คอนเสิร์ตใหญ่ของแทยอน TAEYEON CONCERT – The TENSE ณ ประเทศไทยทั้ง 2 รอบ ในวันที่ 31 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2025 ผ่านพ้นไปด้วยดี พร้อมกับความประทับใจมากมาย แต่ก่อนจะถึงวันงานนั้น กลับมีเรื่องให้ลุ้นอยู่พอสมควร
เรื่องแรกคือ เมื่อเดือนเมษายน คอนเสิร์ตที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถูกยกเลิกทั้ง 2 รอบ ซึ่งเป็นการประกาศแค่ 2 วันก่อนถึงวันงาน โดยเหตุผลที่ทางต้นสังกัดอย่าง SM Entertainment ให้ไว้นั่นคือ การขนส่งอุปกรณ์ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถส่งอุปกรณ์จากจาการ์ตามาโตเกียวได้ทัน เหตุผลดังกล่าวสร้างความงุนงงให้แฟนคลับหรือเหล่าโซวอนอย่างมาก เพราะช่วงนั้นไม่ได้มีภัยธรรมชาติอะไร ส่วนแฟนญี่ปุ่นเองก็หวังว่านี่คงเป็นเพียงแค่การเลื่อนออกไปเท่านั้น
ทว่าต่อมา SM ประกาศว่า คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นจะยกเลิกไปเลย ไม่จัดแล้วจ้า โซวอนก็งงคูณสอง เพราะโตเกียวนั้นมีฮอลล์แสดงคอนเสิร์ตเยอะมาก จนไม่น่าใช่เรื่องหาฮอลล์ใหม่ไม่ได้ ส่วนตารางงานของแทยอนก็ไม่น่าจะแน่นจนหาวันว่างใหม่ไม่ได้ แฟนคลับทั่วโลกของแทยอนเลยสาป SM กันถ้วนหน้า ขณะเดียวกันแฟนคลับไทยเองต่างก็สวดมนต์ภาวนา ขอให้คอนเสิร์ตที่ไทยไม่เจออะไรเฮี้ยนๆ แบบนี้
เรื่องนี้จึงทำให้โซวอนยิ่งเป็นห่วงในความสัมพันธ์ของแทยอนกับ SM เพราะพี่แทเองก็ตำหนิต้นสังกัดออกสื่อบ่อย (แรงสุดคือ เคยเขียนผ่านแอปฯ Bubble ว่า SM โปรโมตเธอไม่ดี “ไม่รู้ว่า(ค่ายนี้)อยู่มา 30 ปีได้ไงนะคะ”) จนผู้คนสงสัยว่าพี่แทจะต่อสัญญากับ SM มั้ย? พี่จะอยู่กับค่ายนี้ไปทำไม? หรือบางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า เพลงของแทยอนมีธีมเกี่ยวกับ Toxic Relationship บ่อยมาก ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอก แต่เป็นเรื่องของตัวเองกับ SM ต่างหาก (ฮา)

ภาพจาก SMTOWM
เรื่องลุ้นที่ 2 คือ คอนเสิร์ตในไทยของแทยอนคราวนี้ ไม่ sold out จริงอยู่ว่าบัตรไม่ได้ขายไม่ออกจนงานจะล่ม แต่ก็เหลือเยอะเป็นหลักร้อย ทั้งที่ปกติคอนเสิร์ตแทยอนมักจะบัตรหมดเกลี้ยงหลังการขายไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็เป็นที่สังเกตว่า บัตรที่เหลือเยอะที่สุด คือบัตรดอยชั้น 2 ราคา 4,500 บาท ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับว่า อาจเป็นเพราะราคาบัตรที่แพงเกินไป ทำไมบัตรดอยเดี๋ยวนี้ราคาไปถึงขั้นนี้แล้ว (เทียบคอนเสิร์ตแทยอนเมื่อปี 2023 ที่นั่งโซนนี้จะราคา 3,800 บาท)
อย่างไรก็ตาม เรามาว่าถึงคอนเสิร์ตกันบ้าง คอนเสิร์ตฉลองการเดินทางตลอด 10 ปีนี้ มีความกระชับด้วยเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 15 นาทีก็จบแล้ว (ดีมากสำหรับเจนวายอย่างเราที่การนั่งนานๆ ไม่ใช่เรื่องสนุก) เพราะช่วงพูดคุยของพี่แทมีไม่เยอะ ไม่ยืดยาว ส่วนเพลงก็จัดไปเลย 25 เพลงจุกๆ ทั้งเพลงเก่า เพลงใหม่ โดยจะเน้นอัลบั้มล่าสุดอย่าง To. X ในปี 2023 และ Letter to Myself ในปี 2024 มากหน่อย
สำหรับเรื่องเสียงร้อง แน่นอนว่าไม่ต้องห่วง เพราะฉายาของแทยอน คือ ‘โวคอลควีน’ แค่ได้ฟังพี่แทร้องสดทีไรก็ซาบซึ้งใจ น่าดีใจที่เรายังมีคอนเสิร์ตเคป๊อปแบบร้องสดเยอะๆ แบบนี้ให้ฟังอยู่ เป็นการเน้นร้อง เต้นไม่แค่กี่เพลง ซึ่งอาจจะต่างจากโชว์ของศิลปินเคป๊อปหลายรายที่เน้นการเต้นหนักหน่วง ส่วนดนตรีก็เป็นวงเล่นสด เบส กีตาร์ คีย์บอร์ด กลอง มาครบ เรียกได้ว่าสดทั้งเสียงร้องและทำนอง

ภาพจาก SMTOWM
ในด้านโปรดักชั่นก็อลังการทีเดียว เว็บ Naver ระบุข้อมูลว่า คอนเสิร์ตพี่แทในไทยมีโปรดักชั่นเดียวกับที่เกาหลี โดยไม่ได้ลดทอนอะไรไปเลย ไม่ว่าจะเป็นเวที 3 ชั้น, จอ LED ยาว 46 เมตร สูง 10 เมตร, สายพานเลื่อนยาว 6 เมตร, ลิฟต์ 7 ตัว, เครื่องยิงเลเซอร์ 14 ตัว, แท่งไฟแบบเปลี่ยนสีอัตโนมัติ, ม่านกึ่งโปร่งแสงยาว 13 เมตร ไปจนถึงพลุกระดาษ (confetti) 8 แบบ ซึ่งงานนี้ยิงพลุกระดาษบ่อยมาก แถมกระดาษเหล่านั้นยังถูกเขียนเป็นข้อความต่างๆ ด้วยลายมือของแทยอนด้วย แต่เนื่องจากเรานั่งอยู่บัตรดอย กระดาษมาไม่ถึง จึงไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ฮือ…
เราเลยขอคัด 5 โมเมนต์ประทับใจโดยส่วนตัวใน TAEYEON CONCERT – The TENSE มาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้
- เพลง I : ซิงเกิ้ลเปิดตัวของแทยอนในฐานะศิลปินเดี่ยว เป็นเพลงที่ทำให้เราเชื่อว่า แทยอนจะเป็นโซโล่อาร์ตติสได้แน่นอน ด้วยโทนเพลงที่ขลังๆ นิดๆ ฟังทีไรก็ขนลุก โดยเฉพาะตอนพี่แทร้อง fly high ซ้ำๆ ในช่วงท้าย (แต่คนไทยชอบแซวว่า ร้องว่า “ไฟล์หาย ไฟล์หาย”)
- เพลง INVU : เรียกได้ว่าเป็นเพลงชาติของแทยอนไปแล้ว ร้องเพลงนี้ทีไร แฟนคลับจะตะโกนว่า “คิม-แท-ยอน! คิม-แท-ยอน!” กันสนั่นฮอลล์ แถมยังมีจังหวะที่เวทียกสูง สาดไฟมาอย่างสวยงาม ตบท้ายด้วยการยิงพลุกระดาษ แกรนด์สุดๆ
- เพลง My Tragedy : เป็นเพลงที่ใช้ประโยชน์ของจอ LED ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นเพลงที่ค่อนข้างกระแทกกระทั้นทางอารมณ์ จอภาพเลยเป็นคลื่นสีฟ้าขนาดใหญ่ซัดมารัวๆ เข้ากับตัวเพลงอย่างดี ขอคำนับทีมกราฟิกไว้ ณ จุดนี้
- เพลง All for Nothing : สำหรับเรานี่เป็นเพลงที่เศร้าที่สุดของแทยอน โดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า “ในดวงตาที่เลื่อนลอยของฉันมีเพียงความว่างเปล่า แม้ว่าฉันจะลบฉากจบนั้นไปแล้วก็ตาม” เพลงนี้จงใจไม่ฉายภาพแทยอนขึ้นจอใหญ่ ไม่มีกราฟิกใดๆ เน้นความมืดและไลท์ติ้งแบบมินิมอล จนยิ่งทำให้เพลงเศร้าหนักไปอี๊ก
- เพลง Ending Credits : อีกเพลงเศร้ามากๆ ของแทยอน “ในเอนด์เครดิตนั้นมันมีแต่ชื่อฉัน ไม่มีชื่อเธอ” แต่แทยอนทำให้เพลงนี้มีความหมายยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการขึ้นเครดิตยาวเหยียดว่า ชื่อทัวร์เลือกโดยแทยอน, มู้ดของโปสเตอร์ออกแบบโดยแทยอน, พลุกระดาษเขียนโดยแทยอน ฯลฯ เพื่อเป็นนัยว่า นี่เป็นคอนเสิร์ตที่เธอมีส่วนร่วมในหลายส่วน

ภาพจาก TAEYEON Official
นอกจากเครดิตต่างๆ โดยแทยอนแล้ว เครดิตท้ายสุดนั้นยังเฉลยถึงที่มาของชื่อทัวร์ THE TENSE ว่าได้แรงบันดาลใจจาก “อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต” (Past-Present-Future) และเขียนว่า Taeyeon in All Tenses ที่อาจตีความได้ว่า คอนเสิร์ตคราวนี้ คือภาพแทนของแทยอนในทุกกาล (Tense) ซึ่งสอดคล้องกับการเป็นคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 10 ปีของแทยอนในฐานะศิลปินเดี่ยว เธอจึงรวบรวมประสบการณ์มาสะท้อนในงานครั้งนี้นั่นเอง
ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต พี่แทยังได้พูดอย่างถ่อมตัวว่า “แม้ว่าจะผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่ฉันก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งเวลาแฟนๆ มองมาที่ฉัน พร้อมกับแท่งไฟในมือนะคะ” ส่วนเราเองก็อยากตอบกลับว่า “ในฐานะที่ติดตามมา(เกิน)10 ปี ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ฟังแทยอนร้องสด พร้อมกับเห็นการเติบโต ทั้งในฐานะนักร้องและศิลปิน”
ป.ล.อาจจะนอกเรื่อง แต่ขอบันทึกไว้ว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2025 เราสามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพูไปยัง อิมแพ็ค อารีนา และฮอลล์ใดๆ ในเมืองทองได้แล้วนะ! (แม้ว่าจะนั่งหลายต่อหน่อย และเดินไกลมากกก) ซึ่งคอนเสิร์ตแทยอนครั้งนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งรถไฟเข้าเมืองทองเหมือนกัน ขอบอกว่าตื้นตันใจพอๆ กับตัวคอนเสิร์ตเลย