“เอาชีวิตวัยรุ่นของเราคืนมา”
ประโยคที่อยู่ในโซเชียลมีเดียและป้ายประท้วง เป็นประโยคที่อ่านกี่ครั้งก็จุกอกแปลกๆ ทั้งที่ช่วงวัยเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะถูกฉกฉวยไปจากตัวเราได้ง่ายๆ แต่ทำไมทุกวันนี้กลับรู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังใช้ชีวิตของตัวเอง หรือชีวิตกำลังตกอยู่ในกำมือของผู้มีอำนาจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคอยกำหนดชะตากรรมว่าเราจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มหรือคราบน้ำตา
โดยเฉพาะชีวิตในช่วงวัยที่เราหวงแหนมากที่สุดอย่าง ‘วัยรุ่น’
ฤดูแห่งการผลิบาน
เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรืออนิเมะของญี่ปุ่น มักจะมีแต่เรื่องราวของวัยรุ่นหรือเด็กมัธยมปลายในโรงเรียน เปิดมากี่เรื่องก็เห็นยูนิฟอร์ม งานโรงเรียน รุ่นน้องสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่ดาดฟ้า หรือเด็กผู้ชายเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่สนาม
พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘เซอิซุน’ (青春) หรือ ‘เยาวชน’ (Youth) มาจากตัวคันจิที่มีความหมายตามตัวอักษรว่า ‘ฤดูใบไม้ผลิ’ กับ ‘สีเขียวของใบไม้’ เป็นวัฒนธรรมที่คนญี่ปุ่นมองว่าวัยรุ่นหรือวัยเยาว์ เป็นช่วงเวลาที่สวยงามเหมือนดอกซากุระที่กำลังผลิบาน เป็นวัยแห่งการดิ้นรนตามหาความหมายของชีวิต วัยแห่งการเริ่มต้นอะไรหลายๆ อย่าง วัยแห่งการลองผิดลองถูก วัยแห่งการล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่เพื่อไล่ตามความฝัน วัยแห่งการเผชิญหน้ากับวิกฤตตามหาตัวตน ทำให้วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่สนุกสนานและมีหลายมิติ คนญี่ปุ่นจึงชอบที่จะถ่ายทอดชีวิตของคนวัยนี้เอามากๆ
เช่นเดียวกับเกาหลีที่มีมักจะมีเพลงเกี่ยวกับวัยเยาว์ออกมาให้ฟังอยู่เรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นในแง่ของความเสียดายที่ช่วงวัยนั้นกำลังค่อยๆ หายไป เพื่อที่จะก้าวสู่โลกของการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว การเป็นผู้ใหญ่ที่หมายความว่ารอยยิ้มจะค่อยๆ หายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยย่นบนใบหน้า หรือวัยที่ภาระหน้าที่มีอยู่เต็มหน้าตัก สวนทางกับจำนวนเพื่อนที่มีอยู่ในชีวิต ทำให้เห็นว่าวัยรุ่นหรือวัยเยาว์สำหรับคนเกาหลีนั้น มีค่าและน่าหวงแหนมากไหน
“มากกว่ายี่สิบ แต่ยังไม่ถึงสามสิบ
เป็นอายุที่ไม่ใช่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แค่เป็นตัวเองก็พอ
สว่างสดใสให้ได้มากที่สุดนะ
แม้ว่าความมืดมิดจะคืบคลานเข้ามา ก็ไม่ต้องกลัว
เพราะดอกไม้จะเบ่งบานอย่างงดงามอยู่เสมอ”
– เนื้อเพลง Palette โดย IU
ในช่วงวัยที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุด ผิวพรรณเปล่งปลั่งที่สุด สมองเติบโตเต็มที่ที่สุด พร้อมที่จะเปิดรับและซึมซับอะไรมากที่สุด วัยรุ่นจึงเป็นช่วงวัยที่เหมาะกับการออกไปเรียนรู้และสัมผัสโลกภายนอก ลองไปเจ็บปวดกับความรักดูบ้าง ร้องไห้ให้กับความสับสนในตัวเองดูบ้าง หรือตั้งคำถามกับความคิดความเชื่อในวัยเด็กดูบ้าง เพราะการเป็นวัยรุ่นนั้นไม่ได้มีแค่ช่วงเวลาที่สนุกสนานเสมอไป เหมือนกับที่หนังสือชื่อดังเล่มสีส้มบอกนั่นแหละ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
แต่ความผิดพลาดในช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นอะไรที่เข้าใจได้ เพราะเป็นช่วงวัยที่อยู่ระหว่างการเป็นเด็กและการเป็นผู้ใหญ่ จึงมีพื้นที่มากมายให้สำหรับความผิดพลาดและการเรียนรู้ ถึงแม้การเติบโตจะเจ็บปวดไปบ้าง บางวันก็รู้สึกลำบากจนอยากหายไปจากโลกใบนี้ แต่อย่างน้อยก็เป็นช่วงวัยที่ล้ำค่า และจุดประกายให้เกิดเรื่องราว หนังสือ หรือบทเพลงดีๆ ออกมามากมาย วัยรุ่นหรือวัยเยาว์จึงเป็นมากกว่าช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่กักเก็บความทรงจำและบทเรียนที่ใช้ประกอบสร้างคนๆ หนึ่งขึ้นมาด้วย
“ทุกครั้งที่ผู้ใหญ่เห็นคุณ เขาจะเหลือบมองฟ้า
พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายปนอิจฉาว่า
“เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ”
ใช่ วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ดี
เป็นอัญมณีที่ไม่สามารถตีราคาได้จากประกายวาววับนั้น”
– Kim Ran Do จากหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
ชีวิตวัยรุ่นที่สูญหายไปกับรัฐบาล
ทุกอย่างคือการเมือง และการเมืองก็ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้ใหญ่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่วัยรุ่นจะประสบกับผลกระทบทางการเมือง เอาง่ายๆ แค่การเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม การออกไปเดตให้ตรงเวลาโดยที่สภาพหน้าผมยังเป๊ะอยู่ หรือการไล่ตามความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตหรือผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ ทุกอย่างล้วนแล้วเชื่อมโยงกับการเมืองทั้งนั้น
แม้กระทั่งสุขภาพจิตของวัยรุ่น ก็ยากที่จะไม่ขึ้นอยู่กับการเมืองด้วยเช่นกัน มีผลการศึกษาหลายชิ้นที่เผยอย่างกระจ่างชัดว่าคุณภาพชีวิตส่งผลต่อสุขภาพจิต แล้วคุณภาพชีวิตจะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอะไรไม่ได้นอกจาก ‘รัฐบาล’ อย่างในปี ค.ศ.2019 ซึ่งเกิดวิกฤตมากมาย ทั้งการพิจารณาคดีฟ้องร้อง ความรุงรังของ Brexit และปัญหาสภาพอากาศโลก แน่นอนว่าสหรัฐอเมริกาเป็นตัวแปรสำคัญในการกอบกู้วิกฤตเสมอ แต่ผู้นำในขณะนั้น—โดนัลด์ ทรัมป์ กลับขาดความกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหา ทำให้ผู้คนเครียดกับชีวิตการเป็นอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่น่าสนใจก็คือ วัยรุ่นเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจิตด้วย
ผลการสำรวจชาวอเมริกันรุ่น Gen Z พบว่า พวกเขารู้สึกเครียดกับการเมือง และได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกาย จนทำให้นอนไม่หลับ ซึมเศร้า และเหนื่อยล้า ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดคือ กลุ่มวัยรุ่นฝ่ายซ้ายและกลุ่มหลากหลายทางเพศ เพราะการบริหารประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ นับเป็นการบริหารที่ขาดวิสัยทัศน์และเต็มไปด้วยการแบ่งแยก อีกผลสำรวจสุขภาพจิตของเยาวชนกลุ่มหลากหลายทางเพศ 34,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 24 ปี ทั่วสหรัฐอเมริกา พบว่า พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งมีชนวนที่ชัดเจนคือการเมือง เพราะพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติทางเพศ โดยยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอปัญหานี้มากขึ้น จนส่งผลให้เกิดความคิดฆ่าตัวตายในภายหลังด้วย
7 ปี เป็นช่วงเวลาที่ครอบคลุมทั้งช่วงชีวิตวัยรุ่นของใครหลายคน และเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกับการอยู่ในรัฐบาลชุดเดิม โดยเฉพาะรัฐบาลที่ไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก หรือรัฐบาลที่มีรัฐสวัสดิการทำร้ายวัยรุ่นทางอ้อม ทำให้พวกเขากลายเป็นความหวังเดียวของพ่อแม่ เพราะไม่มีอะไรมารองรับความสุขในชีวิตของพวกท่านหลังเกษียณ ต้องแบกรับความกดดันเพื่อที่จะได้รีบเติบโต รีบประสบความสำเร็จ รีบมั่นคง จนไม่มีเวลาออกไปกล้า ออกไปซ่า แบบที่ในโฆษณาหลายชิ้นบอก ลำพังจะยิ้มจะหัวเราะยังยากเลย หรือหากล้มเหลวแล้วก็เจ็บหนัก เพราะไม่มีพื้นที่ให้ลองผิดลองถูกหรือปลอบใจตัวเองมากนัก
จนกระทั่งโรคระบาดใหญ่ COVID-19 เข้ามา 2 ปีที่หายไปของการสัมผัสโลกในขณะที่ร่างกายยังพร้อม ยิ่งรู้สึกยาวนานราวกับชั่วชีวิต ด้วยการจัดการปัญหาที่ล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลปัจจุบัน แม้แต่จะออกไปหาข้าวกินข้างนอกยังลำบาก การจะไล่ตามความฝันคงเป็นอะไรที่ยากเกินไป หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อ ช่วงวัยที่ควรจะมีแต่เสียงหัวเราะ คงได้กลายเป็นช่วงวัยที่เต็มไปด้วยเสียงกร่นด่าขับไล่รัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้ต้องการ ถึงอย่างนั้น เสียงของพวกเขาก็มีคุณค่ามากในทางการเมือง หากผู้ใหญ่เปิดใจรับฟัง และวางอีโก้ของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนลงสักครู่
มีผลการสำรวจจาก the Centre of Excellence for Youth Engagement พบประโยชน์จากการที่ให้วัยรุ่นและเยาวชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เนื่องจากพวกเขาอยู่ในวัยที่เต็มไปด้วยทักษะใหม่ๆ ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนทิศทางของประเทศให้ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งโลกในอีกหลายปีข้างหน้านี้จะเป็นทั้งชีวิตของพวกเขา ผู้ใหญ่ควรให้พวกเขาได้มีสิทธิ์ตัดสินใจอนาคตของตัวเอง โดยเฉพาะเยาวชนทุกวันนี้มักจะรู้ดีว่าอะไรที่มีคุณค่าต่อชีวิตพวกเขามากที่สุด และการที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงความพิเศษเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเรื่องทักษะ เพศ หรือตัวตน ทำให้พวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับโลกนี้ได้มากขึ้นด้วย ผู้ใหญ่เองก็จะได้รับประโยชน์จากตรงนี้ ผ่านการเรียนรู้แนวคิดและมุมมองของคนรุ่นใหม่ไปในตัว และในหลายประเทศก็มีเยาวชนที่เป็นสัดส่วนสำคัญของประชากรในการลงคะแนนเสียง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบายหรือนักการเมือง ที่จะรับฟังเสียงของพวกเขาให้มากขึ้น
adolescent มาจากภาษาลาติน คำว่า adolescere ซึ่งหมายความว่า to grow up หรือการเติบโต ซึ่งการจะเติบโตได้นั้น ต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้ออกไปเรียนรู้ ออกไปสำรวจโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านเจตคติและทักษะ ที่จะช่วยให้พวกเขาอาศัยอยู่รอดบนโลกนี้ได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่การกักตัวอยู่บ้าน เรียนออนไลน์ หรือขาดการพบปะสังคมเป็นระยะเวลานาน หากผู้ที่บริหารประเทศเข้าใจพัฒนาการที่สำคัญนี้โดยถ่องแท้ พวกเขาคงเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อนำชีวิตเดิมที่วัยรุ่นควรจะได้รับกลับคืนมา
แม้จะเป็นวัยที่สนุกสนาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความเครียด ความกังวล ความสับสน และความกดดันที่จะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว วัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ต้องการจะหลุดออกจากพื้นที่ปลอดภัย กล้าได้ กล้าเสี่ยงเพื่อความต้องการของตัวเอง วัยที่ต้องพิสูจน์ตัวตนและความสามารถ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคม แทนที่จะได้รับการสนับสนุน พวกเขากลับโดนทำร้ายและจู่โจม main core ซึ่งเป็นความเชื่อหลักที่พวกเขามี เพียงเพราะผู้ใหญ่บางกลุ่มไม่เข้าใจ ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากจะพิสูจน์ตัวเอง เพียงเพราะผู้ใหญ่บางกลุ่มบริหารบ้านเมืองล้มเหลว หรือแม้จะมีแพสชันปรากฏชัดในหัวแต่ก็ไม่สามารถสานต่อได้ เพียงเพราะผู้ใหญ่บางกลุ่มวิ่งตามโลกไม่ทัน
หากใครที่ใช้ชีวิตผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว คงเข้าใจดีว่าต่อให้ทำแทบตาย ก็ไม่สามารถเอาช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาได้อีก ฉะนั้น อย่าแปลกใจเลยหากกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘เด็กสมัยนี้’ จะโกรธแค้นกับสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่ เพราะช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของพวกเขากำลังค่อยๆ หายไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย
อ้างอิงข้อมูลจาก