่อยู่กับอัยการเท่านั้น
พรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร ระบุกับ PPTV ว่าเหตุที่ยอมรับเงินเยียวยา เพราะไม่ต้องการให้กระบวนการยืดเยื้อ
ก่อนหน้านี้ เขายังเคยให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า ด.ต.วิเชียรไม่มีลูก พ่อแม่ก็ตายไปแล้ว การจะฟ้องร้องเองต้องใช้เงินจ้างทนายความ พวกตนต้องทำมาหากิน คงไม่มีเวลามากขนาดนั้น แต่ก็ยังหวังว่า เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองจะช่วยทำคดี ให้เกิดความยุติธรรมขึ้น
14.) เข้าสู่ปี 2563 อยู่ๆ ป.ป.ช.ก็มีมติชี้มูลความผิด 7 นายตำรวจ ในข้อหาช่วยเหลือบอส อยู่วิทยา ไม่ให้ถูกดำเนินคดี จนเจ้าตัวหลบหนีไปต่างประเทศ เพียง ‘ผิดวินัยไม่ร้ายแรง’ เท่านั้น ซึ่งบทลงโทษที่ได้รับก็คือภาคทัณฑ์-กักยาม
15.) กระทั่งค่ำวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ก็มีรายงานจากสำนักข่าว CNN และ The Reporters ว่า อัยการสั่งไม่ฟ้องบอส อยู่วิทยา ในข้อหาเดียวที่เหลืออยู่แล้ว และทาง ผบ.ตร.ก็ไม่คัดค้าน ทำให้บทสรุปก็คือเจ้าตัวไม่ถูกดำเนินคดีในท้ายที่สุด
และทางตำรวจก็เตรียมยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อถอนหมายจับเจ้าตัว
16.) เสียงวิจารณ์เรื่อง ‘คุกมีไว้ขังแค่คนจน’ จึงดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทยว่ามีปัญหา ณ จุดใด เหตุใดวลีดังกล่าวจึงถูกพูดถึงมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมได้เลย
อ้างอิงจาก
https://www.thaipost.net/main/detail/72378
https://mgronline.com/crime/detail/9630000075942
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890780
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/748021
https://apnews.com/7737b2dc823145b0a835ed66bdaeea7b
https://www.bbc.com/thai/39742348
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/50630
https://mgronline.com/crime/detail/9630000067209
https://edition.cnn.com/2020/07/23/asia/red-bull-vorayud-yoovidhya-charges-dropped-intl/index.html
https://www.facebook.com/TheReportersTH/photos/a.2341794622737591/2703362046580845
#Recap #TheMATTER