“พอมองกลับไปก็พบว่าประสบการณ์ไม่ว่าจะแย่หรือดี มันต่างสอนเรามาทั้งนั้นแหละ”
“ด่ามาเถอะ ฉันจะทำชีวิตให้ดีกว่าเธอ 100 เท่า”
“ใครจะพูดยังไงช่างเค้า”
The MATTER ชวนเหล่าผู้ใหญ่ที่เคยถูกมองไม่ดีในวัยเด็ก แต่ตอนนี้ได้ดิบได้ดี มาร่วมแชร์ประสบการณ์กันว่าทำไมวัยเด็กจึงถูกมองแบบนั้น และอะไรคือจุดพลิกผัน ทำให้ตอนนี้ประสบความสำเร็จ
1. ทุเรียน
อาชีพ : ธุรกิจส่วนตัว
“โอ๊ย ตอน ม.ต้น เข้าห้องปกครองบ่อยมาก เล่าไม่หมด มีเรื่องพีคจน ม.ปลายที่บ้านต้องจับย้ายโรงเรียน แต่ในที่สุดเราก็ โอเค มีการมีงานทำเป็นของตัวเอง ขยันขันแข็งจนพ่อแม่ยอมรับตัวเรา”
2. ออตโต้
อาชีพ : ธุรกิจส่วนตัว
“คือตอนเรียนมหาวิทยาลัยนี่เทอมแรกเราเหมา F ไป 3 ตัว จนเพื่อนและตัวเองคิดว่าต้องรีไทร์ซะแล้ว แต่ด้วยความที่ชอบบรรยากาศและสังคมในมหาวิทยาลัยมากก็เลยตัดสินใจสู้ต่อ เวลาทำงานกลุ่มนี่เพื่อนยังไม่มั่นใจในความคิดเราเลยนะ หาว่าเราคิดได้แค่นี้ บางทีก็เสียใจ แต่สุดท้ายเราก็จบการศึกษาภายใน 4 ปี พร้อมกับเพื่อนๆ จนได้ ในวันรับปริญญา มีเพื่อนตะโกนถามว่า “เฮ้ย มึงเอาชุดใครเขามาใส่วะ”คือถามด้วยความสงสัยจริงๆ ไม่ใช่แกล้งถาม 5555 ทุกวันนี้เรียนจนจบปริญญาโท มีตำแหน่งรองผู้จัดการ คือก็รู้สึกเสียดายบางอย่าง น่าจะตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไร”
3. มะเหมี่ยว
อาชีพ : พนักงานบริษัท
“คือไม่ถึงขนาดเข้าห้องปกครองแต่มองย้อนกลับไปแล้วเออ ก็แรงอยู่ เมื่อก่อนครูที่โรงเรียนชอบมองว่าเราท่าทางนักเลง เคยมีทีนึงมองหน้าเราแบบไม่พอใจ เราก็มองแรงกลับตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และจากปลายเท้าไปจบที่หน้า จนอาจารย์คนนั้นเดินหนีไปเอง
“พอเข้ามหา’ลัย ก็ติด F ติดพนันบอลอยู่ช่วงนึง แต่เวลาเรียนเราก็ตั้งใจเรียนนะ วิชาที่ติด F คือวิชาบังคับที่ไม่ถนัด เราเก่งภาษาอังกฤษ เลยใช้วิธีการติวภาษาอังกฤษเด็กมัธยมเพื่อเอาเงินที่ได้ไปแทงบอล และตามดาราเกาหลีถึงประเทศเค้า โดนคนมองไม่ดีก็เยอะ หลายอย่างที่เคยทำมามันก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ แต่เรื่องเรียนหรืออะไร เราไม่ได้เดือดร้อนใคร เป็นติ่งเกาหลีตอนนั้นก็ไม่เสียใจ ใครจะพูดยังไงช่างเค้าเพราะนั่นทำให้เราได้ภาษาที่สาม ตอนนี้ก็ทำมาหาเลี้ยงชีพ รับผิดชอบตัวเองได้ ก็น่าจะพอเรียกว่าได้ดีแหละมั้งนะ”
4. Cherry
อาชีพ : Logistics executive
“ปกติเป็นเด็กกิจกรรม ไม่เคยทำตัวมีปัญหา แต่ตอน ม.5 จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ไปหาเรื่องเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ออกจากโรงเรียนไปแล้วแต่กลับมาที่โรงเรียนในวันกีฬาสี
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คือจริงๆ เราไม่ได้โดนตัวเขาเลย แต่ก็มีตำรวจมาจับ พาไปโรงพัก ครูเรียกขึ้นห้องปกครอง หนักสุดคือมีกระทู้ตั้งเป็นชื่อเราในเว็บไซด์โรงเรียน คอมเมนต์เป็นพันๆ รุมด่า ตอนนั้นรู้เลยว่าเวลาดาราถูกด่ารู้สึกยังไง แรดบ้างล่ะ เลวบ้าง ไล่ให้ออกจากโรงเรียนบ้าง หนักสุดคือพ่อแม่ไม่สั่งสอน เสียใจนะ คือเรารู้แหละว่าเราทำผิด แต่เราได้รับบทลงโทษทุกอย่างแล้วทำไมต้องมาด่าเราด้วย เอาจริงๆ ที่กระทบชีวิตสุดคือทำให้พ่อแม่เสียใจ
“ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว อดีตมันแก้ไขไม่ได้ แค่เรารู้ว่าไม่ดี ก็จะไม่ทำอีก ตั้งใจเรียน หางานทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จากคนที่โดน cyberbullying ด่าเป็นพันๆ คอมเมนต์จนเกือบจะเสียผู้เสียคนในวันนั้น ตอนนี้กลายเป็นคนที่โชคดีเรื่องงานเรื่องสังคมรอบข้าง ปัจจุบันทำกับบริษัทขายเครื่องมือแพทย์มาได้ปีกว่าแล้ว มีคติประจำตัวว่า ด่ามาเถอะ ฉันจะทำชีวิตให้ดีกว่าเธอ 100 เท่า”
5. ผู้บ่าวขี้ค่าน
อาชีพ : รับจ้างทั่วไป = freelance
“ตอนเด็กๆ นักเลง ชอบชกต่อย พ่อเสียเงินค่าทำขวัญไปหลายหมื่นอยู่นะ ต่อยตีทั้งรุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง จนขนาดบางเรื่องไม่ได้มีส่วนร่วมหรือทำยังมีคนหาว่าเป็นฝีมือเรา เคยใช้ขวดน้ำ หัวก๊อก ไม้กวาดทางมะพร้าว ไล่ตีรุ่นพี่ จนหลายๆ คนบอกว่าโตไปไม่เป็นโจรก็ตายในคุก พ่อเป็นผู้ช่วย ผอ.ที่โรงเรียน สมัยนั้นยังตีได้ ก็ต้องตีลูกตัวเอง บางเรื่องที่เราทำผิดเรายอมให้ตีนะ แต่บางเรื่องเราไม่ได้ทำและไม่มีส่วนร่วมเลย แต่คนอื่นหาว่าเราทำ ก็ไปฟ้องพ่อ พ่อจับเราตีต่อหน้าคนที่มาฟ้องก่อนเลย ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด อันนี้เจ็บใจมาก คนถูกตีก็เจ็บ แต่คนเจ็บใจกว่าคือคนตี ตีทั้งๆที่รู้ว่าลูกไม่ได้ทำ คือช่วงนั้นมันวัยเด็กอยากเป็นที่ยอมรับไง
“แต่พอมาช่วงมัธยม สิ่งที่ทำให้เพื่อนยอมรับหรือจะเป็นหัวโจกได้ ไม่เฉพาะเพียงการใช้กำลัง ต้องใช้ความสามารถอย่างอื่นด้วย ตอนนั้นเลยเริ่มเล่นกีฬาหลายอย่าง ทั้งวิ่งแข่ง ฟุตบอลบอล ต้องซ้อม อยากเรียนเก่งด้วยก็ต้องอ่านหนังสือ พอ ม.ปลาย นอกจากเรียนและเล่นกีฬา สิ่งที่จะให้เพื่อนยอมรับคือการทำกิจกรรม กิจกรรมที่รู้สึกภูมิใจที่สุดคือการได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียน ทุกคนยอมรับเราโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังเข้าต่อยตีเข้าข่มขู่เหมือนตอนเป็นเด็ก แต่ยอมรับจากความเสียสละ ความเป็นมิตร ความมีสติปัญญาที่ดี ร่างกายที่พร้อม
“พอมาเรียนในระดับที่สูงขึ้นอย่างปริญญาโท จนถึงการทำงาน สิ่งที่จะทำให้คนอื่นยอมรับคือความอดทนและความอ่อนน้อมถ่อมตน นอกจากเพื่อนพี่น้องจะยอมรับแล้ว ผู้ใหญ่ยังยอมรับ ทำตัวให้เป็นแก้วว่าง ความมีมานะอดทนต่องาน ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น แค่นี้เลย ถ้าทำได้นะ ไม่เห็นจะต้องไปเปลืองตัวไปไล่ตีคนอื่น หรือให้คนอื่นมาไล่ตีเราแก้แค้น ทั้งพ่อแม่และตัวเองก็ดีใจ ภูมิใจ พอมองกลับไปก็พบว่าประสบการณ์ไม่ว่าจะแย่หรือดี มันต่างสอนเรามาทั้งนั้นแหละ”