เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา The MATTER มีโอกาสสนทนาภาษาทิพย์กับแอดมินเพจน้องจากกาแลตซี่สีกลุบหลาบอันกัยโพ้น …5 เดือนผ่านไป เพจน้องที่ปลิวไปเมื่อหลายเดือนก่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมยอดขายเสื้อลิมิเต็ดอิดิชั่นที่พุ่งจนสั่งซื้อกันแทบไม่ทัน แม้ว่ามันจะไม่ค่อยสวย
กลับมาคราวนี้ The MATTER ขอนั่งชันเข่าคุยกันอย่างออกรสกับ 3 แอดมินจากเพจน้องง ในเวอร์ชั่น intellectual ถามตรงๆ เรื่องเศรษฐกิจ การศึกษา และศาสนา แม้ว่าจะตอบไม่ค่อยตรงคำถามและไม่ได้มาเป็นภาษาทิพย์ แต่ที่แน่ๆ เข้มข้นไม่แพ้ In Her View และไม่ต้องมีแต้มบุนก็อ่านได้ รู้เรื่อง!
ไม่เชื่อลองดู
สังคมเรามันจริงจังกับภาษา มันอยู่ในโครงสร้างมามาก พอเราหลุดจากโครงสร้างมาสู่ความผ่อนคลาย เลยไม่แปลกใจว่าทำไมมันแพร่หลาย เราคงจะอยู่ในอุดมการณ์ขวาจัดมานาน พอออกมาแม่งสนุก รู้สึกท้าทาย รู้สึกว่าเสพติดกับการได้ทำอะไรแบบนี้ ใช้ภาษาอะไรแบบนี้โดยไม่รู้ตัว
คุณได้เรียนรู้อะไรจากการที่เพจปลิวครั้งก่อน
น้อง : การ PR ที่เราทำไว้กับสื่ออื่นๆ มันช่วยไว้เยอะมาก แบรนด์ดิ้งเราก็ถือว่าสตรองในระดับหนึ่ง มี brand loyalty มีเพจต่างๆ ช่วยเราดึงคนกลับมา พอเปิดเพจใหม่ก็ช่วยเรากระจายข่าว ว่าเราอยู่ตรงนี้นะ
น้องอีกคน : ซึ่งแต่ก่อนเราหยิ่ง ถ้ามาบอกเราว่า นี่ๆ แชร์ให้หน่อยสิ เราก็ไม่แชร์ จะเชิ่ด มารอบนี้ก็เลยแชร์คอนเทนต์จากเพจโน้นเพจนี้มากขึ้น มีมีทติ้งอะไรก็ไป ล่าสุดก็เพิ่งไปมีทติ้งกับแอดมินเพจต่างๆ แล้วก็ลูกเพจที่สนิทๆ กัน ดาวเพจ ผัวเพจ เราจัดกันเอง คัดเลือกให้มาเจอเราเอง ตามระบบเผด็จการ
ตั้งแต่เปิดเพจใหม่มายอดไลก์ก็แสนหกแล้ว ยอดเพจขึ้นเร็วกว่า The MATTER อีก (มองแลง)
น้อง : ขอโทษนะคะที่ดังกว่า อิดสาหลอ
หื้มมมม ก็อิดสาแหละ ถามต่อว่าพอยอดไลก์เพจมากขึ้น มีคนใช้ภาษาทิพย์เพิ่มมากขึ้น คิดว่าปรากฏการณ์ภาษาทิพย์บอกอะไรกับสังคม
น้อง : ก็…อ้วนขึ้น หื้ม เกี่ยวมั้ย
น้องอีกคน : คือสังคมเรามันจริงจังกับภาษา มันอยู่ในโครงสร้างมามาก พอเราหลุดจากโครงสร้างมาสู่ความผ่อนคลาย เลยไม่แปลกใจว่าทำไมมันแพร่หลาย เราคงจะอยู่ในอุดมการณ์ขวาจัดมานาน พอออกมาแม่งสนุก รู้สึกท้าทาย รู้สึกว่าเสพติดกับการได้ทำอะไรแบบนี้ ใช้ภาษาอะไรแบบนี้โดยไม่รู้ตัว
น้องอีกคนนนน : เหมือนภาษาสก๊อย ก็ฮิตช่วงนึง ตอนนี้ก็เป็นภาษาทิพย์
ไวยากรณ์คือต้อง ‘นิ้วโป้งอ้วน’ ภาษาทิพย์ต้องง่าย ต้องซิมเพิลๆ
ภาษาทิพย์มีไวยากรณ์มั้ย
น้อง : ไวยากรณ์คือต้อง ‘นิ้วโป้งอ้วน’ ภาษาทิพย์ต้องง่าย ต้องซิมเพิลๆ ช่วงแรกๆ จะมีการหลับตาพิมพ์บ้าง ในหัวเราจะมีคีย์บอร์ดทิพย์ โดยที่ตัวเราก็ไม่ได้แม่นเรื่องพิมพ์สัมผัส ไม่เคยเรียนพิมพ์ดีดมา เราก็กดๆ ไป จิ้มๆๆๆๆ ไปเรื่อย ไม่ตายตัว จะเข้าใจมั้ยขึ้นอยู่กับว่าคุณเก่งภาษาไทยมากน้อยแค่ไหน
ไขข้อข้องใจหน่อย คำว่า ‘วงวาร’ ที่จริงมันออกเสียงว่ายังไง
น้อง : หวง-หวาน มีเสียง ห นำ
น้องอีกคน : ชั้นเรียก วงวาร ไม่มี ห นำ
น้องอีกคนนนน : ชั้นก็อ่านว่าวงวารเหมือนกัน เธอไปงามวงศ์วาน เธออ่านว่า งาม-หวง-หวาน เหรอ?
น้อง : นี่แหละค่ะ ‘ภาษาทิพย์’ 55555
เห็นในเพจนี่สนุกสนานมาก จนเหมือนว่าคุณจะไม่เชื่อในเรื่อง PC (Political Correctness) หรือเปล่า
น้อง : เห็นแบบนี้พวกเราก็ไม่ได้ไปด่าใครในชีวิตประจำวันนะ มันอยู่ที่มารยาทแล้วก็การถูกหล่อหลอมมายังไงของคนคนนั้นด้วย ถ้าอยากอยู่รอด หรืออยู่เป็น ก็ต้อง PC ในจังหวะ สถานการณ์ บริบทนั้นๆ ด้วยค่ะ
น้องอีกคน : บางที PC มากไปมันก็ทำให้เราไม่สามารถทักใครได้เลย กลัวไปหมด อ้าวตัดผมมาใหม่เหรอ ทำไมดูหัวล้าน ก็ไม่ได้ ไม่ได้เอาวิกมาเหรอ มันก็แล้วแต่
น้องอีกคนนนน : ว่าชั้นเหรอ?
น้อง : แต่ถ้ามองในระยะกว้างขึ้น ก็จะรู้สึกว่า PC มันมีปัญหากับการพัฒนาสังคม
อะไรคือปัญหาของ PC ที่คุณว่า
น้อง : ที่ตลกมาก คือ กลุ่มคนหัวก้าวหน้าที่เชียร์คลินตันอะ พอทรัมป์ได้รับเลือกกลับกลายเป็นว่าด่าทรัมป์ ก็คือยูไม่พีซีแต่ทำตัวว่าโปร PC มาตลอด กลายเป็นเลือกที่จะ PC เราว่ามันไม่ต่างกับเรื่อง ‘ศีลธรรม’ ที่มีไว้ก็ดี แต่ไม่ใช่มีไว้เพื่อสำเร็จความใคร่คนอื่น PC ก็เช่นกัน ถ้ามีไว้เพื่อตัดสินคนอื่นมันก็ไม่ได้ต่างกับการล่าแม่มดเลย
น้องอีกคน : แล้วก็เวลาเม้าท์กันมันไม่อร่อยด้วย นี่คือปัญหา 5555
คิดว่าทำยังไงให้ใช้ PC ในแบบที่พอดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม
น้อง : มันต้องมองไปถึงระบบครอบครัวเลยว่าเลี้ยงดูกันมายังไง การมีกาลเทศะ การเลี้ยงดู การศึกษา เรื่องพื้นฐานต่างๆ แค่นั้นเลย แต่ถ้าระแวงกันมากเกินไปก็ เอ๊ะ ฉันคุยกับใครอยู่วะ ไม่รู้เรื่อง
น้องอีกคน : เขียน mind mapping ก่อนจะพูดงี้ ก็ไม่ไหว
อะไรคือเส้นแบ่งของความสมควรกับความไม่สมควรของคอนเทนต์ที่ลงในเพจ
น้อง : วิจารณญาณของเราและกฎหมาย กฎหมายคือแก่นหลัก ตัวพวกเราเองกรองอีกที เพราะสุดท้ายแล้วเราจะโดนเอาผิดได้หรือไม่ได้ก็คือมีหลักกฎหมายที่คอยปฏิบัติกับเรา จริงๆ ก็ไม่ได้เชื่อในกระบวนการยุติธรรมนัก แต่ว่าเราต้องรู้ทางหนีทีไล่ เราต้องอยู่ให้เป็น เราจะซ่าได้เบอร์ไหน ต้องฉลาดด้วย
น้องอีกคน : ที่สำคัญตอนนี้เราไม่มีชุดสวยๆ ที่จะใส่ไปขึ้นศาล ดังนั้นเราจะยังไม่ไป
แล้วคิดว่าตัวเองซ่าเบอร์ไหน (จ่อไมค์ถาม)
น้อง : เบอร์ที่ไม่ใช่ อั้ม-เนโกะ เป็นเบอร์เพนกวิน เนติวิทย์ น่ารักๆ
มีความเห็นอย่างไรต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
น้อง : ก็แค่เศษเสี้ยวอำนาจนึงของรัฐประหาร มันเลยไม่น่าแปลกใจ ส่วนคนที่บอกว่าไม่ได้ผิดจะกลัวอะไร ก็ต้องย้อนกลับไปถามว่าแล้วรัฐบาลกลัวประชาชนทำไมล่ะ ถ้าเกิดจะใช้กับประชาชนได้แต่ทำไมใช้กับตัวเองไม่ได้ เออ ก็เอาสิ ให้ประชาชนใช้ พ.ร.บ. นี้ตรวจสอบคุณด้วย เพราะกฎหมายมันต้องครอบคลุมทุกคนใช่มั้ยล่ะ หื้มมมม ชั้นจะโดนจับมั้ยเนี่ย
คิดว่าเศรษฐกิจของบ้านเราจะเป็นไปในทิศทางไหน
น้อง : ตอนแรกก็กลัวนะ แต่พอยอดขายเสื้อเพจเราพุ่งก็งงไปอีก เท่ากับว่าคนมองว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญปะ เราสำคัญไงคนก็เลยซื้อ เสื้อผ้าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของปัจจัย 4 สั่งกันรึยังคะ สั่งไม่ทันระวังเพื่อนไม่คบนะ ที่เขาซื้อกันเนี่ยเพื่อเอาไว้เข้าสังคมนะ เหมือนว่าถ้าเราไม่มีสมาร์ทโฟนเนี่ย เราก็จะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง
แต่ถ้าจะให้ทำนายแนวโน้มของเศรฐกิจปีหน้าจริงๆ ก็อาจจะเป็นอารมณ์อย่างนี้แหละ หรืออาจจะกัดก้อนเกลือกินกว่านี้ อาจจะต้องมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดบ้านมากขึ้นก็เป็นได้
น้องอีกคน : แต่สุดท้าย กลุ่มทุนใหญ่ของประเทศก็คงขับเคลื่อนต่อไปปะ
น้อง : การแข่งขันอาจจะลำบากขึ้น จะใช้นโยบายสู้กันยังไง ใครจะเบิ้ลเครื่องใส่กันได้แรงกว่า ก็จะเป็นแนวนี้
น้องอีกคน : ชอบมาก ชอบภาษามาก รู้สึกว่า intellectual แต่คุยกับชาวบ้านรู้เรื่อง
น้องอีกคนนนน : เหมือนนั่งชันเข่าคุย
น้อง : บ้านดินเว่อร์
ไม่รู้ว่าเด็กไทยตอนนี้เรียนอะไรกันอยู่ เลยไม่รู้ว่า propaganda ของประเทศเราเป็นไปในทิศทางไหน อยากเห็นคนทำวิจัยเรื่องนี้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวดีๆ ในสังคม
แล้วระบบการศึกษาของบ้านเราในมุมมองของเพจน้องล่ะ คิดว่าเป็นยังไง
น้อง : เพิ่งเม้าท์กันตอนนั่งรถมานี่เอง ตอนนี้ไม่รู้ว่าเด็กไทยเรียนอะไรกันอยู่ในตำรา ตอนเราเรียนรู้สึกว่าเรียนเรื่องกระจายอำนาจตั้งแต่ประถม อำนาจตุลาการ นิติบัญญัติ โน่นนั่นนี่ รู้สึกว่าการเข้าใจประชาธิปไตยมันเป็นเรื่องง่ายมากกกกกกกกกกกก ถึงมากที่สุด แต่ไม่รู้ว่าเด็กไทยตอนนี้เรียนอะไรกันอยู่ เลยไม่รู้ว่า propaganda ของประเทศเราเป็นไปในทิศทางไหน อยากเห็นคนทำวิจัยเรื่องนี้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวดีๆ ในสังคม
เพจน้องจะเริ่มทำก่อนมั้ย
น้อง : ไม่เอาค่ะ ไม่รวย ไม่ทำ 555 แต่เหมือนมีคนเคยทำนะเรื่องแบบเรียน แต่แบบเรียนในปัจจุบันยังไม่มี น่าสนใจนะว่าผู้ใหญ่กำลังหลอกอะไรเด็กอยู่ จริงๆ ควรเรียนเป็นวิชาชีพปะ เพื่อเป็นทักษะในการทำมาหากิน แต่กลายเป็นว่าการศึกษาไทยทำอะไรอยู่คะ
น้องอีกคน : กลายเป็นว่าการศึกษาไทยมีไว้เพื่อการสอบ
น้อง : แล้วมันก็ไปผูกกับสัญลักษณ์บางอย่างว่าฉันอยู่ชนชั้นนี้ ฉันต้องเรียนคณะนี้เพื่อจะได้เป็นจริตนี้ โลกที่สามมากเลยนะคะ
งั้นมีทางไหนที่การศึกษาบ้านเราจะพัฒนาขึ้น
น้อง : ด่ากันเยอะๆ
น้องอีกคน : ชั้นจะไม่ยอมให้คนอย่างแกได้ดีกว่าคนอย่างชั้น ด่ากันเหมือนนางเอกช่อง 7 ช่อง 8 งี้เหรอ?
น้อง : ไม่ใช่ๆ อย่างน้อยเศษเสี้ยวนึงควรมีเสรีภาพในการที่จะเปิดวิธีคิดต่างๆ ก่อน ว่ายังมีวิธีคิดอีกหลายแบบบนโลก
แล้วตอนนี้เรามีเสรีภาพมากน้อยแค่ไหน
น้อง : ดู พ.ร.บ.คอม สิ
สำหรับตัวเองก็คิดว่าศาสนาควรมีไว้เพื่อยึดเหนี่ยว แต่ก็ต้องควบคู่กันไปกับหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ว่า ไปไล่สำเร็จความใคร่ทางศีลธรรมกับคนอื่น
การศึกษาก็ว่ากันไปแล้ว มาเรื่องศาสนากันบ้าง คิดว่าอะไรคือปัญหาของศาสนาในบ้านเรา
น้อง : ตอนนี้เหมือนเรามีศาสนาไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ ศาสนาฉันดีอย่างนั้นอย่างนี้ มันเหมือนจุดกำเนิดของเพจน้อง ศาสนาน้องขึ้นมาเนี่ย ก็อารมณ์แบบอ๋อ ฉันอยู่ศาสนาน้อง ตรงคำถามมั้ย? ชั้นลืมคำถามแล้ว
(มอง) อะ ถามใหม่ คิดว่าอะไรคือปัญหาของศาสนาในบ้านเรา
น้อง : คนแหละ ไม่ใช่ตัวศาสนาที่เรานับถือ ขึ้นอยู่กับว่าคนเขาซึมซับแล้วเอาไปตีความในทิศทางไหน และการคลั่งมากจนหูหนวกตาบอด จนสติไม่ดี ฉันจะฆ่าเธอเพราะเธอทำไม่ดี
น้องอีกคน : ปัญหาคือการคิดว่ามีวิธีคิดแบบเดียวบนโลก มันเลยทำให้ไปตัดสินคนอื่น การทำแบบนี้ยิ่งทำให้ตัวเองพิการ ไม่สามารถที่จะมีแก่นที่สตรองได้ ก็เลยกลายเป็นวิกฤติศรัทธา คือเราเรียนวิชาโทปรัชญาศาสนามา สำหรับตัวเองก็คิดว่าศาสนาควรมีไว้เพื่อยึดเหนี่ยว แต่ก็ต้องควบคู่กันไปกับหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ว่า ไปไล่สำเร็จความใคร่ทางศีลธรรมกับคนอื่น ยูควรจะรับวิธีคิดต่างๆ บนโลกนี้ด้วย
น้อง : ตอนนี้ศาสนาอื่นคือชายขอบเว่อร์ อารมณ์แบบคนต่างจังหวัดถือคริสต์ได้ไงหน้าไม่ฝรั่งซะหน่อย
น้องอีกคน : แล้วคริสต์ซื้อเหล้าได้มั้ยช่วงเข้าพรรษา
มาที่เรื่อง ‘ศาสนาน้อง’ บ้าง คุณเคยบอกว่าความท้าทายในการทำเพจคือการใส่ศาสนาน้องลงในบัตรประชาชน อยากรู้หลักการของศาสนาน้อง เผื่อมีศาสนิกที่สนใจอ่านอยู่
น้อง : คือสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู
น้องอีกคน : อยากให้น้องเป็นน้องของเรา
น้อง : ศาสนาแห่งความบันเทิง แค่คุณหัวร้อนก็แพ้แล้วอะ คุณต้องโนสน โนแคร์ โนแยแส แร้วไงครัยแคร์ นี่คือการปล่อยวางในอีกแมสเสจนึง แม้จะโกรธมากแต่ก็ต้องพิมพ์ ‘55555555’
น้องอีกคนนนน : อยากให้ทุกคนมองโลกในแง่ดี ศาสนาเราสุดโต่งในทุกๆ เรื่อง คนอ้วน คือ บาป คนผอมมากๆ คือ สวย คนไม่ทุนนิยมไม่ซื้อเสื้อเรา คุณก็จะไม่ได้ไปต่อกับเรา แต่ถ้าคุณอ้วนคุณต้องมั่นหน้าถึงจะอยู่ในศาสนาเราได้
คอนเทนต์แต่ละอันในเพจก็สุดโต่งตามหลักศาสนา แล้ว sense of humor ของคนไทยอยู่ในระดับไหน สัมพันธ์กับเพจเรามั้ย
น้อง : แล้วแต่ gen ของเลย ทาร์เก็ตของเพจน้องนี่คือเด็กมัธยมปลายเยอะมากเลยนะ เด็กสมัยใหม่เปิดกว้างทางความคิดมาก จี๊ดมาก
น้องอีกคน : ก็มีนะคนแก่ๆ ที่ตาม คือไม่จบต่างประเทศมาก็ระดับปริญญาตรีขึ้นไป แม่ตามแล้วให้ลูกตามด้วยก็มี แต่แบบที่ตามมาด่าก็มี
น้องอีกคนนนน : เขาถามว่าอะไร ตอบตรงคำถามมั้ย 5555
ไม่ค่อยตรง อะ อีกทีๆ คิดว่า sense of humor ของคนไทยอยู่ในระดับไหน
น้อง : แล้วแต่ว่าการปฏิบัติ เลือกปฏิบัติกับใครมากกว่า ตอบตรงคำถามมั้ยเนี่ย
น้องอีกคน : 55555555 ไม่ตรงๆ กินกาแฟรึยัง!
ไม่ตรงๆ อีกทีๆ ถามรอบที่ 3 เรื่องของ sense of humor
น้อง : ยังน้อยอยู่นะ
น้องทุกคนและ The MATTER : เอ้อ อันนี้ตรงคำถาม! 55555555
อะไรคือความสนุกของการทำเพจน้อง เอ๊ะ สนุกมั้ยหรือทุกข์
น้อง : สนุกๆ
น้องอีกคน : คอนเทนต์ตรงหัวอะเฉยๆ แต่คอมเมนต์สนุกมากกกก มันมีประเด็น มีไอเดีย คนก็สานต่อแมสเสจให้มันเกิดขึ้น สนุกตรงการไม่ยอมกัน ฉันจะสู้เธอ
น้องอีกคนนนน : มาพิมพ์แค่ ‘55555’ จะไม่มีนะ จะมาละครเลยจ้ะ พิมพ์ยาวๆ สนุกมาก ชอบมากเวลาอ่าน
น้อง : อาจารย์ธเนศ วงศ์ยานนาวาเคยพูดเอาไว้ว่า
วรรณกรรมมันกำลังจะตายเพราะฟอร์มของโซเชียลมีเดียมันเข้ามามีอิทธิพล เพจน้องก็อาจจะเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ว่า คือมันมีการรีแอคกันระหว่างคนเขียนกับคนอ่าน มันสนุกกว่ามีเดียสมัยก่อน มันมีความเสมือนจริงอยู่ในนั้นด้วยมันก็เลยรู้สึก ‘ว้าว’ กว่า
พูดถึงเรื่องเครดิต ทำไมถึงไปก๊อปของคนอื่นมาลงตลอดเลย
น้อง : มันไม่ดีไง ก็ขอเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชน แต่ถ้ามีคนบอกว่าใส่เครดิตให้ฉันด้วยสิ อันนี้เราก็เลือกที่จะลบมากกว่า ก็จะบอกไปว่าเดี๋ยวฉันลบให้ก็แล้วกัน ขอเวลาอีก 5 นาที ขอยอดไลก์อีกนิดนึงเดี๋ยวลบให้ แต่ถ้าบอกว่าลบให้หน่อยสิมันเห็นหน้าฉัน อันนี้เราก็ลบให้
น้องอีกคน : ถ้ามันกระทบมากๆ ไม่เป็นงานวรรณกรรม เราก็ลบให้เขา
เสื้อเพจ ราคาเสื้อ 250 กับคุณภาพเท่านี้ คิดว่าคุ้มราคามั้ย
น้อง : ไม่คุ้ม แต่ก็พยายามที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้า
น้องอีกคน : เสื้อก็ราคาหนึ่ง แต่แบรนด์เราก็อีกราคาหนึ่งไง เราขายแบรนด์ สร้าง value ให้กับโปรดักต์
เออ ถ้าแบบนี้ 600 ก็คุ้มนะ (มอง) ว่าแต่มีคนฟ้อง สคบ. หรือเปล่า
น้อง : ไม่มี มีแต่มาด่า เราก็มีวิธีรับมือในแบบของเรา เช่น ลบบ้าง ซ่อนบ้าง แนะนำบ้าง ถ้าใช้ไม่ดีก็เอาไปทำผ้าเช็ดเท้าสิ
น้องอีกคน : แต่เราก็พัฒนาสินค้านะ เปลี่ยนผู้ผลิตบ้าง เป็นต้น
สุดท้าย ‘เพจน้องง’ อยากบอกอะไรกับสังคม
น้อง : อย่าถามว่าเพจน้องให้อะไรกับสังคม คุณต่างหากให้อะไรกับเพจน้องหรือยัง