“ALWAYS HERE”
ตัวอักษรสีขาวบนกระดาษสีชมพูสดในมือของเด็ก ม.ต้นคนหนึ่ง ถูกชูขึ้นด้วยความรู้สึกท่วมท้นในงานแฟนมีตติ้งเปิดตัวพรีเซนเตอร์ของเครื่องดื่มใหม่บีอิ้ง ณ ประเทศไทย จนถึงวันที่เด็กคนนั้นเป็นนักเรียน ม.ปลายกำลังเกาะหน้าจอคอมฯ หลังเลิกเรียนของเพื่อรอฟังเพลงและดูมิวสิกวิดีโอเดบิวต์โซโล่เดี่ยวของ คิมแทยอน หรือ ‘พี่แท’ หรือ ‘แทงกู’ ของเหล่าโซวอนและแทงปา ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจากวงโซนยอชิแด (SNSD) หรือ Girls’ Generation
กระทั่งกะพริบตาอีกที เวลาก็ผ่านไปกว่า 10 ปีแล้วหลังจากวันนั้น แต่โวคอลควีนอย่างพี่แทยังคงจับไมโครโฟนและเปล่งประกายอยู่ดังเดิม เพิ่มเติมคือจากเด็กสาวสวมชุดนักเรียนคนนั้น ตอนนี้เธอกำลังยิ้มบางๆ พลางจ้องมองศิลปินที่รักด้วยความภูมิใจในชุดทำงานแล้ว
18 ปีในฐานะเมนโวคอลและลีดเดอร์ของเกิร์ลกรุ๊ปอย่างโซชิ และกว่า 10 ปีหลังโซโล่เดบิวต์ แทยอนมีผลงานออกมาให้เหล่าแฟนๆ ได้หายคิดถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ๆ คอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง หรือรายการวาไรตี้ต่างๆ เรียกได้ว่าเราเห็นพี่แทยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ เพื่อทำในสิ่งที่รักมาตลอดครึ่งชีวิต และกว่าครึ่งชีวิตของเราเองในฐานะแฟนคลับ ก็ได้มีรอยยิ้มและความสุขเมื่อได้เห็นพี่แทได้ใช้ชีวิตมาอย่างดีเช่นกัน
การกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ ‘TAEYEON CONCERT – The TENSE’ คอนเสิร์ตใหญ่ล่าสุดในปี 2025 จึงเป็นหมุดหมายของการฉลองการเดินทางตลอดเวลา 10 ปีในฐานะศิลปินเดี่ยวของคิมแทยอน โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ นอกจากเราจะได้ฟังเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดอย่าง Letter to Myself แล้ว เพลงเก่าๆ ในตำนานมากมาย เช่น U R ที่หลายคนรอคอย ยังถูกนำกลับมาร้องอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้นเพลง Rain ที่โซวอนไทยเคยร่วมร้อง(แต่ผิด) ในคอนเสิร์ตครั้งก่อนๆ ก็ถูกนำมาเป็นโปรเจ็กต์ให้เราร้องกันใหม่เพื่อแก้ตัวซะเลย เพราะงั้นอย่าลืมซ้อมกันมาให้ดี รอบนี้เราต้องไม่ผิด ไม่พลาด ไม่ขายหน้าแล้วนะ!
แต่ก่อนที่เราจะได้ไปหูเคลือบทองกันที่คอนเสิร์ตดังกล่าว ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2025 ที่จะถึงนี้ The MATTER ขอชวนทุกคนย้อนรอยเส้นทางตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ของ ‘คิมแทยอน’ กันว่า หลังจากเดบิวต์โซโล่เดียวแล้ว ศิลปินที่เหล่าโซวอนและแทงปาเฝ้ามองด้วยความรักและภาคภูมิใจคนนี้ ได้สร้างสรรค์ผลงานออกมามากมายขนาดไหน รูปโฉมและคอนเซ็ปต์แบบไหนที่นำเสนอออกมา เธอไปพบปะแฟนๆ ที่ไหนมาบ้าง ไปจนถึงรางวัลที่การันตีความสำเร็จและคุณภาพ
ตลอด 10 ปีแห่งการเดินทาง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาในฐานะศิลปินแห่งเกิร์ลกรุ๊ป แทยอนได้ออกเพลงในนามวงมามากมาย ในขณะเดียวกันพี่แทก็ได้เดบิวต์โซโล่เดี่ยวครั้งแรกในปี 2015 กับเพลง I ที่สามารถครองชาร์ตรายการเพลงขณะนั้น และไม่ว่าพี่แทจะร้องเพลงจากอัลบั้มของเธอเอง หรือเพลงประกอบหนัง ซีรีส์ เกม ไปจนถึงการร่วมโปรเจ็กต์กับนักร้องคนอื่นๆ เพลงเหล่านั้นมักจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมอยู่เสมอ
วันนี้เราเลยลองรวบรวมเพลงทั้งหมดภายใต้ชื่อของนักร้อง ‘คิมแทยอน’ ยกเว้นเพลง remixed และ Instrumental มาให้ทุกคนได้เห็นกันว่า พี่แทร้องเพลงไปแล้วทั้งหมด 144 เพลง โดยถ้าเราจะฟังยาวๆ ติดต่อกันนั้นนับเป็นเวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง 26 นาที 34 วินาทีเลยทีเดียว
เมื่อนับจากโซโล่เดบิวต์แล้ว พี่แทมีอัลบั้มของตัวเองออกมาถึง 13 อัลบั้ม แบ่งเป็น 4 อัลบั้มเต็ม ได้แก่ My Voice ในปี 2017, Purpose ในปี 2019, Purpose – repackage ในปี 2020, INVU ในปี 2022 ต่อมาคือ 6 มินิอัลบั้มเกาหลี ได้แก่ I ในปี 2015, Why ในปี 2016, Something New ในปี 2018, What Do I Call You ในปี 2020, To. X ในปี 2023 และ Letter to Myself ในปี 2024 ตามมาด้วย 2 มินิอัลบั้มญี่ปุ่นอย่าง Voice ในปี 2019, GirlsSpkOut ในปี 2020 และ 1 สเปเชียลอัลบั้มอย่าง Winter is Coming ในปี 2017 ทั้งนี้พี่แทก็ยังมีซิงเกิ้ลด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Rain ในปี 2016, Heaven ในปี 2024 และซิงเกิ้ลญี่ปุ่นอย่าง Stay ในปี 2018 ให้เราได้ฟังกันไปเพลินๆ
นอกจากเพลงในอัลบั้มสวยๆ แล้ว พี่แทยังมีแผ่นเสียงสำหรับสายคลาสสิกที่หลงรักในแผ่นไวนิลด้วยกันถึง 5 แผ่นเสียง ได้แก่ I (2015), What Do I Call You (2020), INVU (2022), To.X (2023) และ Letter to Myself (2024) ซึ่งมาพร้อมดีเทลที่สวยงาม และหลายแผ่นในปัจจุบันนี้นั้นเรียกได้ว่าหายากจนมีราคาพุ่งสูงเกินเอื้อมไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าไม่ใช่แค่เพลงของตัวเอง แต่พี่แทยังไปร่วมโปรเจ็กต์ต่างๆ หรือกระทั่ง Feat. ให้ศิลปินอื่นๆ อีกมากมายถึง 22 เพลง ยกตัวอย่างเช่น โปรเจ็กต์ S.M. The Ballad ในเพลง Breath ที่ร้องร่วมกับจงฮยอน Shinee, เพลง SHAKE THAT BRASS กับแอมเบอร์จากวง Fx ในปี 2015 หรือร่วมงานกับ Crush ในปี 2016 และ 2020 ไปจนถึงร่วม Feat. กับเพลงในอัลบั้มโซโล่ของศิลปินในค่ายด้วยกันอย่างแทมิน, คีย์ Shinee และโดยอง NCT และล่าสุดในปี 2024 ที่เป็นที่ฮือฮา คือการร่วมร้องเพลง I’m Not The Only One ในโปรเจ็กต์ฉลอง 10 ปีของ แซม สมิธ (Sam Smith)
ราชินีเพลง OST
นอกจากได้รับฉายานามว่า ‘โวคอลควีน’ แล้ว ตำนาน ‘ราชินีเพลง OST’ ก็ลอยมาปะทะเธอคนนี้เช่นกัน เพราะพี่แทเป็นเจ้าของเพลงประกอบซีรีส์และหนังที่เรียกได้ว่า ไม่ว่าใครได้ฟังต่างก็ต้องหยิบทิชชู่มาซับหัวตา โดยเฉพาะเพลงเศร้าที่ร้องได้เข้าอารมณ์จนถึงกับมีคนบอกว่า ถ่ายทอดออกมาได้ “เหมือนผ่านการหย่ามาแล้วถึง 7 ครั้ง” เลยทีเดียว
แต่ต้องบอกก่อนว่า การเก็บข้อมูลเพลง OST ที่ถูกขับร้องโดยพี่แทนั้น เราจะเริ่มเก็บตั้งแต่เพลงแรกในปี 2008 (ก่อนพี่แทจะมีโซโล่เดบิวต์) เพื่อให้ทุกคนได้เห็นไทม์ไลน์และจำนวนเพลงในส่วนนี้กันชัดๆ ไปเลยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่แทร้องเพลงประกอบซีรีส์และหนังไปแล้ว 1 ชั่วโมง 5 นาที 43 วินาที ด้วยจำนวนถึง 18 เพลงด้วยกัน ดังนี้
เริ่มด้วยเพลงที่ฮิตติดบ้านติดเมืองในปี 2008 อย่าง If จากซีรีส์ Hong Gil Dong และ Can You Hear Me จาก Beethoven Virus ต่อมาคือเพลงประกอบซีรีส์ Heading to the Ground อย่างเพลง It is Love ซึ่งร้องร่วมกับซันนี่ เพื่อนร่วมวงในปี 2009, เพลง I Love You จาก Athena ในปี 2010 ต่อมาคือเพลง Missing You Like Crazy จากซีรีส์ The King 2 hearts และ Closer ประกอบซีรีส์ To the Beautiful You ที่แสดงโดย มินโฮ Shinee และ ซอลลี่ Fx ในปี 2012, เพลง Only One จากซีรีส์ That Winter, The Wind Blows และเพลงประกอบหนังเรื่อง Mr.Go อย่างเพลง Bye ในปี 2013
ส่วนในปี 2014 มีเพลง Love, That One Word จากซีรีส์เรื่อง You’re All Surrounded ก็ได้คว้ารางวัล Best OST ไปด้วย และต่อมาพี่แทก็ได้ร้องเพลง All With You ประกอบซีรีส์ Moon Lovers ในปี 2016, รวมถึงเพลงประกอบซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Final Life อย่าง Rescue Me ในปี 2017, เพลง A Poem Titled You จาก Hotel Del Luna และ Into The Unknown – Korean Version จากหนังใหญ่อย่าง Frozen 2ในปี 2019, เพลง Kiss Me จาก Do You Like Brahms? ในปี 2020, เพลง Little Garden จาก Jirisanในปี 2021, เพลง By My Side จากซีรีส์ Our Blues และ You And Me จาก You and me ในปี 2022 และเพลงล่าสุดอย่าง Dream จากซีรีส์เรื่อง Welcome to Samdalri ในปี 2023
นอกจากนี้ พี่แทยังมีเพลงประกอบเกมต่างๆ อีกด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบเกม Sword & Magic อย่าง Atlantis Princess, เพลง Ahead of Destiny ประกอบเกม Gran Saga และ Fly Me to the Moon ประกอบเกม Moonlight Blade M
เมื่อทุก MV มีแต่ความเป็นเลิศ
จากจำนวน 144 เพลงที่ถูกร้องโดยพี่แทนั้น เป็นข้อมูลที่ถูกเก็บมาทั้งหมดตั้งแต่เพลงโซโล่ เพลง OST กระทั่งเพลงที่ร่วม Feat. และโปรเจ็กต์ต่างๆ แต่หากนับแยกเฉพาะเพลงไตเติ้ล หรือเพลงที่ถูกโปรโมตโดยมีมิวสิกวิดีโอ หรือ MV แล้วพบว่า พี่แทมี MV ด้วยกันทั้งหมด 23 ตัวด้วยกัน โดยจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคอนเซ็ปต์และวิธีการถ่ายทอดเรื่องราว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหล่าโซวอนและแทงปาล้วนรอคอยในทุกๆ ครั้งที่มีประกาศวันและเวลาเพื่อรอดูว่ารอบนี้พี่แทจะมาด้วยลุคไหน เสื้อผ้าเป็นยังไง ไปจนถึงทรงผมและลุ้นตัวโก่งในเรื่องของ ‘สีผม’ เพราะใครๆ ก็อดใจไม่ได้กับการวีนหยอกๆ ในไลฟ์หลังจากที่แฟนคลับบอกให้เปลี่ยนสีผมไปมาว่า “ผมฉันเสียหมดแล้วนะ!”
เริ่มจาก MV แรกในปี 2015 กับเพลง I ที่นอกจากจะ “สกายยย อิยาย อิยาย อิยาย ยายา” กันไปทั่วแล้ว คนในโลกอินเทอร์เน็ตต่างก็ตามหาวิธีที่จะหน้าเนียนใสแบบพี่แทใน MV ด้วย (แซว) ต่อมาในปี 2016 เพลง Rain กับลุคผมสั้นสีบลอนด์และชุดหนังในตอนท้ายจนเป็นที่จดจำ และ Starlight ที่มาพร้อมกับคุณดีน (DEAN) รวมถึงเพลง Why กับจังหวะสนุกสนานที่ชวนให้หลายคนลุกขึ้นมาเต้นในเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต เพราะพี่แทยอมเต้นแล้ว
ต่อมาปี 2017 ในปีนี้พี่แทได้ปล่อย MV ออกมาหลายตัวเลย ทั้ง 11:11 ที่อาจจะไม่ซับซ้อนในแง่การแต่งกาย แต่มวลอารมณ์และเสียงร้องที่เก็บทุกฟีลลิ่งนั้นเรียกได้ว่าอินจนซึมไปหลายวัน ต่อมาคือเพลง Fine แม้จะรู้สึกเสียดายปนเสียใจนิดๆ ที่ไม่ถูกนำมาร้องอีกแล้วในคอนเสิร์ตช่วงหลัง เพราะงั้นใครที่คิดถึงก็กลับไปดูมิวสิกวิดีโอนี้แทนนะ แม้จะ “It’s not fine” แต่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นพี่แทในเสื้อหนังเท่ๆ ต่อมาคือ I Got Love กับสโมกกี้อายและคอนแทคเลนส์สีฉ่ำ ตามมาด้วยลุคหวานฉ่ำในดงกุหลาบจากเพลง Make me love you และจบปี 2017 ด้วย This Christmas ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้มสเปเชียล
และประเดิมปี 2018 ด้วย MV เพลง Something New กับลุคเซเลปสาวสวยปากแดง ก่อนจะตามมาด้วยเพลงในมินิอัลบั้มญี่ปุ่นอย่าง Stay ส่วนปี 2019 ก็ได้ปล่อย MV ออกมาทั้งหมด 2 ตัว นั่นก็คือ สี่ฤดู หรือ Four Seasons และ Spark ที่เรียกได้ว่าร้อนแรงจนอดใจไม่ร้อง “ฮูฮู” ไม่ได้เลย ต่อมาในปี 2020 พี่แทได้ปล่อย MV ออกมาอีกถึง 4 ตัวด้วยกัน ได้แก่ Dear me, Happy และเพลงจากมินิอัลบั้มญี่ปุ่นที่ 2 อย่าง GirlsSpkOut ส่วน What Do I Call You นอกจากจะมี MV แล้วยังมาพร้อมแผ่นไวนิลให้ใครหลายคนได้เก็บด้วยนะ
ในปี 2021 แม้จะมี MV เพลง Weekend ออกมาแค่ตัวเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสีชมพูและท่าเต้นยกแขน-ขาพร้อมกันนั้นเป็นที่น่าจดจำขนาดไหน แต่หลังจากนั้นอีก 2 MV ก็ตามมาติดๆ ในปี 2022 กับเพลง Can’t Control Myself และ INVU ในแบบที่สตอรี่ของมิวสิกวิดีโอและคอสตูมแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง แล้วก็ตามมาด้วย MV To. X ในปี 2023 กับการมีเรื่องราวให้หลายคนอยากวิเคราะห์ เช่นเดียวกันกับเพลง Haeven ในปี 2024 ด้วยลุคผมดำชุดดำกับขวานด้ามหนึ่งในมือและหมีตัวใหญ่สีน้ำตาล และสุดท้ายคือเพลงจากมินิอัลบั้มที่ 6 อย่าง Letter to Myself ที่หลายคนต่างรอคอย
โซโล่คอนเสิร์ตตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
แน่นอนว่าควีนแห่งโวคอลอย่างพี่แทจะแค่ปล่อยเพลง ปล่อย MV ออกมาแล้วจบก็ไม่ได้ เพราะแฟนๆ จากทั่วโลกต่างก็รอคอยที่จะได้เห็นพี่แทตัวเป็นๆ กับตา ฟังเสียงสดๆ กับหูของตัวเอง ดังนั้น ในรอบ 10 ปีหลังจากเดบิวต์โซโล่แรก พี่แทจึงได้เดินทางไปพบปะโซวอนและแทงปาแบบจัดเต็ม ทั้งการแสดง แสงสีเสียง หรือแม้แต่วงดนตรีที่เล่นประกอบการร้อง พี่แทก็คัดมาแล้วอย่างดี
เริ่มต้นด้วยปี 2015 กับคอนเสิร์ต The Agit: Taeyeon’s ‘Very Special Day’ และ Taeyeon, Butterfly Kiss ในปี 2016 ก่อนจะตามมาด้วยคอนเสิร์ตสเปเชียลอย่าง The Magic of Christmas Time ในปี 2017 ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวทั้ง 3 ล้วนจัดขึ้นที่เกาหลีใต้
ส่วนประเทศญี่ปุ่นเอง เรารู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่พี่แทมีฐานแฟนๆ อยู่มากไม่แพ้ที่เกาหลีใต้เลย ในปี 2018 พี่แทจึงได้จัดทัวร์โชว์เคสในชื่อ Taeyeon – Japan Showcase Tour และตามมาด้วยคอนเสิร์ต Japan Tour 2019 ~Signal~ ในปี 2019
อย่างไรก็ตาม แฟนทั่วเอเชียของพี่แทเองก็ต่างรอคอยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะงั้นจึงได้ประกาศเอเชียทัวร์คอนเสิร์ตขึ้นมาครั้งแรกในปี 2017 ภายใต้ชื่อ Persona ซึ่งจัดแสดงที่เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และฮ่องกง ต่อมาคือในปี 2018-2019 กับเอเชียทัวร์ครั้งที่ 2 มาพร้อมมาในชื่อ ‘s… Taeyeon Concert จัดแสดงที่เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ตามมาด้วยเอเชียชัวร์ครั้งที่ 3 ในปี 2020 กับชื่อ The Unseen จัดในประเทศเกาหลีใต้, สิงคโปร์, ไทย และไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ขณะนั้น การแสดงที่สิงคโปร์ ไทย และไต้หวัน จึงถูกประกาศเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด (ยกเลิกนั่นแหละ) เป็น Unseen ที่บอกได้ว่าสมชื่อจริงๆ ส่วนเอเชียทัวร์ครั้งที่ 4 ในปี 2023 มาในชื่อคอนเสิร์ตว่า The Odd of Love จัดแสดงที่เกาหลีใต้, ฮ่องกง, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย และสิงคโปร์
จนมาถึงในปี 2025 พี่แทกลับมากับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 6 (แต่เป็นครั้งที่ 5 ในเอเชีย) ที่เรียกได้ว่า เป็นการฉลองระยะเวลา 10 ปีแห่งการเดินทาง ด้วยชื่อ ‘TAEYEON CONCERT – The TENSE’ ที่จะขนเซ็ตลิสต์เพลงทั้งเก่าและใหม่ไปพบกับแฟนๆ ให้ทั่วถึงมากขึ้น ทั้งเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเก๊า, สิงคโปร์, ไทย, ฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจเมื่อการแสดง ณ ประเทศญี่ปุ่น ต้องถูกยกเลิกกะทันหันอย่างไม่มีใครคาดคิด ด้วยเหตุผล ‘อุปกรณ์ล่าช้า’ ทำให้โซวอนและเหล่าแทงปาจากเกาะญี่ปุ่น รวมถึงตัวศิลปินอย่างพี่แทเองรู้สึกผิดหวังจากการทำงานที่ไม่รอบคอบของต้นสังกัด
และนอกจากคอนเสิร์ตเดี่ยวแล้ว พี่แทยังมีคอนเสิร์ตร่วมกับ SM Town ที่เดินทางไปแสดงแบบจัดเต็มให้แฟนคลับในประเทศต่างๆ ได้รับชม รวมถึงมีแฟนมีตติ้งที่จัดขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง นั่นคืองาน Inside – Taeyeon with SONE แฟนมีตติ้งครั้งแรกที่โซล เกาหลีใต้ และ SONE Japan Presents -Taeyeon’s Atelier ณ โอซาก้าและโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น
ถ้วยรางวัลไม่ใช่แค่การันตีความสำเร็จ แต่คือสิ่งยืนยันคุณภาพ
นอกจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจะเหล่าแฟนคลับและแฟนเพลงแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเครื่องการันตีถึงความพยายามและคุณภาพของศิลปินอย่างพี่แทนั้น นั่นคือ ‘รางวัล’ จากเวทีต่างๆ โดยเมื่อเราลองรวบรวมรางวัลที่ได้รับในนามศิลปินและเพลงที่ร้องโดย ‘คิมแทยอน’ จากงานประกาศรางวัลใหญ่ต้นปีและท้ายปี รวมถึงรายการเพลงแล้วพบว่า ที่ผ่านมาพี่แทได้รางวัลไปแล้วทั้งหมด 73 รางวัล แบ่งออกเป็น 20 รางวัลในฐานะศิลปินตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบัน จาก Golden Disc Awards, Seoul Music Awards, Circle Chart Music Awards, Melon Music Awards และ Mnet Asian Music Awards
19 รางวัลที่ได้รับจากเพลงต่างๆ ของพี่แท ตัวอย่างเช่น เพลง OST อย่าง If, Can You Hear Me, Missing You Like Crazy, Love, That One Word และ All About You หรือเพลงเดบิวต์อย่างเพลง I ก็ได้รับรางวัลถึง 2 รางวัลด้วยกัน เพลง Rain, My Voice และโดยเฉพาะ Four Seasons ที่นอกจากจะได้รับถึง 5 รางวัลแล้ว 1 ในนั้นยังเป็น ‘รางวัลแดซัง’ ในปี 2020 ด้วย และเพลง What Do I Call You, INVU หรือ To. X ก็ได้รางวัลเช่นกัน
ส่วนรางวัลที่เหลืออีก 34 ถ้วยรางวัล มาจาก 5 รายการเพลง ได้แก่ 1 ถ้วยรางวัลจากเพลง I ของรายการ Show Champion, 5 ถ้วยรางวัลจาก M Countdown นั่นคือ เพลง I จำนวน 3 ถ้วย, Fine และ INVU เพลงละ 1 ถ้วยรางวัล, 6 ถ้วยรางวัลจาก Music Bank ได้แก่ เพลง I 3 ถ้วยรางวัล Starlight, Fine และ Spark เพลงละ 1 ถ้วยรางวัล, 10 ถ้วยรางวัลจากรายการ Show! Music Core ด้วยเพลง I, Four Seasons, Spark เพลงละ 1 ถ้วยรางวัล, INVU 4 ถ้วยรางวัล และ To. X 3 ถ้วยรางวัล ตามมาด้วยรายการเพลงสุดท้ายอย่าง Inkigayo ที่ได้มากถึง 12 ถ้วยรางวัล ได้แก่ เพลง I 3 ถ้วยรางวัล Rain, Why, Four Seasons, Spark, What Do I Call You อย่างละ 1 ถ้วยรางวัล, INVU 3 รางวัล และ To. X อีก 1 ถ้วยรางวัล
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังลังเลที่จะไปคอนเสิร์ตพี่แทอยู่อีกไหม? ถ้าไม่แล้วละก็ อย่าช้านะ เพราะนอกจาก #ใครๆก็ไปคอนเสิร์ตแทยอน และความคุ้มค่าบัตรแล้ว (การันตีจากข้อมูลทั้งหมดที่เล่าร่ายเรียงมาตั้งแต่ต้น) จำนวนที่นั่งของทั้ง 2 รอบการแสดงที่รอให้ทุกคนไปจับจองก็เหลือไม่มากละนะ!
ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ไม่ว่าเราจะต้องเติบโตและเริ่มบทบาทใหม่ในชีวิตมากมายเท่าไหร่ ไม่ว่าศิลปินที่เรารักและภูมิใจจะอยู่ไหนหรือทำอะไร “ALWAYS HERE” จะยังเป็นคำที่ตอบทุกความรู้สึกที่แฟนคลับคนนี้มีให้ ‘คิมแทยอน’ อยู่เสมอ ขอแค่เธอได้ทำสิ่งที่อยากทำด้วยรอยยิ้ม ได้ใช้ชีวิตที่อยากใช้ด้วยความสุข เส้นทางต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง โซวอนและแทงปาก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ ตรงที่แสงส่องสว่างเป็นสีชมพู
อ้างอิงจาก