กลัวๆๆๆ กลัวจิ้งจก กลัวผี กลัวทำได้ไม่ดี ไม่กล้าว่ายน้ำเพราะกลัวจม กลัวฝรั่งเลยไม่กล้าพูด กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมดเลยทำไงดี แม้แต่คอนเทนต์นี้ยังกลัวไม่มีคนอ่าน
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แม้กระทั่งคนที่กล้าๆ ก็ยังกลัวๆ The MATTER ชวนมานั่งนับว่า ทั้งหมดนี้มีคำว่ากลัวกี่คำ ไม่ใช่! เราไปถามมาให้ต่างหากว่า เมื่อกลัวขึ้นมา ทำยังไงไม่ให้นอยด์ ไม่ให้แพนิคไปต่างๆ นานา มีทั้งวิธีโฟกัสไปที่เป้าหมายข้างหน้า วิ่งเข้าใส่ปัญหา เล่าความกลัวให้เพื่อนฟัง ไปจน เออ พังก็พัง กลัวก็กลัวแหละ แต่ขอเตรียมรับมือให้ดีแล้วชนไปเลย!
ศุภิสรา โตไพรศรี
อาชีพพนักงานบริษัท
“เราเคยเป็นโรคซึมเศร้านะ พอเป็นก็กลัวไปทุกอย่างเลย กลัวว่าจะไม่หาย กลัวว่าตัวเองเป็นภาระพ่อแม่ กลัวความผิดพลาด กลัวจะใช้ชีวิตไม่ได้ คือกลัวทุกอย่างจริงๆ แต่สักพักก็มาคิดว่า อีโรคเนี่ยมันจะกลืนชีวิตเราไปจนหมดแน่ๆ เราจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าเรายังมัวแต่กลัวและไม่ทำอะไร ชีวิตเรามีแค่ครั้งเดียวอะเนอะ ก็เลยพยายามเปลี่ยนความคิดตัวเอง และฮึดสู้ขึ้นมา ก้าวออกจาก comforn zone คือบนที่นอนของตัวเองนี่แหละ ออกมาใช้ชีวิต มาทำงาน มาทำอะไรหลายๆ อย่าง เราคิดว่าการชนะความกลัวก็แค่แก้ที่ความคิดเรา โฟกัสไปที่เป้าหมายให้มากๆ คิดว่ายังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ แค่นี้ความกลัวมันก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว”
ณัฏฐ์พัฑรา อินทสุวรรณ
อาชีพ : นิสิต
“กลัวผีค่ะ แต่จะกลัวก็ต่อเมื่อไปดูหนังมาแล้วติดภาพจำ เวลาดูหนังผีตอนดึกๆ และกลับมาบ้านจะมีความกลัว วิธีเอาชนะก็คือต้องมีคนเดินไปเป็นเพื่อน หาเพื่อนเอาค่ะ อย่างน้อยมีคนข้างๆ ก็สบายใจกว่าตัวคนเดียว ตอนนี้ก็กลัวน้อยลงแล้วค่ะ 555”
ณภัทร กิตติวิภาส
อาชีพ : พนักงานออฟฟิศ
“กลัวเรื่องการเริ่มต้นใหม่ครับ อาจจะไม่ใช่ชีวิตใหม่ซะทีเดียว ก็เลิกกับแฟนเก่านั่นแหละครับ 5555 เอาชนะความกลัวนั้นได้ด้วยการยอมรับความจริง และก้าวต่อไป แค่เรากำจัดความกลัวตรงนั้น ออกมาจากเซฟโซน เพื่อเจอกับสิ่งใหม่ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะร้ายหรือมันจะดี แต่ความกลัวมันจะหายไปเลยจริงๆ จนตอนนี้ ผมเจอคนที่ดีมาก และผมมีความสุขมากด้วยครับ ดีใจที่กำจัดความกลัวนั้นออกไปได้”
อิงกมล จามิกรณ์
อาชีพ นักศึกษา
“กลัวและเกลียดภาษาอังกฤษมาก เมื่อตอนเด็กๆ เพราะอาจารย์ที่โรงเรียนดุมาก ดุจนเรากลัว พูดอะไรก็ผิด รู้สึกตัวเองโง่ ปิดเทอมเลยตัดสินใจขอแม่ไปเรียนภาษาต่างประเทศ เพราะอยากลองวิ่งเข้าใส่ปัญหาดู เอาตัวเองไปล้อมรอบด้วยภาษาอังกฤษเลย กลับมาก็ไม่ได้เก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะ แต่เรากล้าพูด กล้าเรียนรู้มากขึ้น มองกลับไปรู้สึกดีใจที่ตัวเองตัดสินใจแบบนั้น ถ้าไม่มีการเดินทางไปคนเดียวครั้งนั้นจะไม่มีเราแบบวันนี้แน่ๆ”
น้ำปาย ไชยฤทธิ์
อาชีพ : กองบรรณาธิการ
“จริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าเรามีวิธีเอาชนะความกลัวหรือเปล่าเพราะทุกวันนี้ก็ยังกลัวนู่น กลัวนี่ อยู่เลย แต่ถ้าพูดถึงวิธีจัดการ หลังๆ มานี้ถ้ากลัวอะไรเราจะพยายามเตรียมตัวให้พร้อมรับมือแล้วก็ชนกับมันไปเลย เช่น รู้ว่าจะต้องไปสัมภาษณ์คนที่เราต้องแพนิคแน่ๆ ก็พยายามหาข้อมูลเยอะๆ แบบนี้ หลายครั้งมันก็เฟลแหละแต่เรารู้สึกว่าการข้ามผ่านสิ่งที่เรากลัวให้ได้มันจะทำให้เราเก่งขึ้นนะ”
แสตมป์ ภัทรานิษฐ์ พัวพงศกร
อาชีพ : Travel Content Editor
“วิธีเอาชนะความกลัวของเราตอนนี้คือคิดว่า กลัวก็กลัว แต่ก็แยกความกลัวกับสิ่งที่จะทำออกจากกัน สมมติว่าสิ่งที่จะทำมันเป็นสิ่งที่ควรทำหรือต้องทำ ทำแล้วดีกับชีวิต ก็แยกมันออกจากความกลัว แล้วก็ทำไปเลย เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าการไม่ได้ใช้ชีวิตให้คุ้มแล้วล่ะ ไม่อยากนอนบนเตียงตอนจะตายแล้วคิดว่า โอ๊ย น่าจะทำอย่างนู้นอย่างนี้”
ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย
อาชีพ : นักธุรกิจ
“คนอื่นจะกลัวการไปอยู่เมืองนอกกันใช่ไหม เรานี่ไม่กลัวเลย ตอนไปเรียนออสเตรเลียปีครึ่งนี่มีช่วงที่ไม่มีบ้านอยู่ก็ยังเครียดปนตื่นเต้น แต่สิ่งที่กลัวมากคือการกลับมาอยู่ไทย ฟังเหมือนกระแดะนะ แต่ชีวิตที่นั่นมันคุณภาพดีกว่าจริงๆ อะ ที่เราชอบเปรียบเทียบให้คนฟังบ่อยๆ คือ เวลาเดินข้ามถนนไม่ต้องมองซ้ายขวาเพราะรถหยุดให้เราก่อนทุกครั้ง มันเป็น privilege ของโลกที่หนึ่ง เราจินตนาการได้ว่ามีลูกแล้วจะอยู่ยังไง แต่ที่ไทยพอเราคิดดู มันต้องใช้ความพยายามทุกอย่าง พยายามให้ไม่ตายเวลาเดินๆ แล้วฟุตบาทหาย แล้วทำไมชีวิตราคาถูกกว่าหมวกกันน็อคและการกลับรถสองนาที ไม่เข้าใจ ทำใจให้เข้าใจไม่ได้ กลัวที่เราจะตายเมื่อไหร่ก็ได้
“ตอนกลับมา 3-4 เดือนแรกจิตตกมาก depressed เลย ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเพราะมันฟังดูกระแดะ ทำงานกลับบ้านมาร้องไห้ทุกวัน พอไปเสิร์ชดูอาการแบบนี้เรียกว่า reverse culture shock คือกลับประเทศบ้านเกิดมาแล้วเศร้ากับทุกสิ่ง รู้สึกที่นี่ไม่ใช่ที่ของเราแล้ว แต่ที่ที่จากมาก็ไม่ใช่ สรุปบนโลกนี้ไม่มีที่ของเราเลย… มันเศร้าและเปล่าเปลี่ยวอะ
“จนวันหนึ่งไม่ไหวแล้ว อยู่ในปาร์ตี้แล้วน้ำตาไหล เลยตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง มันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก แต่พอได้พูดออกไปมันก็เบาลง จุดนึงก็ต้องคิดว่าจะอยู่กับมันยังไง คุณภาพชีวิตที่นั่นดีกว่าก็จริง แต่มันก็แลกกับอะไรหลายอย่าง ที่ไทยมันก็มีสิ่งที่ต้องแลกเหมือนกัน
“มองกลับไปก็ยังเหงาอยู่นะ 5555 ไอ้ความรู้สึกแบบชนชั้นกลางบ้าๆ บอๆ นี่ เล่าไปก็ดูตอแหล ไม่เล่าก็คงโดดตึกตายไปเลย จะหาจิตแพทย์มันก็เศร้าไปอีกเพราะกลายเป็นว่าชีวิตเราไม่มีใครที่จะบอกได้เลยเหรอ ก็อยากให้กำลังใจใครที่เป็นคล้ายๆ แบบนี้ แทนที่จะตายตัดใจย้ายที่อยู่ดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เห็นตัวเองตอนแก่ ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะมีความสุขแล้วก็ได้”