“ปัญหาคนไม่พอ เร่งผลิต ถ้าให้คิดคือคุณดึงคนอยู่ในระบบไม่ได้…วันนี้ คุณวิเคราะห์ปัญหาถึงรากเหง้ากันหรือยัง?” เป็นเสียงสะท้อนจากสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย หลังมีข่าวนโยบายเพิ่มจำนวนพยาบาลเข้าสู่ระบบ
‘1 ต่อ 343 คน’ คือตัวเลขเฉลี่ยของสัดส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อจำนวนประชากรในประเทศไทย และ 1 ต่อ 712 คน คือสัดส่วนในจังหวัดหนองบัวลำภูซึ่งพยาบาลขาดแคลนมากที่สุด ในขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุสัดส่วนที่ควรจะเป็นไว้ที่ 1 ต่อ 270 คนเท่านั้น โดยพบว่าเฉลี่ยแล้ว ไทยยังขาดแคลนพยาบาลอยู่มากถึง 51,420 คน
จากข้อมูลที่สะท้อนปัญหาขาดแคลนพยาบาลในการดูแลประชาชนนี้ สถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) ร่วมกับสภาการพยาบาล จึงมีข้อเสนอในการผลิตพยาบาลเพิ่มเฉลี่ยปีละ 2,500 คน โดยให้ผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีจากสาขาใดก็ได้ เรียนต่อในคณะพยาบาลศาสตร์อีก 2 ปีครึ่ง โดยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าเห็นชอบกับนโยบายนี้ และจะเริ่มดำเนินการในปี 2568
การเพิ่มคนเข้าระบบเพียงอย่างเดียวจะเป็นการแก้ไขปัญหาพยาบาลขาดแคลนได้จริงหรือ? หรือมีปัจจัยอะไรมากกว่านั้น? นี่เป็นประเด็นที่บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนทั่วไปกำลังวิจารณ์ถึงนโยบายนี้บนโซเชียลมีเดีย The MATTER จึงไปรวบรวมคำตอบต่อคำถามเหล่านี้มาให้
สรุปปัจจัย ทำไมพยาบาลถึงลาออก
- ไม่มีความก้าวหน้า : พยาบาลจำนวนมากตำแหน่งเงินเดือนตันเนื่องจากระบบ ระบบก้าวหน้าไม่เป็นไปตามความรู้ความสามารถ แม้จะจบปริญญาโท–เอก แต่ก็ยังต้องอยู่ในระดับชำนาญการ
- งานหนัก : พยาบาลต้องทำงานติดต่อกันถึง 24 ชั่วโมง และเพราะคนไม่เพียงพอ จึงมีภาระงานมากถึง 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สวนทางกับประกาศจากสภาการพยาบาลเรื่องนโยบายชั่วโมงการทำงาน ว่าพยาบาลไม่ควรทำงานเกินสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง หรือหากมากกว่านั้นต้องเป็นไปตามความสมัครใจ และควรหลีกเลี่ยงการทำงานเกิน 12 ชั่วโมงต่อวันติดกันเกิน 3 วันใน 1 สัปดาห์
- เงินน้อย : ค่าตอบแทนพยาบาลวิชาชีพ ตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข อยู่ที่ 1,000-22,800 บาทต่อเดือน ซึ่งคิดจากค่าเวร 600 บาทต่อวัน และเวรบ่าย–ดึก 240 บาทต่อวัน นอกจากนั้นยังมีค่าตอบแทนที่ประมาณการไม่ได้ เช่น การช่วยผ่าตัด ช่วยเตรียมผู้ป่วย หรือคลินิกนอกเวลา
- สวัสดิการบ้านพัก : สภาพบ้านไม่พร้อมแก่การอยู่อาศัยเพราะโครงสร้างไม่ได้รับการซ่อมแซมมาเป็นเวลานาน และจากสถิติในปี 2561 บ้านพักพยาบาลยังไม่เพียงพออีกกว่า 7,000 แห่ง
โดยผลสำรวจจากสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย ในปี 2563 เก็บข้อมูลจากพยาบาลและบุคลากรสาธารณสุขจำนวน 4,563 คน พบว่า ‘เบื่อระบบ ไม่ก้าวหน้า และรายได้ไม่เพียงพอ’ เป็นปัจจัยสามอันดับแรกที่ทำให้อยากลาออก ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 46% ตอบว่าคิดจะลาออกก่อนเกษียณ ซึ่งในปัจจุบัน ข้อมูลจากสภาการพยาบาลเผยว่า มีจำนวนพยาบาลลาออกเฉลี่ยปีละ 7,000 คน
The MATTER ไปคุยกับ เตย (นามสมมติ) นักศึกษาพยาบาลจบใหม่ ถึงความรู้สึกที่มีต่อประเด็นนี้ เตยบอกเราว่า “เรามีความกังวลกับการทำอาชีพพยาบาลในอนาคต เพราะจบแล้วยังต้องใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐ แบกรับความเสี่ยงเรื่องการฟ้องร้อง และงานหนัก แต่เงินน้อย”
เตยจึงเห็นว่านโยบายการแก้ไขปัญหานี้ไม่ตรงจุด และยังกังวลกับการให้เรียนพยาบาลต่อเพียงสองปีครึ่ง โดยเห็นว่าจำนวนเวลาที่น้อยอาจไม่เพียงพอต่อเนื้อหาทั้งหมดและไม่มีประสบการณ์มากเพียงพอ จึงอาจไม่เป็นผลดีกับผู้เข้าใช้บริการหรือผู้ป่วยได้
ในด้านของประชาชนทั่วไป มีการแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์ทั้งไม่เห็นด้วยกับนโยบาย เพราะมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด และคิดว่าทักษะที่ได้จากเวลาเพียงสองปีครึ่งอาจไม่มีคุณภาพ
อย่างไรก็ดี อีกฝั่งหนึ่งเห็นด้วยกับการให้เรียนจบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้และเรียนต่อพยาบาลอีกสองปีครึ่ง เพราะพยาบาลเป็นอาชีพที่ขาดแคลนทั้งในและนอกประเทศ และเห็นว่าจะได้มีคนเพิ่มขึ้นเพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระงาน
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เล่าถึงรายละเอียดหลักสูตรนี้ว่า “เป็นหลักสูตรเร่งรัดมาตรฐาน ใช้เวลาผลิต 2 ปีครึ่ง รับจากผู้จบการศึกษาปริญญาตรี ไปต่อยอดเร่งรัดการผลิต ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยในหลักการ แต่มีข้อสังเกตกระบวนการผลิต หลักสูตรการรับรอง ความพร้อมของแหล่งผลิต เรื่องงบประมาณ จึงให้ทาง สบช. และผู้เกี่ยวข้องไปจัดทำรายละเอียดเพื่อนำเสนอต่อ ครม. ต่อไป”
หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากถึงความไม่เหมาะสมของนโยบาย จึงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีการแก้ไขนโยบายให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงมากขึ้นหรือไม่ รวมถึงสถานการณ์การขาดแคลนพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางสาธารณสุขต่างๆ จะถูกแก้ไขอย่างไรไม่ให้เกิดภาวะสมองไหลออกจากระบบดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อ้างอิง
https://www.hfocus.org/content/2024/02/29813
https://www.thaipbs.or.th/news/content/337294
https://www.facebook.com/thainurseunion/posts/2698197110284318
https://www.tnmc.or.th/images/userfiles/files/H002.pdf
https://www.hfocus.org/content/2023/12/29250
https://www.thairath.co.th/news/society/1359403
https://mgronline.com/qol/detail/9610000098484
https://www.hfocus.org/content/2014/06/7521
https://www.hfocus.org/content/2023/06/27788