“โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะเคยได้ยินวลีนี้ และเข้าใจว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราต้องการได้ตลอดเวลาหรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เวลาเราคาดหวังกับอะไรบางอย่าง แต่ผลกลับไม่ออกมาตามที่เราหวังไว้ ถึงแม้เราจะเผื่อใจไว้แล้วบางส่วนก็ตาม มันก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้อยู่ดี
The MATTER ได้รวบรวมวิธีการรับมือกับความรู้สึกตัวเอง ทำใจยังไงเวลาที่ผลไม่ได้ออกมาตามที่ใจหวัง จากเหล่าผู้มีประสบการณ์ที่กลับมามีความหวังได้อีกครั้ง แล้วเราจะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปด้วยกัน
ปาณิศา มาลีนนท์ (ปอ)
อาชีพ: Travel Coordinator
เมื่อก่อนเป็นคนที่เวลาอินอะไรมากๆ แล้วมันไม่ออกมาตามที่อยากให้เป็น ก็จะเฟลมาก ร้องห่มร้องไห้ แล้วจะชอบย้ำคิดย้ำทำ มานั่งคิดวนไปเรื่อยๆ ว่าทำไมไม่ออกมาตามที่เราอยากให้มันเป็น คิดไปเรื่อยๆ จนมีความคิดนึงขึ้นมาว่าจะคิดมากไปทำไมในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว เราจะคิดว่าช่างมัน เราทำดีที่สุดแล้ว เอาเวลาไปสนใจสิ่งที่เรามั่นใจว่าเราทำได้ดีกว่า เพราะคิดไปมีแต่เครียด ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย คิดไปมันก็วนเป็นลูปเดิม มันไม่ดีขึ้น
กิตติกันต์ วิเศษ (โน๊ต)
อาชีพ : Research Assistant
ความผิดหวังมันอยู่ในทุกๆ ช่วงชีวิต ไม่ว่าจะเกิดจากเรื่องใดก็ตาม ด้วยความที่เราเรียนวิทยาศาสตร์มา ความคิดเราเลยออกไปทางวิทยาศาสตร์ เราเชื่อว่าผลของทุกอย่างมาจากสิ่งที่เราทำลงไป เพราะฉะนั้นมันจะไม่ได้มีความแปลกใจถ้าผลมันจะออกมาสมหวังหรือผิดหวัง ถึงแม้จะมีที่ต้องเสียใจบ้างบางครั้ง แต่สิ่งที่ทำมาตลอดเมื่อต้องเจอกับผลที่ไม่เป็นไปตามที่หวังก็คือ เททุกอย่างให้หมด นอนให้เต็มอิ่ม ไปเที่ยวคนเดียว ออกไปใช้เงินให้เต็มที่ ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด แล้วเริ่มใหม่ ผิดพลาดตรงไหนตัวเรารู้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วตัวเรานี่แหละที่จะเป็นคนเปลี่ยนจากความผิดหวังให้เป็นสิ่งที่หวังได้เอง
กมลลักษณ์ ศรีสวัสดิ์ธารา (โบว์)
อาชีพ: นักศึกษา
เราเป็นคนที่ไม่ตั้งความหวังสูงมากอยู่แล้ว เพราะว่าทุกอย่างก็อาจจะไม่เป็นตามอย่างที่ใจเราหวัง เราเลยจะเผื่อใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน แต่ไม่ได้แปลว่ามองโลกในแง่ร้ายนะ มันคือการอยู่บนความเป็นจริง เวลามีอะไรไม่ได้ตามที่เราหวังเราก็ต้องกลับไปมองดูว่าเราผิดพลาดในเรื่องอะไร เราต้องตั้งสติ และยอมรับมัน การคุยกับเพื่อนสนิท หรือคนที่เคยมีชะตากรรมเดียวกับเรามันช่วยได้มากเลยนะ ช่วยให้เรารู้ว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่มีความรู้สึกนี้ เเต่เราจะไม่คิดมาก หรือเครียดจนเสียความมั่นใจ ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส เราก็จะนำบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นพลัง บอกตัวเองเสมอว่าสักวันมันต้องเป็นวันของเรา
กันต์ชนิต กิตติรัตนไพบูลย์ (มัดหมี่)
อาชีพ: Account Executive
เราเป็นคนไม่วางแผน หรือคิดค้นวิธีการรับมือ เมื่อเกิดสถานการณ์จริงจะไม่เคยคิดว่า ฮึบ เราต้องสู้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปหรืออะไรทำนองนั้น เราคิดว่าก็นี่แหละสีสันชีวิต เสียใจก็เอาเลย เศร้าอยู่กับมันไปให้สุดจนกว่าจะดีขึ้น วันหนึ่งเมื่อความรู้สึกเบาบางลงไปเอง จนเราสามารถมองสิ่งนั้นได้อย่างเต็มตา เราจะรู้ว่าวันนึงเคยเจ็บปวดกับมัน แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไรแล้วตอนนี้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันสอนให้เรารู้ว่านี่แหละความสนุกของการมีชีวิต ถ้าไม่ผิดหวัง อกหัก จะมีชีวิตแบบสนุกๆ ได้ยังไง
นพณัฐ อิทธิเมธีวุฒิ (วิน)
อาชีพ: Media Planner
ตอนผิดหวังก็รู้สึกแย่ รู้สึกอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่อยากทำอะไร วิธีหลักๆ ที่มักจะทำอย่างแรกคือพยายามเอาตัวเองออกจากความคิดนั้นให้ได้ก่อน เราจะออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อน หรือหาอะไรทำคลายเครียด ให้ตัวเองเรียกสติกลับมา แล้วเราค่อยมานั่งหาสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ได้อย่างที่หวังแล้วมาแก้ไขสาเหตุนั้นๆ ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ ให้พยายามมองโลกในแง่ดีว่าไม่มีใครควบคุมอะไรได้ ต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ก็พอ มันสอนให้เราไม่คาดหวังเยอะเกินไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่คนจะไม่คาดหวังเลย เพียงแค่เตรียมพร้อมที่จะยอมรับความผิดหวังนั้นให้ได้ก็พอ พอล้มแล้วก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้
ธยานี เดชะดี (จีน)
อาชีพ: Account Executive
เราเป็นคนมีความหวังกับเรื่องต่างๆ สูง เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ข้อเสียคือมันทำให้เราผิดหวังแรงมาก ไม่ได้เตรียมใจอะไร แต่ก็คิดว่าผิดหวังก็ผิดหวัง เจ็บก็เจ็บ ไม่ได้บังคับตัวเองไม่ให้หวังจะได้ไม่เจ็บ อย่างตอนสัมภาษณ์งาน ตอนนั้นหวังมากเพราะคิดว่าเราตอบได้ดี ประเมินแล้วว่าเราทำดี ถ้าตอนนั้นไม่ได้คงผิดหวังมากๆ เราไม่เก็บอารมณ์นะ เวลาผิดหวังกับอะไรมากๆ จะนึกก่อนว่าเรื่องนี้คุยกับใครดี ก็จะคุยก่อน จูนอารมณ์ ไม่ก็ทำอะไรที่ชอบให้รู้สึกดีขึ้น แต่ต้องไม่ฝืนอารมณ์ตัวเอง เสียใจได้แต่ต้องรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่โอกาสสุดท้ายของชีวิต อย่าขุดหลุมฝังตัวเอง งานนี้ไม่ได้ก็รองานใหม่ คนนี้ไม่ใช่ เดี๋ยวอนาคตก็มีคนใหม่
ดิษยภัทร กมลสุนทร (ปูน)
อาชีพ: Games Operation Manager
อย่างแรกคงมองหาทางเลือกอื่นก่อนเลย ว่ามันยังเป็นไปได้อยู่ไหมในกรณีที่หวังมากๆ หากพยายามจนเรารู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้วก็คงรู้สึกไม่แย่เท่าการที่ไม่ได้ลองทำอะไรเลย สุดท้ายถ้าผลออกมาแบบนั้นจริงๆ คงนอยด์ไปสักพัก แต่ด้วยความที่ทำตัวเองให้วอกแวกเก่งอยู่แล้ว คงหาอะไรกิน ทำอะไรที่ใช้สมาธิสูงๆ การทำตัวยุ่งๆ จะทำให้ลืมไปเอง พอนึกขึ้นได้อีกที มันก็อาจยังมีอารมณ์เซ็งๆ หลงเหลืออยู่บ้าง แต่สุดท้ายพอเราออกจากตรงจุดเกิดเหตุมาได้สักระยะ เราก็จะเห็นภาพใหญ่ของมัน และเริ่มคิดทบทวนว่าพลาดอะไรไปตรงไหน เพราะอะไร พยายามแก้ไขมันต่อไปให้ดีขึ้นในโอกาสหน้า
ความผิดหวังมันยังคงอยู่ในใจเราลึกๆ แต่เราก็ได้แค่คิดบวกและพยายามพัฒนาต่อไป