#สรุป เพจสรุปเนี่ยดังมากใช่มั้ย คือเข้าใจว่าสมัยนี้คนไม่ค่อยมีเวลาอ่านอะไรกันยาวๆ ข่าวนึงๆ กว่าข้อมูลจะครบก็ต้องไปอ่านหลายลิงค์ สรุปว่าอ่านที่เพจสรุปเค้าสรุปไว้ที่เดียวเลยก็จะง่ายกว่า TheMATTER ก็เลยไปสัมภาษณ์มา แต่จะเขียนปกติๆ ก็ไม่เก๋เหมือนเพจสรุป เลยสรุปมาให้ใน #สรุปเดียว
1. คืองี้…วันก่อนอินบ็อกซ์ไปขอสัมภาษณ์เพจสรุป แต่ด้วยความที่แอดมินคนที่จะให้สัมภาษณ์เนี่ยอยู่ญี่ปุ่น เลยต้องสไกป์สัมภาษณ์กัน นี่ก็แต่งหน้าเต็มเตรียมวิดีโอคอล แต่เอ้อ ลืมไปว่าทางไกล สัญญาณอาจจะติดๆ ขัดๆ ก็เลยสัมภาษณ์แบบสไกป์ด้วยไอคอนรูปโทรศัพท์แทนไอคอนวิดีโอ
2. เข้าเรื่องกัน ที่คุยมาก็คือเพจสรุปเนี่ยแอดมินมี 3 คนเว่ย เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมหา’ลัยก่อนแยกย้ายไปตามทาง คนนึงอยู่กรุงเทพฯ คนนึงอยู่ภาคเหนือ คนนึงไปญี่ปุ่น เพิ่งทำเพจกันตอนปลายปีที่แล้วนี่เอง เริ่มแรกก็ตั้งเพจขึ้นมา ชื่อเพจสรุปนี่แหละ แล้วชวนให้เพื่อนมากดไลค์ ในเพจก็จะเป็นลักษณะแชร์ข่าวที่แอดมินสนใจ และรู้สึกว่าอยากให้คนอื่นๆ อ่าน แล้วก็เขียนแคปชั่นว่าประเด็นสำคัญของข่าวนี้คืออะไร ตอนแรกก็มีคนกดตามไม่เท่าไหร่ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าสนใจดี เลยชวนเพื่อนอีกสองคนมาช่วยเป็นแอดมินจะได้เกิดความหลากหลาย ก็เลยเกิดเป็น ‘สรุป’ ขึ้นมา
3. อย่างที่บอก ตอนแรกจะเป็นลักษณะการแชร์ใช่มั้ย แต่มีช่วงนึงที่แอดมินอยากจะเขียนให้ลึกกว่านี้อีก เลยลองคุยกันว่าจะเปลี่ยนวิธีการเขียน จะไม่แค่แชร์ข่าวอย่างเดียวละ เริ่มเขียนสรุปบ้าง แชร์บ้าง แล้วชิ้นที่เขียนขึ้นมาก็ทำให้เกิดการติดตามเพิ่มขึ้นพอสมควรเลย คนแชร์เยอะ ก็ถือว่าเป็นจุดสำคัญอันนึงที่พอเปลี่ยนสไตล์แล้วก็คนเริ่มเข้ามาติดตาม
4. แอดมินทั้ง 3 คนนี่ความสนใจก็จะหลากหลายและแตกต่างกันไป ทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เศรษฐกิจ ไปจนถึงการเมืองโลก แต่ที่สนใจเหมือนกันทั้ง 3 คนคือ เรื่องสถานการ์ปัจจุบัน แต่เรื่องนอกกระแสที่สนใจก็มี ฉะนั้นเวลาเลือกข่าวก็จะดูว่าตัวเองสนใจมั้ย อยากจะเขียนถึงหรือเปล่า แล้วคนทั่วไปสนใจมั้ย ถ้ามันลงตัวทั้งสองข้อแบบนี้ก็จะลงมือเขียน
5. ก็นั่นแหละ การสรุปข่าวก็อาจจะเคยมีข้อมูลไม่สมบูรณ์บ้าง เพราะการสรุปข่าวข่าวนึงเนี่ยไม่สามารถลงดีเทลได้ทั้งหมด มีคนทักมาว่าผิดก็มี พี่เค้าบอกว่า “เราคิดเสมอว่าคนอ่านรู้ดีกว่าเรา” เพราะฉะนั้นบางจุดที่ข้อมูลผิดพลาดหรือต้องแก้ไขในรายละเอียดบางอย่าง จะมีคนคอมเม้นต์เข้ามาหรือแมสเสจมาหา ก็จะรีบเข้าไปอ่านแล้วเช็คว่าที่บอกมาถูกมั้ย โอเค ถ้าใช่ ก็ขอบคุณและแก้ไข ซึ่งส่วนใหญ่จะคอยเสริมในคอมเม้นต์ ไรงี้
6. ที่ทำเพจเนี่ยก็เหมือนเป็นสื่อทางเลือกประเภทหนึ่ง แต่พี่เค้าก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นสื่อนะ แอดมินทั้ง 3 คนไม่ได้เรียนทางสื่อสารมวลชนกันมาเลย อาจจะเคยเขียนบทความมาบ้างแต่ก็ไม่ถนัดในการทำตัวเป็นสื่อ ดังนั้นจึงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นสื่อ แต่คิดว่าเป็นเพื่อนของคนอ่านมากกว่า
7. ส่วนการทำเพจสรุปเนี่ยแอดมินบอกว่าแผนในระยะยาวยังไม่มีชัดเจน ถ้าสนุกก็ทำไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ถ้าถึงจุดนึงที่รู้สึกว่าไม่ไหวก็อาจจะหยุดทำก็ได้ เพราะสื่อหรือเทคโนโลยีและพฤติกรรมการอ่านมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเรา แต่ถ้าถามว่ากลัวโดนลอกเพจมั้ย คำตอบคือไม่กลัวเลย คือต่อให้เค้าก๊อปปี้ทั้งหมดไปลงก็ไม่ว่าอะไร เคยมีคนอ่านไปเจอแล้วเค้าก็ส่งข้อความมาหาว่าเห็นเพจนี้เอาข้อความของเพจสรุปไปลงแล้วไม่ให้เครดิตก็มี แต่ก็คิดซะว่าเค้าเผยแพร่ให้เรา หรือถ้ามีคนคิดว่าอยากจะทำเพจแนวนี้ แล้วทำเพจใหม่ขึ้นมา 2-3 อัน เป็น สรุปกว่า สรุปยิ่งกว่า ก็ดี ก็มีคนทักมาว่าอาจจะมีคนทำเพจสรุปของสรุปก็ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่าน
8. ยังไม่จบ มาที่เรื่องจุดเด่นของเพจสรุป นอกจากภาษาแบบเพื่อนๆ แล้วเนี่ย ก็คือจะไม่โพสต์บ่อย บางเพจเค้าจะอัพเดทข่าววันละหลายรอบ แต่เพจนี้ไม่ได้แคร์ว่าจะต้องมี activity ตลอดเวลา แต่แคร์คนอ่านมากกว่า เพราะทุกวันนี้พอเราเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาจะเห็นฟีดคอนเทนต์อะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน ต้องไปตามหา 4-5 ข่าวในเรื่องหนึ่ง แทนที่จะทำอย่างนั้น เพจก็สรุปมาให้คนอ่านแล้ว ทำหน้าที่ให้เค้าเสียเวลาน้อยที่สุดและได้ประโยชน์ด้วย
9. จะว่าไป เรื่องจุดยืนของการนำเสนอข่าว ก็เป็นสิ่งที่แอดมินทั้ง 3 คนคิดมาตลอด คนที่ไม่ชอบก็จะคิดว่าไม่เป็นกลาง เพราะคำว่ากลางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเป็นกลางของเพจกับความเป็นกลางของคนอ่านอาจจะอยู่กันคนละเส้น โอเค อาจจะวางความเป็นกลางไว้ก่อน ก็ไปเน้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดเจน แล้วเขียนไล่เรียงลงมาให้หมด
10. ยังไม่พอ เพราะแอดมินบอกว่านับวันยิ่งสรุปยาวขึ้นจริงเพราะไปเล่นในเรื่องที่มันซับซ้อนมากขึ้น แต่คนที่อานก็ยังมีอยู่ ต่อให้เขียนสั้นกว่านี้ครึ่งนึงสำหรับคนที่ไม่อ่านยังไงเค้าก็ไม่อ่าน คือไม่อยากให้ยาวจนคนอ่านเบื่อ แต่ก็ไม่อยากให้สั้นจนอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง จึงพยายามสรุปให้อยู่ในช่วงความยาวที่พอเหมาะและข้อมูลครบถ้วน
11. พี่เค้าเล่าว่า ความสนุกของการทำเพจสรุปสิ่งหนึ่งคือการเห็นคนที่เข้ามาอ่าน และมาแสดงความคิดเห็น เกิดการแลกเปลี่ยนกันช่วยเหลือกัน มันเป็นด้านดีของโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มันควรจะเป็น เห็นคนแชร์ไปแล้วคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนกับญาติเค้า ไรงี้
#สรุป1 วันนึงๆ แอดมินเพจสรุปอ่านหนังสือวันละกี่บรรทัด ไม่แน่ใจ พี่เค้าไม่เคยนับ แต่รวมๆ แล้วก็น่าจะเยอะอยู่นะ ประมาณ 10 กว่าหน้า อย่างถ้าต้องอ่านเพื่อมาสรุป หน้าเบราเซอร์ก็จะเปิดไว้เต็มไปหมด
#สรุป2 พอถามแอดมินไปเว่ย ว่าสรุปว่าสรุปเพจตัวเองว่าอะไร เค้าก็บอกว่า “เป็นเพจที่เป็นเพื่อนที่คอยทำให้เพื่อนเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายๆ” หูย