เกมดูดเวลาในตำนานอย่าง The Sims กลับมาแล้ว! ไหนใครได้ลองเล่นแล้วบ้าง ครั้งนี้นอกจากจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปวันวานแล้ว การกลับไปเล่นครั้งนี้ก็ยังได้เห็นเรื่องราวในเกมที่ตอนเด็กไม่ทันสังเกตเห็นด้วย
ปีนี้ก็ถือเป็นการครบรอบ 25 ปี ของ The Sims เกมแนว Life stimulation หรือเกมจำลองชีวิต ซึ่งเป็นเกมที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน เพราะตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 ก็ได้ความนิยมถล่มทลาย ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในชุดเกมคอมพิวเตอร์ที่ยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ ที่ขายได้สูงถึง 100 ล้านชุด (ไม่รวมแผ่นผี) โดยในวาระที่ครบรอบ 25 ปีนี้ EA เลยเซอร์ไพร์สแฟนๆ ด้วยการนำเกม The Sims 1 และ 2 กลับวางขายให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง
ย้อนกลับไปสมัยเด็ก เราตื่นเต้นไปกับการสร้างตัวละคร หรือแต่งบ้าน แค่ 2 อย่างนี้ก็หมดเวลาเป็นวันๆ จนไม่ได้สนใจตัวละครบ้านอื่นๆ ว่าเป็นยังไงมายังไง รู้แค่ว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วก็จบ แต่พอได้กลับมาเล่นอีกครั้ง ก็พบเรื่องราวเบื้องหลังของซิมส์แต่ละตัวก็น่าสนใจเหมือนกันนะเนี่ย ทั้งชิงรักหักเหลี่ยมโหด การหายตัวไปอย่างปริศนา หรือความแค้นของสองตระกูล ซ่อนอยู่แบบไม่เคยสังเกตมาก่อน
ในวันที่กลับมาเล่นเกมเดิมในวัยที่โตขึ้น เราเลยอยากหยิบเรื่องราวจากครอบครัวสุดไอคอนิคจาก The Sims 1 และ The Sims 2 มาเล่าให้ฟังกัน นอกจากทั้ง 7 บ้านที่เราเลือกมา ถ้าใครเจอเรื่องแปลกๆ ในเกมอีกบ้างมาแชร์กันได้นะ
Newbie: ครอบครัวชนชั้นกลางที่ต้องดิ้นรนในเมืองใหญ่
เริ่มด้วยครอบครัวที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักอย่าง ‘ครอบครัวนิวบี้ (Newbie)’ เพราะเป็นครอบครัวเริ่มต้นที่จะแนะนำวิธีเล่นเกมให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ โดยเราจะได้เจอครอบครัวนี้ตั้งแต่ The Sims 1 ประกอบด้วยบ็อบและเบ็ตตี้ คู่สามีภรรยาที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง เป็นเหมือนภาพแทนของชนชั้นกลางที่อาศัยในชานเมืองช่วงยุค 1950 สามีออกไปทำงานนอกบ้าน ส่วนภรรยาอย่างเบ็ตตี้ก็เป็นแม่บ้าน คอยดูแลความเรียบร้อยในบ้าน
แม้บ็อบและเบ็ตตี้จะไม่ได้มาจากครอบครัวที่ขัดสน เห็นได้จากชีวิตวัยเด็กของบ็อบและเบ็ตตี้ที่ได้ใน The Sims 3 ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำและรถยนต์ราคาแพง แต่เพราะการใช้จ่ายเกินตัว จึงทำให้ปัจจุบันการเงินที่บ้านนิวบี้ไม่ได้อู้ฟู่มากนัก
มรดกนี้ก็ส่งต่อมายังรุ่นที่ 2 อย่าง แบรนดี้ ลูกสาวของพวกเขาที่ต้องอยู่อย่างอัตคัตในเมืองเพลสเซินท์วิว ซึ่งได้แต่งงานกับครอบครัวโบรก แม้ใน The Sims 2 เราจะไม่เห็นบ็อบและเบ็ตตี้เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว แต่เราจะได้เห็นครอบครัวนี้ผ่านแบรนดี้ ซึ่งก็มีชีวิตที่ยากลำบากไม่แพ้กัน ในภาคนี้เธอกลายเป็นแม่ม่าย เนื่องจากสามี ‘สคิป โบรก’ เสียชีวิตจากการจมน้ำในสระว่ายน้ำ (ซึ่งก็เกี่ยวกับเรื่องราวที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ในหมู่ชาวซิมส์ว่า อยู่ๆ บันไดของสระว่ายน้ำก็หายไป!)
อย่างไรก็ตามการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา (?) ของสามี ก็ทำให้แบรนดี้ต้องเลี้ยงลูก 3 คนเพียงลำพัง คือดัสติน ลูกชายคนโตที่กำลังเบนเส้นทางเข้าสู่อาชญากรรม และโบ ลูกสาวคนรองวัยเตาะแตะ แถมกำลังอุ้มท้องลูกคนที่ 3 ไปด้วย ตลกร้ายคือชื่อโบรก ก็ดันไปพ้องกับคำว่า Broke ‘ถังแตก’ พอดี ก็อาจเป็นไปได้ว่าชื่อนี้ก็ทำให้ใครหลายคนจดจำบ้านนี้ในฐานะหนึ่งในบ้านที่ยากจนใน The Sims นั่นเอง
Goth: ตระกูลผู้ดีเก่าและจุดเริ่มต้นของปริศนาการหายตัวไปของเบลล่า
‘ครอบครัวกอธ (Goth)’ ถือเป็นตระกูลผู้ดีเก่าแก่ อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเมือง เคียงคู่กับแลนด์แกรบตระกูลเก่าแก่ที่สุดอีกหนึ่งตระกูล และอาจเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่สำคัญที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะปริศนาหรือตัวละครก็อาจเกี่ยวพันกับบ้านนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
เราจะได้เห็นครอบครัวกอธตั้งแต่ The Sims 1 ในภาคนี้เราจะเห็นบ้านของตระกูลนี้ทั้งหมด 2 บ้านด้วยกัน หลังแรกคือบ้านของ กุนเธอร์และคอเนเลีย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ส่วนหลังที่ 2 คือบ้านลูกชายของพวกเขา มอติเมอร์ เบลล่า และเคสซานดร้า ภรรยาและลูกสาวของเขาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังกะทัดรัด ในภาคนี้เราอาจเห็นความเป็นตระกูลใหญ่ได้จากจำนวนเงิน ข้าวของเครื่องใช้หรูหรา หรือตำแหน่งของกุนเธอร์ที่เป็นถึงคณบดี พร้อมสุสานที่เต็มไปด้วยหลุมศพของคนในบ้าน ที่ไม่บอกก็รู้ว่าสืบต่อมาหลายชั่วอายุคน
จนใน The Sims 2 เราจะเห็นรายละเอียดและความซับซ้อนของบ้านกอธมากขึ้น เริ่มจาก บ้านของมอร์ติเมอร์ ไร้วี่แววของเบลล่า ภรรยาสาวเดรสแดงที่เคยปรากฎในภาคก่อน แถมยังมีอเล็กซานเดอร์ น้องชายของเคสซานดร้าโผล่มาเพิ่มด้วย
เหตุการณ์ปั่นป่วนที่เราเห็นในได้ในภาค 2 คือเหตุการณ์เบลล่าหายตัวไปอย่างลึกลับ บ้างก็ว่าถูกเอเลี่ยนจับตัวไปที่เมืองสเตรนจ์ทาวน์ โดยเบาะแสสุดท้ายคือมีคนเห็นเธออยู่บนดาดฟ้าของ ‘ดอน ลอธาริโอ (Don Lothalio)’ คาสโนว่าประจำเมืองจากตระกูลร่ำรวย ซึ่งเรื่องราวก็ซับซ้อนไปอีกเพราะนายดอน ผู้ต้องสงสัยก็ดันเคยเป็นคู่หมั้นของเคสซานดร้า ลูกสาวของมอร์ติเมอร์ ซึ่งก็มีข่าวลือแว่วๆ ว่าเขาล้มงานหมั้นของเขาและเคสซานดร้าด้วย แต่มีหรือลูกคุณหนูจากตระกูลดังจะสิ้นไร้ไม้ตอก เพราะดาร์เรน ดรีมเมอร์ ศิลปินที่บ้านอยู่ถัดไปไม่ถึงหนึ่งบล็อกก็หมายตาเคสซานดร้าไว้อยู่เหมือนกัน
ถ้าคิดว่าความยุ่งเหยิง พัวพันกันมั่วตั้วจะหมดเท่านี้ละก็ คุณคิดผิด เพราะหนึ่งในสองสาวจากบ้านคาลิเอ็นเต้ ที่อยู่ไม่ไกลกัน ก็กำลังตามตามจีบมอร์ติเมอร์ ซึ่งอยู่ในสถานะพ่อม่ายหลังจากที่เบลล่าหายตัวไป แถมสองสาวก็เข้ามาได้จังหวะพอดิบพอดี จนคนในเมืองเม้าธ์กันให้แซ่ดว่าอะไรมันจะช่างเหมาะเจาะขนาดนี้ นี่หล่อนชอบที่ตัวพ่อม่ายรุ่นใหญ่ใจสปอร์ตนี้จริงๆ หรือหวังที่เงินเขากันแน่ละ
อันที่จริงเรื่องของกอธยังมีรายละเอียดมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลุมศพ เวทย์มนต์ที่อยู่ในตระกูล รวมถึงความเกี่ยวโยงของซิมส์ตัวอื่นๆ ที่หากไปดูผังตระกูลดีๆ ก็อาจเป็นญาติห่างๆ ของกอธก็ได้ สมกับเป็นตระกูลใหญ่ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกลาง ถ้าใครสนใจก็ลองดูสังเกตเพิ่มเติมได้นะ
Caliente: บ้านของสองสาวพี่น้องที่มีส่วนพัวพันกับผู้ชายตระกูลใหญ่
มาถึงครอบครัวของสองสาวพี่น้องที่เราพูดถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ อย่าง นีน่าและดีน่า คาลิเอ็นเต้ ที่แม้จะปรากฎตัวครั้งแรกใน The Sims 2 แต่ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ด้วยการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลร่ำรวย ไม่ว่าจะเป็นมอร์ติเมอร์ กอธ และ ดอน ลอธาริโอ
คาลิเอ็นเต้เป็นใคร มาจากไหน? พอไปดูผังครอบครัว ก็พบว่าไม่แปลกใจที่การหายตัวไปของเบลล่าจะถูกโยงกับสองสาวพี่น้องคู่นี้ เพราะครอบครัวเธอเคยพัวพันกับเอเลี่ยนเมื่อนานมาแล้ว โดยพ่อของพวกเธอ ฟลาเมนโกไม่ได้เกิดจากคุณปู่และคุณย่า แต่เกิดขึ้นมาหลังจากคุณปู่ที่ถูกลักพาตัวโดยเอเลี่ยน Pollination Technician 7 จนกระทั่งพ่อของเธอเจอกับแม่ จึงให้กำเนิด นีน่าและดีน่าออกมา
แม้สองสาวจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ก็มีบุคลิกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ โดย นีน่า เป็นคนขี้อาย จริงจัง และเรียบร้อย กำลังคบหาดูใจกับ ดอน ลอธาริโอ (หนุ่มคาสโนเจ้าเดิม) ในขณะที่ ดีน่า เป็นคนขี้เล่น ชอบเข้าสังคม และค่อนข้างจะเซ่อซ่า เธอกำลังมัดใจหนุ่มใหญ่ใจสปอร์ตอย่างมอร์ติเมอร์ ขณะเดียวกันก็ควงกับดอน (คนเดิม) ไปด้วย โดยที่สองสาวก็ยังไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่มันกำลังจับปลาหลายมืออยู่
นอกจากนี้ เบาะแสสุดท้ายที่ทำให้พวกเธอตกผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเบลล่าคือ ความสัมพันธ์ระหว่างดีน่าและไมเคิล แบชเชอเลอร์ ซึ่งเคยแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน โดยไมเคิลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่ชายของเบลล่านั่นเอง ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคชรา (เราสามารถเห็นโถอัฐิเขาได้ในห้องนั่งเล่นของบ้านคาลิเอ็นเต้) เอาเป็นว่าแม้จะยังไม่รู้ว่าปริศนาของเบลล่าจะคลี่คลายยังไง แต่ที่แน่ๆ บ้านคาลิเอ็นเต้และบ้านกอธมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากกว่าที่เราคิด
Pleasant: ความรักและความแค้นสุดยุ่งเหยิงในครอบครัว
หากบ้านกอธทำให้เราปวดหัวไม่พอ ลองมาดูฝั่ง ‘บ้านเพลสเซิน (Pleasant)’ กันบ้าง แม้จะเป็นชื่อที่พ้องกับคำว่า Pleasant ที่แปลว่าเบิกบานใจ แต่ดูเหมือนเป็นบ้านที่หดหู่มากกว่า ดูเผินๆ ครอบครัวนี้ก็เหมือนเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง (ค่อนข้างรวย) ที่อบอุ่นทั่วไป แต่อันที่จริงกลับมีปัญหาภายในบ้านซ่อนอยู่ ทั้งพ่อที่นอกใจกับสาวใช้ของตัวเอง ลูกสาวฝาแฝดที่หยุมหัวกันตลอดเวลา จนคุณแม่ต้องถอดหายใจ บ่นกับตัวเองว่าเกิดแต่กับกูทั้งนั้น
เราจะได้เห็นบ้านเพลสเซินตั้งแต่ The Sims 1 ซึ่งเป็นเรื่องราวของแดเนียลตอนเด็ก ประกอบไปด้วยพ่อแม่ของเขาอย่าง เจฟฟ์และไดแอน กับเจนนิเฟอร์ น้องสาวของตัวเอง (ซึ่งโตมาเธอจะได้แต่งงานกับลูกชายของครอบครัวเบิร์บที่อยู่ในภาคนี้ด้วย) ภาคนี้เรายังไม่เห็นอะไรมาก เป็นเพียงครอบครัวปกติธรรมดาที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง จน The Sims 2 เราจะได้เห็นครอบครัวเพลสเซินผ่านแดเนียลในตอนโต โดยมี แมรี่-ซู เป็นภรรยา พร้อมลิลิธและแองเจล่า ลูกสาวฝาแฝดด้วย
เรื่องราวปวดหัวเริ่มขึ้นเมื่อแดเนียลดันไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแม่บ้านของตัวเอง ในขณะที่แมรี่ซูเพิ่งมีปัญหากับที่ทำงาน จนต้องกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เหตุการณ์เป็นไปตามแผนของนักพัฒนาเกม ที่ดันสร้างจังหวะนรกให้เธอได้มาเห็นทั้งคู่กำลังพลอดรักกันอยู่ในบ้านพอดิบพอดี จนเกิดเป็นความร้าวฉานในครอบครัว
ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะฝั่งลูกสาวก็ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แองเจล่า สาวน้อยผู้อ่อนหวาน ดันไปคบกับดัสติน โบรก เจ้าเด็กหัวขโมยที่เราเคยเล่าไปแล้วในครอบครัวนิวบี้ ส่วน ลิลิธ แฝดน้องหัวขบถ ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรซักอย่างในชีวิต ทั้งคู่ก็เหมือนน้ำมันกับกองไฟ เจอเมื่อไหร่ก็ใส่กันเมื่อนั้น ตอนนี้บ้านเพลสเซินจึงคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นคละคลุ้งไปทั้งบ้าน
Landgraab: ราชาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ครองเงิน อำนาจ และที่ดินมากที่สุดในเมือง
“ไร้เมตตา ฉลาดแกมโกง หัวใส รวยไร้สาระ” นี่คือเสียงลือจากชาวบ้านเกี่ยวกับ ‘ครอบครัวของแลนด์แกรบ (Landgraab)’ เจ้าของธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ความรวยไม่ต้องพูดถึง เพราะสามารถยืนเทียบกับพวกตระกูลกอธได้แบบไม่อายใคร
ตระกูลแลนด์แกรบปรากฎตั้งแต่ The Sims 1 แต่อยู่ในเกมคอนโซล หากใครที่เล่น PC อาจไม่คุ้นเคยนัก โดยบอกเล่าความร่ำรวยของต้นตระกูลจากการเจ้าของที่ดินมากมาย จึงทำให้ครอบครัวกลายเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง
ต่อมาเราจะรู้จักเขามากขึ้นใน The Sims 2 ผ่าน มัลคอล์ม แลนด์แกรบที่ 4 หรือหลานของตระกูล เขาอาศัยอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่ ย่านที่ดินราคาแพงหูฉีกในบลูวอเทอร์ วิลเลจ หรือย่านธุรกิจในเมือง แถมยังเป็นเจ้าของ Club Dante และ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เรื่องเงินจึงมีกินมีใช้เหลือเฟือ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือหนาหูมาว่าพวกแลนด์แกรบมีอำนาจมืดที่คอยควบคุมคนในเมือง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกของตัวเองได้เหมือนกัน
Specter: ปริศนาของเมืองสเตรนจ์ทาวน์กับข่าวลือที่ว่าเธอเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
‘บ้านสเป็คเตอร์ (Specter)’ ถือเป็นหนึ่งในเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นในเมืองสเตรนทาวน์ เพราะหลังคฤหาสน์มืดๆ ของ โอลีฟ สเป็คเตอร์ เต็มไปด้วยหลุมศพของคนรักและคนที่เกี่ยวข้องกับเธอเกือบ 20 หลุม ซึ่งเชื่อกันว่าอาจไม่ได้ตายอย่างธรรมชาติ
ครอบครัวสเป็คเตอร์ ปรากฎตัวครั้งแรกใน The Sims 2 ในบ้านประกอบไปด้วย โอลีฟ สเป็คเตอร์ ผู้มีศักดิ์เป็นป้า ของโอฟิเลีย นิคมอส หลานสาวที่เกิดจากน้องสาวของตัวเอง แต่ถูกส่งมาอยู่กับโอลีฟ หลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต
กลิ่นแปลกๆ มันเริ่มขึ้นที่ในความทรงจำของโอลีฟมักเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของคนรอบตัว เหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากที่เธอถูกทิ้งในพิธีแต่งงานโดย เอิร์ล อีไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง ต่อมาเธอก็ได้คบใครอีกหลายคน แต่สุดท้ายก็จบลงที่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั้งหมด จึงมีทฤษฏีสมคบคิดที่บอกว่าเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนลงมือ และร่ำรวยมาด้วยสมบัติจากคนเหล่านั้น
ความลับของโอลีฟยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เธอยังมีลูกชาย ชื่อ เนอร์เวิส ซับเจค ซึ่งถูกจับไปแยกไปทดลองแปลกประหลาดกับครอบครัวบีกเกอร์ตั้งแต่เด็ก ส่วนสาเหตุที่ว่าจับไปทำไม เพื่ออะไรยังไม่มีใครทราบ แต่มีข่าวลือว่าเขาคือลูกที่เกิดจาก ยมทูตกริม รีปเปอร์ นั่นแสดงว่าโอลีฟก็สามารถมีความสัมพันธ์กับยมทูตด้วย
ไม่ว่าปริศนาจะถูกคลี่คลายยังไง เรื่องราวของบ้านสเป็คเตอร์ก็ถือเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยบาดแผล และความเศร้าสะเทือนใจไม่น้อย แถมเกมยังทิ้งคำใบ้ให้เราเล็กๆ ในหน้าต่างข้อมูลของบ้านนี้ด้วยว่า หรือที่จริงโอลีฟไม่ใช่ผู้กระทำ หากแต่เป็นผู้ต้องคำสาป ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าโอฟิเลีย หลานสาวของเธอจะเข้ามาเป็นคนที่รับช่วงต่อโชคชะตาที่น่าเศร้าของบ้านสเป็คเตอร์แทน
Capp and Monty: ความขัดแย้งของสองตระกูลเหมือนโรมิโอแอนด์จูเลียต
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวความขัดแย้งสุดคลาสสิกของสองตระกูล ที่ฝังรากลึกจนไม่หาต้นตอไม่เจอแล้วว่าเราโกรธกันเรื่องอะไร ระหว่าง ‘ตระกูลแคปป์ (Capp)’ และ ‘ตระกูลมอนตี้ (Monty)’ ในเมืองเวโรน่าวิลล์ โดยทั้งชื่อเมืองและชื่อตระกูลก็ล้อมาจากต้นฉบับโรมิโอแอนด์จูเลียตของเช็กสเปียร์นั่นเอง แต่ถึงจะโกรธแค้นกันแค่ไหน ก็ไม่อาจขัดขวางความรักของคนหนุ่มสาวได้ เพราะโรมิโอและจูเลียตดันมาตกหลุมรักกันท่ามกลางไฟแค้นของตระกูลนี่สิ
สองตระกูลนี้ปรากฎครั้งแรกใน The Sims 2 ฝั่งตระกูลแคปป์ เป็นครอบครัวใหญ่ ร่ำรวยจากการทำธุรกิจ โดยมีคอนซอร์ต แคปป์ เป็นหัวหน้าครอบครัว อาศัยอยู่กับหลานทั้ง 3 คน หนึ่งในนั้นคือจูเลียต นางเอกของเรื่อง เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเด็กๆ เสียชีวิตแล้ว คอนซอร์ตมีความแค้นกับคนฝั่งตระกูลฝั่งมอนตี้ทุกคน สาเหตุยังไม่แน่ชัด ถ้าอ้างอิงจากเกม เชื่อว่าอาจเป็นเพราะการละเมิดสัญญาที่เกิดขึ้นในอดีต
ในขณะที่บ้านฝั่งมอนตี้ ประกอบไปด้วยพาทริซิโอ มอนตี้เป็นหัวหน้าครอบครัว และภรรยาอิซซาเบลล่า ซึ่งทั้งคู่เกษียณแล้ว อาศัยอยู่กับหลาน 2 คน หนึ่งในนั้นคือโรมิโอ เด็กหนุ่มที่มีความสัมพันธ์ลับๆ กับจูเลียตที่ไม่สามารถบอกให้ที่บ้านรู้ได้ เพราะความบาดหมางของสองตระกูล แม้ไม่รวยเท่าฝั่งตระกูลแคปป์ แต่ก็ถือได้ว่ามีฐานะเหมือนกัน จึงกลายเป็นโจทย์ให้คนเล่นว่าจะสามารถเอาชนะความไม่ลงรอยกันของสองตระกูล แล้วทำให้เป็นทองแผ่นเดียวกันได้ไหม หรือจะจบอย่างโศกนาฏกรรมตามบทประพันธ์ดั้งเดิมไป
อ้างอิงจาก