เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น
สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
หากนับถึงวันนี้ ก็เป็นเวลากว่า 119 ปี ที่ อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) ได้เกิดมาเพื่อพาเราไปทำความรู้จักกับ ‘เจ้าชายน้อย’ ที่ชวนให้เราขบคิดและทบทวนสิ่งที่ ‘คนเติบใหญ่’ มักทำ ‘วัยเยาว์’ สูญหายระหว่างทาง
อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี เป็นนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักจากการสร้างผลงานเรื่อง ‘เจ้าชายน้อย’ (Le Petit Prince) เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1900 ช่วงชีวิตวัยเด็กของเขานั้นเป็นเด็กชายที่ชอบเล่น เขาเรียนได้ไม่เก่งนัก แต่ถึงอย่างนั้น ในปีค.ศ. 1941 แซงเตก-ซูเปรีก็ได้เผยว่าหนังสือเล่มแรกที่เขารักก็คือ หนังสือนิทานของ Hans Christian Andersen
ช่วงเวลาต่อมาเข้ารับราชการเป็นทหาร และได้เป็นนักบินผู้ชื่นชอบการผจญภัยและบุกเบิกเส้นทางใหม่ๆ นอกจากนี้เขายังเข้าร่วมสงครามเป็นผู้สอนเทคนิคการบินเพราะปัญหาด้านสุขภาพ แต่เขาไม่อยากหยุดอยู่แค่นั้น จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้าร่วมหน่วยลาดตระเวน กลายเป็นหนึ่งในนักบินของกองทัพสหรัฐฯ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาหายสาบสูญไประหว่างปฏิบัติงานต่อต้านเพื่ออิสรภาพของฝรั่งเศส ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน ไม่มีใครพบว่าเขาเป็นอย่างไร จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนที่มีคนสืบย้อนและค้นพบว่าเครื่องบินของแซงเตก-ซูเปรี ถูกยิงโดยกองทัพเยอรมัน และจมลงไปใต้ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ผลงานของ แซงเตก-ซูเปรีนั้นมีมากมายโดยผลงานแรกที่ตีพิมพ์ออกมาคือ L’Aviateur (The Aviator) เป็นเรื่องสั้นที่เล่าถึงนักบินชาวฝรั่งเศสตั้งแต่ออกบินครั้งแรกจนถึงเที่ยวบินสุดท้าย แต่นวนิยายเรื่องแรกของเขาคือ ไปรษณีย์ใต้ (Courrier Sud) ซึ่งมาจากประสบการณ์การเป็นนักบินที่มีหน้าที่ส่งวิทยุติดต่อกับศูนย์หน่วยงาน รวมถึงส่งไปรษณีย์ และตามหานักบินที่อาจประสบอุบัติเหตุ เขายังคงเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการบินมากมายอย่าง นักบินยามสงคราม (Pilote de Guerre)
นอกจากนี้ยังมีผลงานที่พูดถึงแง่งามปรัชญาการใช้ชีวิตต่างๆ จากสายตาของ แซงเตก-ซูเปรี ทั้ง แผ่นดินของเรา (Terre des Hommes) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของแซงเตก-ซูเปรี หรือ เที่ยวบินยามราตรี (Night Flight) นวนิยายเล่มที่สองที่กลายเป็นผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับแซงเตก-ซูเปรีในขณะนั้น โดยเรื่องนี้เล่าถึงการเสียสละตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น และในผลงานสุดท้ายในชีวิตของเขาอย่าง Wisdom of the Sands ที่สรุปบทเรียนเรื่องราวในการใช้ชีวิตผ่านเจ้าชายแห่งทะเลทราย ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และคุณค่าของชีวิตที่เดินทางมาจนถึงห้วงสุดท้าย
แต่แน่นอนว่าผลงานที่หลายๆ คนรู้จักกันดีมากที่สุดก็คือ Le Petit Prince หรือ เจ้าชายน้อย วรรณกรรมที่ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มอบความน่าอัศจรรย์ให้เวลาอ่าน ซึ่งแซงเตก-ซูเปรี ได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงเวลาที่เครื่องบินของเขาตกที่ทะเลทรายลิเบียนในปี ค.ศ. 1935 รวมถึงความสัมพันธ์ของเจ้าชายน้อยกับกุหลาบ ก็อาจมาจากความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา นอกจากนี้ การที่แซงเตก-ซูเปรี ยังเขียนเจ้าชายน้อยเพื่อบอกเล่าความรู้สึกของเขาต่อสงครามที่เกิดขึ้น ทั้งความแปลกแยก ความหวาดกลัว รวมถึงความไม่มั่นคงภายในชีวิต การเขียนหนังสือเล่มนี้จึงกลายเป็นการประคองตัวเองและค้นหาคำตอบในบรรยากาศสงครามที่แสนหดหู่และสิ้นหวัง และแน่นอนว่าภาพวาดภายในเล่มก็เป็นผลงานของเขาที่เราจดจำได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
เรื่อง เจ้าชายน้อย ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสในสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นที่แรก แต่กว่าจะได้ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขานั้นก็เป็นช่วงหลังสงครามไปแล้ว และในปัจจุบันหนังสือเจ้าชายน้อยได้รับการแปลไปมากกว่า 300 ภาษาทั่วโลก มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจว่าประโยคอันโด่งดังที่เป็นคำพูดของสุนัขจิ้งจอกที่บอกว่า “What is essential is invisible to the eye” นั้น แซงเตก-ซูเปรีมีการปรับและเขียนใหม่มากกว่า 15 ครั้ง
เชื่อได้ว่า หนังสือเจ้าชายน้อยกลายเป็นหนังสือในดวงใจของใครหลายๆ คน เพราะเรื่องราวที่เหมือนพาเราทบทวนตลอดช่วงชีวิตที่เติบโตไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราได้อ่าน การชวนให้เราหวนรำลึกถึงสิ่งที่ขาดหาย ความคิดในวัยเยาว์ ความฝัน ความหวัง ความสนุกของการเป็นเพียงเด็ก รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างที่ทำให้ชีวิตนั้นมีคุณค่า ในโลกที่คอยกัดกินชีวิตจิตใจของเราไปเรื่อยๆ โลกที่ค่อยๆ ดูดเราให้จมหายไปกับการทำงานและการต้องเป็นผู้ใหญ่ที่เพียบพร้อม หนังสือเล่มนี้ยังคงคอยดึงเราให้กลับมาสำรวจตัวเองอยู่เสมอๆ
นอกจากนี้ การที่หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของตัวเองและความหมายของชีวิต ทำให้ไม่ว่าใครก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไม่มีวันเบื่อ เพราะมันคือคำถามที่แทบจะทุกคนล้วนตามหา ในแต่ละขวบปีที่เคลื่อนผ่าน เราตอบคำถามเหล่านั้นได้บ้างหรือยัง
หากลืมคำถามเหล่านี้ไปแล้ว ในค่ำคืนนี้ เราจึงอยากชวนคุณแหงนหน้ามองท้องฟ้า หลับตาและใช้หัวใจมองหาดาวดวงเล็กๆ ที่มีชื่อว่า B-612 และเด็กชายที่ยืนอยู่บนดาวดวงนั้น หากมีใครเห็นเด็กตัวเล็กๆ ที่มีผมสีทอง หัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส ช่วยส่งข่าวมาให้เรารับรู้กันด้วยนะ
นี่คือความลับของฉัน มันแสนจะธรรมดา:
เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น
สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
คนที่เติบใหญ่ทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กทั้งนั้น
แต่น้อยคนนักที่จำจดจำได้
เวลาที่เธอเสียไปให้กับดอกกุหลาบของเธอ
ทำให้ดอกกุหลาบนั้นมีค่ามากขึ้น
เธอต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วย
พวกผู้ใหญ่ชอบตัวเลข เมื่อคุณเล่าถึงเพื่อนคนใหม่ของพวกคุณ
พวกผู้ใหญ่จะไม่ถามถึงเรื่องสำคัญๆ จากคุณเลย
เขาจะไม่มีวันถามว่า: “เสียงของเขาเป็นอย่างไร
เขาชอบการเล่นชนิดใด? เขาสะสมผีเสื้อหรือเปล่า?”
แต่เขาจะถามคุณว่า: “เขาอายุเท่าไรนะ? เขามีพี่น้องกี่คน?
เขาหนักเท่าไหร่? พ่อของเขามีรายได้เท่าไร” และเพียงเท่านี้เอง
ที่พวกเขาเข้าใจว่าเขาได้รู้จักกับคนคนหนึ่งแล้ว
เป็นหน้าที่ยากที่สุดละ คนเราจะตัดสินตัวเองได้ยากกว่าตัดสินผู้อื่น
ถ้าเจ้าตัดสินตัวเจ้าเองได้เป็นผลสำเร็จดีละก็
นับว่าเจ้าเป็นปราชญ์โดยแท้คนหนึ่งทีเดียว
อ้างอิงข้อมูลจาก