ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 และมลภาวะทางอากาศเป็นปัญหาที่รบกวนชีวิตคนไทยต่อเนื่องหลายปี โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่เราจะเห็นหมอกพิษปกคลุมเมืองอย่างแน่นหนา ซึ่งส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของประชาชนโดยตรง
วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด หรือ ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ ในวาระ 3 โดยลงมติเห็นชอบกฎหมายดังกล่าว 309 เสียง ไม่มีเสียงไม่เห็นด้วย งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 5 เสียง ก่อนจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป
การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดนี้ มีการนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อเนื่องถึง 7 นัด โดยเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวาระ 2 ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นการพิจารณารายมาตรา จากเดิมร่างกฎหมายฉบับนี้มี 104 มาตรา ได้มีการเพิ่มมาตราแยกย่อยขึ้นใหม่รวมเกือบ 300 มาตรา
ทั้งนี้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 และเริ่มมีการผลักดันโดนภาคประชาชนตั้งแต่ปี 2562 ก่อนฝ่ายการเมืองจะเข้ามารับไม้ต่อ ซึ่งจะกำหนดสิทธิในอากาศสะอาดของประชาชนควบคู่กับมิติสุขภาพ
พร้อมยึดหลักการ ‘ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle)’ และสร้างมาตรการเพิ่มแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ก่อมลพิษ มีบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และการบูรณาการข้อมูลทุกภาคส่วนระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการจัดการปัญหาร่วมกัน
นอกจากนั้น ยังเพิ่มบทบาทชัดเจนในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศสำหรับองค์กรการปกครองส่วนภูมิภาคหรือการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้นายก อบจ. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด มีอำนาจทั้งการประกาศเขตเฝ้าระวังและเขตประสบมลพิษ และอำนาจในการสั่งการต่างๆ
จากนี้ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด จะเข้าสู่วุฒิสภา หากมีการพิจารณาภายในกรอบเวลา 30 วันโดยไม่ขอขยายอีก 30 วันนั้น กฎหมายฉบับนี้จะแล้วเสร็จทุกกระบวนการและมีผลบังคับใช้ในภายในต้นปี 2569