ไม่ว่าจะงานหนักแค่ไหน คนเราก็ต้องการการพักผ่อน ไม่ใช่ว่านั่งทำงานจนถึงดึกดื่น แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ต้องตื่นมาทำงาน วันหยุดไม่เคยได้พักกับเขา ทำแต่งานจนกลัวว่าจะตายเอาก่อนจะได้ใช้เงิน ก็รู้แหละว่าคนเราต้องมี Work-Life Balance แต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
The MATTER ไปถามเหล่าคนรักงานว่ามีวิธีการจัดการ Work-Life Balance อย่างไร ให้ทั้งการงานและการใช้ชีวิตนั้นไปด้วยกันได้ดี
ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์
อาชีพ : Content Writer
“เราใช้หลักแบ่งเปอร์เซ็นต์คร่าวๆ ในหัว พยายามให้เป็น งาน 60 ชีวิต 40 แต่ช่วงก่อนไปเที่ยวจะเป็นงาน 80 ชีวิต 20 หรือไม่ก็งาน 100% เพื่อตอนไปเที่ยวจะได้ใช้ชีวิต 100% โดยที่เพื่อนร่วมงานไม่เดือดร้อน”
นิตยา ชนานุกุล
อาชีพ : ครีเอทีฟและเจ้าของเพจ Coundsheck’s journey
“คือตัวเราเอง มี 2 พาร์ตที่ทำพร้อมกันอยู่ คืองานประจำของเราที่ออฟฟิศ แล้วก็งานเพจ (coundsheck journey) ตัวงานออฟฟิศเลิกงานแล้วคือจบ ไม่มีการเอามาทำบ้าน ส่วนที่เหลือคือสิ่งที่อยากทำ และเราเทคเพจเป็นงานอดิเรกที่เหลือก็ปล่อยชิล”
ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล
อาชีพ : นักวาดภาพประกอบ
“เราเอาความสบายใจเป็นหลักเลยครับ แล้วแต่ว่าช่วงเวลานั้นเรามีงานมากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวเราทำงานฟรีแลนซ์ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รู้จำนวนงานที่แน่นอนในแต่ละเดือน แต่จะรับเท่าที่ทำไหว ไม่โลภมาก และต่อให้ทำงานเยอะแค่ไหน เราก็แบ่งเวลาไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ พักผ่อนด้วย”
กัญจน์วรุณ กิตติพลทิพย์
อาชีพ : แอร์โฮสเตส
“ด้วยความที่งานเราไม่ค่อยเป็นเวลา เวลางาน เวลานอนจะสลับกันไปมา ก็พยายามบังคับตัวเองให้นอนวันละ8 ชม ตอนไหนก็ได้แต่ต้องครบ เวลาทำงานเราก็จริงจัง แต่ไม่เครียด คืออะไรที่เราจัดการได้ก็เต็มที่ อะไรที่จัดการไม่ได้ก็ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป พอมีเวลาว่างก็จะไปหาอะไรทาน ไปช้อปปิ้ง อยู่กับครอบครัว เพราะเรารู้สึกว่าครอบครัวเป็นที่ๆ เราจะพูดคุยได้ทุกเรื่องจริงๆ อิอิ”
ศกุนธฬา ด่านวัฒนาชัย
อาชีพ : ดีไซเนอร์/นักเขียน/กราฟิก
“ผมทำงานหลายอย่างมากครับ ทั้งดีไซเนอร์ นักเขียน กราฟิก และโปรเจกต์งานการกุศล เหมือนแทบจะทำงานตลอดเวลา ตื่นมาก็ทำ ก่อนนอนก็ทำ แต่พอชีวิตผ่านไปสัก 2 ปี ก็เริ่มรู้สึกตัวเองแก่ก่อนวัย มุมมอง ทัศนคติ เหมือนมันฝืดขึ้นทุกวัน เพราะว่าเราไม่ได้เจอใครเลย ไม่มีเวลาส่วนตัว ทุ่มเวลาทุกอย่างให้งาน
ในที่สุดก็จัดตารางชีวิตใหม่ เริ่มจากเรียงความสำคัญของงานครับ ผมจะมีสมุดปฏิทินพกติดตัวตลอด ทุกวันจะแน่นไปด้วยตารางงาน แต่จะเป็นงานที่เราเฉลี่ยและจัดสรรเวลามาแล้วเป็นอย่างดี นั่งทำงานทุกวันบางครั้งร่างกายก็ส่งเสียงในเรื่องของกระดูก ก็หันไปเข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ เล่นบาสและเล่นสเกตบอร์ด ก่อนนอนถ้าคืนไหนไม่สวดมนต์ก็จะหาซีรีส์สนุกๆ ดู หรือถ้าสนใจอะไร (ที่ไร้สาระ ไม่หนักสมอง) ก็จะจมกับมันไปจนหลับ
ทุกวันเสาร์จะพยายามทำงานแค่ครึ่งวัน แล้วอีกครึ่งวันก็จะเวลาไปเดินชิวๆ หอศิลป์บ้าง ช็อปบ้าง ไปไหว้เจ้าบ้าง วันอาทิตย์ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ห้อง เก็บห้อง หรือถ้าคุณแม่มาจากต่างจังหวัดก็จะพาท่านไปทานข้าว ใช้ชีวิตแบบฟรีสุดๆ แต่ถ้าจะมีปาร์ตี้ งานดื่ม งานเมา ก็จะพยายามเคลียร์งานให้เสร็จ ผมเรียกว่าโอทีตัวเอง เพราะจะอัดงานจนจบ เพื่อให้คืนที่จะไปดื่มว่าง แล้วเช้าอีกวันไม่ต้องตื่นแบลงค์ๆ มาทำงาน ถ้ายังแฮงก์ก็นอนต่อเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย
อาชีพ : นักดนตรี
“ของผมคือ หาเวลาพักเบรกจากชีวิตด้วยการนั่งสมาธิ เท่าที่มีเวลา หรือเวลาที่ต้องรออะไรนานๆ เช่นรอคิวรถ รอแฟนช็อปปิ้ง ก็จะทำสมาธิครับ ครั้งละ 5-10 นาที ตรวจสอบความคิด อารมณ์ และสภาพร่างกาย ก่อนเริ่มทำกิจกรรมต่อไป ได้ผลดีมาก ลดความเครียด และทำให้เรารู้ว่าเราพร้อมสำหรับกิจกรรมต่อไปในชีวิตไหม”
คณาวุฒิ ครุฑนางรอง
อาชีพ : พนักงานผู้ช่วยฝ่ายบัญชี
“เราใช้วิธีตั้งใจทำทีละอย่างให้ดี เช่น เวลาทำงานประจำก็ตั้งใจทำให้ดี ส่วนเวลาใช้ชีวิตในมุมเราก็คือทำสิ่งที่ชอบให้ดี ก็ตั้งใจวาดรูป ตั้งใจเล่นดนตรี พอแบ่งทั้งสองอย่างได้ชัดเจนชีวิตมันก็โอเคนะ”
อนิส สุวิทย์
อาชีพ : นักแสดง
“เรารู้สึกว่าเรื่องงานกับการใช้ชีวิตคือเรื่องเดียวกัน เราควรทำงานอย่างมีความสุขด้วย ไม่ใช่แค่ทำไปเพื่อรับเงินอย่างเดียว เพราะทำงานวันนึงมันก็หลายชั่วโมงแล้ว ใช้วิธีปรับมุมมองเอา แต่ถ้าว่างเราก็จะเคลียร์งานทุกอย่างให้เรียบร้อย พอเคลียร์เสร็จก็เอาเวลาที่เหลือตรงนั้นไปใช้ชีวิต ไปออกกำลังกาย ดูหนัง เพลง”