ประวัติศาสตร์กับเรื่องราวในสังคม และทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) เป็นของคู่กัน ว่ากันว่า เหตุที่คนเชื่อทฤษฎีสมคบคิดนั้นเป็นเพราะรู้สึกไม่มั่นคงในสังคมที่ตนอาศัยอยู่
The MATTER พาไปดู 9 ทฤษฎีสมคบคิดของฝรั่งที่มีคนเชื่อกันเยอะ และบางเรื่อง คุณต้องเคย ‘ได้ยินมา’ หรือ ‘อ่านเจอมา’ แน่ๆ
1. เชื่อว่าโลกร้อนเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ
คนจำนวนมากเชื่อว่าเรื่องโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาล และบริษัทยักษ์ใหญ่ เพื่อควบคุมประชาชน และหวังผลกำไรจากการขายของประเภทรักษ์โลก ฟังดูคุ้นๆ เนอะ เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ เองก็เคยกล่าวเอาไว้ว่าเรื่องโลกร้อน หรือ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเนี่ยเป็นแผนแหกตาของรัฐบาลจีนจ้า
แถมคนอีกจำนวนหนึ่งยังเคลมว่า อ้าว อุณหภูมิของโลกก็ขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์เป็นสำคัญป่าว มนุษย์เราไม่ได้ทำอะไรที่มันส่งผลต่ออุณหภูมิโลกซะหน่อย โลกก็หมุนมาเป็นพันล้านปีตั้งแต่ก่อนมีมนุษย์ แถมยังจะหมุนต่อไปอีกพันล้านปีหลังจากไม่มีมนุษย์ ดังนั้น โลกร้อนก็เพราะดวงอาทิตย์ ไม่เกี่ยวกับคนเล้ย
2. เชื่อว่าการตายของฮิตเลอร์เป็นเรื่องหลอกลวง
ในประวัติศาสตร์ของทางการระบุเอาไว้ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี 1945 อย่างไรก็ตามยังมีคนเชื่อว่า การตายของฮิตเลอร์นั้นไม่ใช่ความจริง และศพที่เจอ คือ stand-in ต่างหากล่ะ
อ้าว แล้วฮิตเลอร์ตัวจริงไปไหน บางกระแสบอกว่าเขาหลบหนีไปยังเมืองบาเซโลนา ที่สเปน และใช้ชีวิตบั้นปลายที่อเมริกาใต้ บางกระแสก็บอกว่าเขาหนีไปแอนตาร์กติกา ที่เคยเห็นลือกันในไทยก็บอกว่าไปบราซิล
3. เชื่อว่า 9/11 เป็นฝีมือของสหรัฐเอง
Conspiracy Theory เกี่ยวกับ 9/11 ก็มีไม่น้อย เรื่องที่ฮิตมากเห็นจะเป็นอันที่บอกว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่ม Al-Qaeda แต่รัฐบาลสหรัฐเป็นคนทำมันขึ้นมาเพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกรานอิรัก
มีข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับการที่เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝดนี้ บ้างก็ว่า เอ๊ะ ชนแล้วทำไมเครื่องบินไม่เป็นไร แล้วถ้าเครื่องบินชนจริง รูปแบบการพังของตึกไม่น่าใช่แบบนี้ หรือจะถูกทำลายโดยขีปนาวุธนะ แถมกล่องดำถูกทำลาย เจอวัตถุระเบิดที่ Ground Zero ไฟจากเหตุระเบิดก็เหมือนร้อนไม่พอจะหลอมละลายเหล็กอีก อ่านเจอมาอะเนอะ
4. เชื่อว่า Feminism เป็น conspiracy ที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายสถาบันครอบครัว
งงในงง Conspiracy Theory ใน Conspiracy Theory ไปอีก เมื่อมีคนเชื่อว่าแนวคิด Feminism เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีสมคบคิดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายสถาบันครอบครัว… เพราะครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญของความรุ่งเรืองและแสดงถึงความศิวิไลซ์ในสังคม
ดังนั้น การที่จะทำลายอารยธรรมและขนบประเพณีอันดีงามได้นั้น ในขั้นแรกก็ต้องทำลายสถาบันครอบครัวก่อนแหละ โดยการกระตุ้นว่า เอ้อ ผู้หญิงกับผู้ชายทำไมไม่เท่าเทียมกันนะ รัฐต้องให้สิทธิและความเสมอภาคของเราเท่าๆ กับผู้ชายสิ อยู่ๆ การรณรงค์เพื่อสิทธิและความเท่าเทียมกันของทุกเพศก็กลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดเฉยเลยเนอะ
5. เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐสร้างโรคเอดส์ขึ้นมา
เรื่องเอดส์นี่ก็ลือกันเยอะ อันที่ป๊อปสุดก็ต้องทฤษฎีที่บอกว่า ‘เอดส์’ สร้างขึ้นโดยแลปของกองทัพรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีเหตุผล 2 ประการ คือ
1.เหตุผลทางการเมือง ใช้เป็นอาวุธสู้กับชาวแอฟริกันและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ด้อยกว่า
2.ใช้เป็นเครื่องมือลดจำนวนประชากร
และที่ไม่น่าเชื่อก็คือ เมื่อก่อนมีคนเชื่อเรื่องนี้เยอะพอดู
6. เชื่อว่ามนุษย์ไม่เคยเหยียบดวงจันทร์
มาถึงเรื่องที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างอย่างเรื่อง อเมริกาไม่เคยไปดวงจันทร์ นีล อาร์มสตรองเหรอ อย่าหวังเลย ภารกิจอพอลโล 11 นั่นก็เหลวไหลทั้งเพ โกหกใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาก NASA จัดฉากถ่ายรูปชัดๆ ค่ะซิส
กลัวคอมมิวนิสต์มากจนทำมาเปงเบี่ยงเบนความสนใจชาวโลก ธงก็โบกสะบัดได้แม้ว่าบนดวงจันทร์ไม่มีลม รอยเท้าก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติก็ดูปลอมนะ ด้วยแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ เหยียบแล้วรอยเท้าก็น่าจะหายไปเลยสิ และอีกมากมายที่อ่านๆ ไปก็สนุกดีเหมือนกัน ขยันสังเกตดี
7. อ้างว่าถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป
มีเรื่องเล่าจากทางบ้านมากมายเหลือเกินค่ะคุณกิตติคะว่าถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป แถมเรื่องที่เล่าส่วนใหญ่ก็มีเส้นเรื่องคล้ายๆ กัน เบสิคเลยก็คือ ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับไป ไม่ก็อยู่คนเดียวนั้น จู่ๆ ภาพก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโต๊ะ ถัดจากตัวเองไป ก็มีมนุษย์คนอื่นๆ นอนอยู่ด้วย ขณะที่นอนอยู่นั้นมีมนุษย์ต่างดาวสีเทาตาโต 2-3 ตัว กำลังผ่าตัดหรือทดสอบอะไรบางอย่างบนตัวพวกเขา รวมทั้งเก็บตัวอย่างสเปิร์มและฉี่ เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง และทำการสื่อสารกันโดยกระแสจิต
หลังจากนั้นผู้ที่ถูกลักพาตัวจะปรากฏตัวกลับมายังบริเวณเดิมก่อนที่จะถูกลักพาตัวไป พร้อมกับความทรงจำที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดว่าได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
8. เชื่อว่า Snapchat เป็นแอพตรวจจับใบหน้าของ FBI
แอพพลิเคชั่นสุดฮิตในหมู่วัยรุ่นอเมริกาอย่าง Snapchat ก็ไม่วายติดโผกับเค้าด้วยจนได้ เมื่อมีคนออกมาบอกว่าแอพพลิเคชั่นที่ต้องสแกนใบหน้าเพื่อใส่ฟิลเตอร์เจ้าหมาสุดน่ารัก หรือมงกุฎดอกไม้สวยงามนี่แหละ ที่แท้แล้วคือฟิลเตอร์ที่ FBI ใช้ตรวจจับใบหน้าเราเพื่อทำเป็นฐานข้อมูล
แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า FBI เกี่ยวข้องกับ Snapchat แต่อย่างใด แถมสแนปแชทเองก็เมคชัวร์ว่าลบรูปทุกรูปทิ้งไป ไม่มีฐานข้อมูลลับใดๆ อย่างที่ลือกันแน่นอน
9. ลือว่า Pokémon Go เป็นแผนสอดแนมของรัฐบาลสหรัฐฯ
เหล่าเทรนเนอร์ก็โดนกับเค้าเหมือนกัน เมื่อมีคนเชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯใช้ Pokemon Go เป็นเครื่องมือสอดส่องพลเรือน ด้วย GPS ที่ติดตามตัวได้ง่าย แถมจะเข้าเกมได้ก็ต้องใช้กูเกิลแอคเคาน์ หรือบางกระแสก็ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ใช้เกมนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนออกจากข่าวของรัฐ
ที่พีคสุดคือบอกว่า มิเชล โอบามา อยู่เบื้องหลังเกมนี้ เพราะเธออยากให้เด็กๆ ออกไปเดินบ้าง
อ้างอิงข้อมูลจาก