มนุษย์มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนทั้งรางวัลและบทลงโทษนั่นคือ การมีความหวัง ทุกคนล้วนใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายแห่งความหวังนี้ ถ้าไปรอดก็มีความสุข แต่ถ้าพลาดท่า ก็อาจบาดเจ็บสาหัส แต่นอกจากความหวังแล้ว มนุษยมีอีกสิ่งที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ด้วยคือ ความดื้อรั้น หลายคนต่างพยายามดิ้นรน ไม่ยอมทนต่อโชคชะตาฟ้าลิขิต และความดื้อรั้นนั้นก็ก่อเกิดเพื่อต่อสู้ให้ความหวังนั้นกลายเป็นจริง
ความดื้อรั้นนี้ทำให้นึกถึงบทสนทนาหนึ่งใน Avengers : Endgame เมื่อธานอสสนทนาถึงความดื้อรั้นที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และโทนี่ สตาร์ก ก็พูดขึ้นมาว่า “Yeah, we’re all loads of stubborn.” (ใช่ พวกเรามันดื้อรั้น) ซึ่งหากมองธานอสเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น และโทนี่คือตัวแทนมนุษย์โลก ก็ชวนย้ำให้เห็นถึงความดื้อรั้นที่ดูเป็นลักษณะที่ติดตัวมากับมนุษย์ไม่น้อย
ซึ่งสารคดีดีกรีรางวัล Oscar 2018 อย่าง ‘Free Solo’ ก็ยิ่งทำให้ตอกย้ำนิสัยดื้อรั้นของมนุษย์ที่พยายามจะเอาชนะบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ
Free Solo เป็นสารคดีติดตามชีวิตของ อเล็กซ์ ฮอนโนลด์ (Alex Honnold) นักปีนเขาวัย 33 ปี ที่ต้องการพิชิตยอดผา El Capitan ในอุทยานแห่งชาติ Yosemite (รูปหน้าผาที่หลายคนเห็นในจอ macbook นั่นเอง) ซึ่งเป้าหมายของอเล็กซ์ไม่ใช่แค่ปีนหน้าผาธรรมดาๆ แต่คือการปีนแบบ free solo ที่หมายถึงการไม่อาศัยอุปกรณ์ใดๆ ในการปีนป่าย มีเพียงสองมือ สองเท้าที่แข็งแรง สมองที่รอบคอบ และหัวใจที่หนักแน่นมากพอเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายซึ่งต้องผ่านระยะทางสูงชันกว่า 900 เมตร
สารคดีพาคนดูไปรู้จักอเล็กซ์ผ่านการเตรียมตัว ฝึกฝนผ่านหน้าผาแห่งอื่นๆ ความสำเร็จของการไต่ผาแบบ free solo นั้นทำให้เขาได้รับชื่อเสียงและกลายเป็นคนดัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีเป้าหมายหนึ่งที่รอคอยเอาไว้ เป็นความฝันที่วนเวียนอยู่ในความคิดของเขาเกือบสิบปีที่จะเอาชนะหน้าผาของ El Capitan จนกระทั่ง…แน่นอนล่ะ ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จและมีชีวิตมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ทุกคนได้ฟัง
สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้เน้นไปที่ปลายทางความฝันของอเล็กซ์เพียงอย่างเดียว แต่ค่อยๆ ปูทางให้เราเห็นที่มาที่ไปของความคิดที่ก่อร่างสร้างตัวภายในใจอเล็กซ์ ครอบครัวที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกต่อกัน ความรู้สึกที่ถูกตอกย้ำว่าไม่เคยทำอะไรได้ดีพอ ไม่เคยทำอะไรได้สมบูรณ์แบบ สิ่งเหล่านี้คือหน้าผาสูงชันลูกใหญ่ที่อเล็กซ์ต้องการปีนป่ายขึ้นไปเพื่อให้หลุดพ้นจากคำครหาเหล่านี้ ซึ่งทำให้คนดูได้เห็นนิสัยอันดื้อรั้นของเขาที่มีมากพอเพื่อจะให้ตัวเองได้ชื่อว่าเป็นคนที่‘สมบูรณ์แบบ’ หรือ ‘ประสบความสำเร็จ’
นอกจากเรื่องราวภายในใจของเขา สารคดีเรื่องนี้ยังพาคนดูไปรู้จักอเล็กซ์ผ่านสายตาคนรอบข้าง ซึ่งยิ่งทำให้คนดูเห็นความดื้อรั้นของอเล็กซ์ชัดเจนขึ้น เพราะคนรอบตัวเขาต่างกลัวกับภารกิจนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนสาวของเขา นักปีนเขามากประสบการณ์ที่คอยช่วยสำรวจเส้นทางร่วมกับอเล็กซ์ หรือช่างภาพสารคดีที่ติดตามอเล็กซ์มาตลอด แม้พวกเขาจะเชื่อในฝีมือของอเล็กซ์ แต่ทุกคำพูด สายตา และการกระทำของแต่ละคนต่างก็แสดงความกังวลต่อสิ่งที่อเล็กซ์ทำ แต่ไม่มีใครห้ามเขา
แน่ล่ะ เพราะทุกคนรู้ดีว่าอเล็กซ์ดื้อรั้นเกินกว่าจะฟังเสียงจากใครนอกจากเสียงความปรารถนาในใจตัวเอง และความดื้อรั้น ไม่ยอมแพ้ เขาจึงต้องการเอาชนะอุปสรรคทั้งหน้าผาสูงชันของ El Capitan รวมถึงการพยายามเอาชนะบาดแผลในจิตใจที่เขาเคยได้รับ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใด เขาดื้อรั้น เพื่อพิสูจน์ว่าเขาทำได้ดีพอ และรอยยิ้มในตอนท้ายบนยอดหน้าผาคือสัญลักษณ์ของความดื้อรั้นที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ
การกระทำของอเล็กซ์ทำให้ได้เห็นความเป็นมนุษย์ที่ช่างดื้อรั้น ขบถ แต่คำเหล่านี้ไม่ได้เป็นคำต่อว่าต่อขาน แต่คือนิสัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ เราขบถเพื่อเรียกร้องบางสิ่ง เราดื้อรั้นเพื่อความหวังที่ว่าเราจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เราต่อสู้ ไม่ยอมแพ้ เพื่อที่จะได้เห็นว่าเราไม่ยอมจำนนต่ออำนาจที่เราไม่สมยอม
เพราะมนุษย์ล้วนดื้อรั้น และนั่นทำให้เราไม่เคยหยุดฝัน
สารคดี Free Solo เริ่มฉายวันที่ 16 พ.ค. เป็นต้นไปที่ SF (กทม. / เชียงใหม่ / ขอนแก่น / โคราช) / House RCA / Bangkok Screening Room
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://ngthai.com/travel/18665/alex-honnold-free-solo/