เมื่อ 29 กันยายน 2568 ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ที่รัฐสภา วาโย อัศวรุ่งเรือง สส. พรรคประชาชน อภิปรายนโยบายของรัฐบาลในประเด็นกระบวนการยุติธรรมโดยเชื่อมโยงกับ ‘คดีฮั้ว สว.’ พบพิรุธการลงคะแนนซ้ำ เรียงเป็นชุด แม้บางคนตกรอบไปแล้วแต่ยังได้รับเลือกอยู่
ปัจจุบัน สว. อย่างน้อย 136 คน และเครือข่ายพรรคภูมิใจไทยอีก 91 คนรวม อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี อยู่ในรายชื่อที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในคดีทุจริตการเลือกสมาชิกวุฒิสภาหรือ ‘คดีฮั้ว สว.’
โดยระหว่างการอภิปรายได้มี สว. ผู้ถูกออกหมายเรียกในคดีดังกล่าว 3 คน ได้แก่ พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย, พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ และประเทือง มนตรี ลุกขึ้นประท้วงให้อภิปรายเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยอ้างว่า ‘คดีนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณา’ ทำให้มีการประท้วงตอบโต้จนวาโยต้องยุติการอภิปรายทั้งที่เนื้อหายังไม่ครบ
ถึงกระนั้น 1 ตุลาคม 2568 เฟซบุ๊กเพจพรรคประชาชน – People’s Party เผยแพร่วีดิโอ ‘เปิดคลิปเต็ม “ฮั้ว สว.” เนื้อหาที่อภิปรายในสภาไม่ได้!’ โดยเป็นการอภิปรายภาคต่อของคดีฮั้ว สว. ซึ่งมีวาโยยืนอธิบายกับจอภาพนอกห้องประชุมรัฐสภา
วาโย กล่าวว่า การเลือก สว. มีลักษณะการลงคะแนนซ้ำๆ ให้ผู้สมัครเป็นชุด โดยเรียงเลขเหมือนกันเป็นแพทเทิร์น ซึ่งหากพิจารณาผ่านคณิตศาสตร์ความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมีโอกาสน้อยกว่าการถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล
จากหลักฐานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่ามีการจัดทำโพยเพื่อลงคะแนนให้ผู้สมัครในเครือข่าย โดยมีลักษณะความผิดปกติ คือ ‘การลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ตกรอบไปแล้วตามโพย’
ด้าน iLaw ระบุ ในการนับคะแนนระหว่างการเลือก สว. รอบเลือกไขว้ระดับประเทศ พบผู้สมัครเกาะกลุ่มกันได้คะแนนสูงจนติดท็อป 6 ในทุกกลุ่ม คือ มีคะแนน ‘ล้นกระดาน’ หรือมีคะแนนสูงจนเจ้าหน้าที่ต้องเอากระดาษขีดคะแนนมาต่อเพิ่มจากกระดานขีดคะแนนเดิม
ขณะที่วาโยนำข้อมูลต่างๆ มาประกอบกันและพบว่ามีผู้สมัครได้คะแนนติดท็อป 7 ทั้งหมด 18 กลุ่ม (จาก 20 กลุ่ม) โดยอีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม 5 (อาชีพทำนา ทำไร่) และกลุ่ม 14 (กลุ่มสตรี) มีเพียงท็อป 6 เท่านั้น โดยผู้สมัครเหล่านี้ได้คะแนนสูงล้นกระดาน และเป็น สว. ที่ถูกสอบสวนในคดีฮั้ว สว. อีกด้วย
กรณีตัวอย่าง คือ กลุ่ม 14 กลุ่มสตรี ซึ่งมีโพยที่ลงคะแนนให้ผู้สมัครหมายเลข 17, 21, 24, 85, 128, 140 และ 148 แต่ผู้สมัครหมายเลข 128 ในโพยได้ตกรอบไปแล้วในรอบเลือกกันเอง ทำให้มีเพียงหมายเลข 17, 21, 24, 85, และ 140 ที่ผ่านเข้ารอบจนได้เป็น สว. แบบคะแนนล้นกระดาน
โดยผู้สมัครหมายเลข 128 คือ สุกัญญา ประจวบเหมาะ ประธานสมาคมสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งลงสมัคร สว. ในเขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และผ่านเข้ารอบมาจนถึงระดับประเทศ แต่ตกม้าตายเมื่อต้องจับสลากเพื่อเข้าสู่รอบไขว้เพราะได้คะแนนเท่ากันกับผู้สมัครอีก 2 คน
iLaw พบว่า ‘หมายเลข 128 สุกัญญา ประจวบเหมาะ’ เป็นหนึ่งในหมายเลขที่ได้รับประโยชน์จากการลงคะแนนแบบมีแพทเทิร์นนี้ จากการจับภาพผ่านกล้องวงจรปิดพบว่ามีคะแนนที่ลงเป็นแพทเทิร์นให้เธอเป็นชุดถึง 9 ใบ ดังนี้
- อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, มยุรี โพธิแสน, เจียระนัย ตังกีรติ, จารุณี ฤกษ์ปราณี
- อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, มยุรี โพธิแสน, เจียระนัย ตังกีรติ, จารุณี ฤกษ์ปราณี
- อจลา ณ ระนอง, อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, เจียระนัย ตังกีรติ, จารุณี ฤกษ์ปราณี
- อัจฉรพรรณ หอมรส, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, มยุรี โพธิแสน, เจียระนัย ตังกีรติ, จารุณี ฤกษ์ปราณี
- อัจฉรพรรณ หอมรส, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, มยุรี โพธิแสน, เจียระนัย ตังกีรติ, จุฑารัตน์ นิลเปรม
- อัจฉรพรรณ หอมรส, อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, จุฑารัตน์ นิลเปรม, จารุณี ฤกษ์ปราณี
- อัจฉรพรรณ หอมรส, อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, เจียระนัย ตังกีรติ, จุฑารัตน์ นิลเปรม
- อัจฉรพรรณ หอมรส, อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, มยุรี โพธิแสน, เจียระนัย ตังกีรติ
- อัจฉรพรรณ หอมรส, อจลา ณ ระนอง, สุกัญญา ประจวบเหมาะ, พองาม ปรีดาสันติ, จุฑารัตน์ นิลเปรม
ซึ่งการลงคะแนนดังกล่าว เกิดขึ้นหลังสุกัญญาตกรอบไปแล้ว แต่ยังมีผู้สมัครลงคะแนนตามโพยดังกล่าวอยู่ และตามระเบียบการเลือก สว. การลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ไม่มีสิทธิได้รับเลือกหรือผู้สมัครที่ตกรอบไปแล้วจะเป็นบัตรเสียทันที โดยคะแนนที่ลงให้ผู้สมัครทุกช่องในบัตรลงคะแนนจะไม่ถูกนับ
ข้อมูลเหล่านี้ นำไปสู่ข้อสันนิษฐานว่า มีการจัดทำโพยการเลือกและเก็งคะแนนให้ผู้สมัครกลุ่มต่างๆ ได้เข้ารอบไว้แล้ว แต่เมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่น กรณีที่สุกัญญาจับสลากไม่ผ่าน ก็ไม่ได้มีการแก้ไขหมายเลขในโพยจนทำให้ยังมีคนลงคะแนนให้สุกัญญาอยู่ แม้เธอจะตกรอบไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ วาโยมองว่า ‘การจดโพย’ เพื่อช่วยจำขณะลงคะแนนไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ การเตรียมทำโพย 20 ช่องสำหรับการลงคะแนนรอบเลือกไขว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งที่ยังไม่รู้ผลว่าผู้สมัครหมายเลขใดจะผ่านรอบเลือกกันเองไปสู่รอบเลือกไขว้บ้าง
และวาโยคาดหวังว่า รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของคดีเหล่านี้ โดยปล่อยให้ กกต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการไปตามขั้นตอน พร้อมตั้งคำถามถึงกรณีที่มีคำสั่งย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก่อนหน้านี้
สุดท้ายนี้ วาโยได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นสัญญาต่อรัฐสภาว่าจะไม่ย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตลอดระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา
อ้างอิงจาก