“ถ้าไม่มีทุกคน เตนล์คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้”
มือเย็นเฉียบกุมแท่งไฟสีเขียวนีออน ดวงตาแทบไม่กะพริบ และราวกับหัวใจจะหยุดเต้นทั้งที่มันกำลังสั่นระรัว ในวินาทีที่ไฟในฮอลล์อิมแพ็คค่อยๆ หรี่ลง เสียงกรี๊ดจากทั่วทุกสารทิศก็ดังกระหึ่มขึ้นอย่างพร้อมเพียง ไม่ต้องมีใครนัดหมาย ไม่ต้องมีใครกระซิบบอก แต่เราทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าต้องเปล่งเสียงให้ออกมาดังที่สุด เพื่อต้อนรับ ‘เตนล์’ กลับบ้านอย่างสมเกียรติ
ราว 10,000 คน คือจำนวนแฟนคลับต่อรอบที่รวมอยู่ในฮอลล์อิมแพ็ค อารีน่า ทั้งที่เป็นแฟนคลับเตนล์โดยเฉพาะอย่าง 10vely ทั้ง WayZenNi/NCTzen ทั้งคนที่ติดตามฟังเพลง หรือแม้กระทั่งคนที่เพียงแค่อยากมาดูเตนล์ในวันที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็มารวมตัวกันในพื้นที่แห่งนี้
ในฐานะคนไทย แต่ไปเริ่มต้นเส้นทางศิลปินไกลถึงประเทศเกาหลี แฟนคลับอย่างเราก็ทำได้เพียงซัปพอร์ตเขาในทุกเส้นทางที่เลือกเดินอย่างสุดความสามารถ และในวันที่เขาประสบความสำเร็จ เราก็หวังเพียงเสี้ยวหนึ่งว่าเขาจะนำความสำเร็จนั้นมาโชว์ให้เราได้เห็นที่ประเทศไทย
และในวันนี้ เราก็ได้รับโอกาสนั้นแล้ว
‘2024 TEN FIRST FAN CON 1001’ คือชื่อแฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกของ ‘เตนล์—ชิตพล ลี้ชัยพรกุล’หรือที่หลายคนรู้จักในนาม ‘เตนล์ NCT/WayV’ ซึ่งจัดแสดงครั้งแรกที่ประเทศเกาหลี ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024 และเมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ 2-3 มีนาคม ที่ผ่านมา ก็เป็นคิวของประเทศไทยที่ได้ต้อนรับเตนล์กลับบ้าน
ด้วยการต้อนรับอย่างล้มหลามและอบอุ่น การจัดแฟนคอนครั้งนี้เลยทำให้เตนล์ได้รับตำแหน่ง ‘ศิลปินชายเดี่ยวคนแรก ของ SM Entertainment ที่สามารถจัดแฟนคอนที่อิมแพ็ค อารีน่า ได้ถึง 2 รอบและบัตรจำหน่ายหมดทุกที่นั่ง’ มาครอบครอง
‘เปี่ยมรัก’ เป็นคำที่เราเลือกหยิบมาอธิบายแฟนคอนในครั้งนี้ เพราะตั้งแต่บรรยากาศหน้าคอนเสิร์ต ผู้คนขวักไขว่ในชุดสีม่วง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม มือทั้ง 2 เต็มไปด้วยของที่นำมาแจก และดวงตาที่เจือด้วยความสุข คือสิ่งที่เราสัมผัสได้จากแฟนคลับทุกคน มิตรภาพที่เกิดจากการชอบศิลปินคนเดียวกัน นำไปสู่การหยิบยื่นทั้งไมตรีและข้าวของ ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงอาหารการกิน จนเกิดเป็นแฮชแท็กโด่งดังในทวิตเตอร์อย่าง #โรงทานป้าม่วง
ถึงแม้จะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เพื่อซัปพอร์ตเตนล์แล้ว อะไรก็ร่วมมือกันทำได้ทั้งนั้น ทั้งโปรเจคในคอนเสิร์ตที่ทุกคนร่วมใจกับพับกระดาษเป็นเจ้าเหมียวชูในวันแรก และถือสโลแกน ‘WE ALWAYS HAVE YOU BACK’ ในวันที่ 2 รวมถึงกล่องไฟโปรเจ็กต์แปรอักษรให้เตนล์ได้ชม ทั้ง 1💜+💜1 และ TEN💜LEE
นอกจากจะเปี่ยมรักเพราะสิ่งที่แฟนคลับทำให้เตนล์แล้ว ยังเปี่ยมด้วยรักเพราะสิ่งที่เตนล์แสดงให้แฟนคลับได้ดูอีกด้วย ทุกโชว์ ทุกการแสดง คือสิ่งตอบแทนอันล้ำค่าที่เตนล์มอบกลับคืนมาให้เราทุกคนในอิมแพ็ค อารีน่าทั้ง 2 วัน
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/03/IMG_2392.jpg)
ภาพจาก News Never
Dream In A Dream ราวกับฝัน แต่นี่คือความจริง
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
กว่า 8 ปีที่เตนล์พยายามพิสูจน์ตัวเอง
กว่า 8 ปีที่เตนล์ทุ่มเทฝึกซ้อมแม้จะเดบิวต์แล้ว
และเป็นกว่า 8 ปีที่เตนล์ไม่เคยยอมแพ้
จากวันแรกที่เราได้รู้จัก ‘เตนล์’ สู่วันนี้ที่เตนล์ได้ครองเวทีอิมแพ็ค อารีน่าแต่เพียงผู้เดียว
ราวกับเป็นความฝัน แต่นี่คือความจริงที่เตนล์สมควรแล้วที่จะได้รับมัน ทุกความพยายามของเตนล์ในวันนั้นสัมฤทธิ์ผลออกมาเป็นผู้ชมนับหมื่นในวันนี้ วันที่สปอร์ตไลต์ทั้งฮอลล์แสงส่องลงมารวมกันเพียงจุดเดียว และนั่นคือจุดที่เตนล์ยืนอยู่
“สวัสดีครับ ผมเตนล์ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล ชื่อเล่นชื่อเตนล์นะครับ หรือเรียกว่า TENLEE ก็ได้” ประโยคแนะนำตัวแสนเรียบง่าย แต่แสดงความเป็นเตนล์ออกมาได้ชัดเจน เด็กน้อยที่เคยเขินอายเมื่อแนะนำตัวหน้ากล้อง วันนี้ได้แนะนำตัวบนเวทีของตัวเองแล้ว
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/03/IMG_2394.jpg)
ภาพจาก News Never
New Heroes ที่ชื่อ ‘เตนล์ลี’
“TENLEE TENLEE TENLEE”
“ชิตพล ชิตพล ชิตพล”
“พี่น้องเตนล์ พี่น้องเตนล์ พี่น้องเตนล์”
ทุกครั้งที่ไฟในฮอลล์ดับลง เสียงตะโกนเรียกชื่อเตนล์ ก็จะดังขึ้นมาเสมอ ราวกับเพื่อย้ำให้เตนล์ได้รู้ว่า เราแฟนคลับจะอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ต้องกังวลอะไร มองมาเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าพวกเราอยู่ตรงนี้
หนึ่งประโยคที่แสนกินใจจนทำให้เราแอบน้ำตาซึมตั้งแต่เริ่มงาน คือประโยคที่เตนล์ใช้อธิบายความหมายของ ‘1001’ ที่เป็นทั้งชื่อคอนเสิร์ตและเลขประจำตัวเตนล์ว่า “ถ้ามีเตนล์ ก็ต้องมี WayZenNi/NCTzen ถ้าไม่มี WayZenNi/NCTzen ก็ไม่มีเตนล์” เพราะเลข 10 หมายถึงตัวเตนล์เอง และ 01 หมายถึงเตนล์ให้แฟนคลับเป็นที่ 1 เสมอ หรือจะมองว่า 01 เป็นเสมือนภาพสะท้อนของ 10 ก็ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ถ้ามีเตนล์ก็ต้องมี WayZenNi/NCTzen เราต่างมีซึ่งกันและกัน และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
และแม้ว่าจะมันผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพลง ‘New Heroes’ นี้ ยังเป็นเพลงที่ปลุกไฟในตัวเตนล์ให้กลับมาลุกโชนได้อยู่เสมอ เป็นเพลงที่ส่งพลังให้กับเตนล์ในวันที่เหนื่อยล้าได้ด้วย
เพื่อที่จะเป็นเตนล์ที่แฟนคลับทุกคนภูมิใจ และไม่อายที่จะเอ่ยปากบอกกับใครว่าคนที่เรารักชื่อว่า ‘เตนล์ลี’
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/03/IMG_2393.jpg)
ภาพจาก News Never
Nightwalker ที่แสนงดงาม
เส้นทางแห่งการเติบโต รสชาติแห่งชีวิต ต่างท้าทายทั้งตัวเตนล์และแฟนคลับที่รักเขาอยู่เสมอ แต่ไม่ว่าเส้นทางเหล่านั้นจะท้าทายพวกเราสักแค่ไหนก็ตาม ในวันนี้ปีกของเตนล์ก็ได้สยายออก และโผบินได้อย่างสง่างามแล้ว
“ครั้งนี้เป็นการเปิดแฟนคอนครั้งแรกของเตนล์ แต่เตนล์ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทุกคนอาจจะคิดว่ามันช้าไป แต่เตนล์ว่านี่เป็นไทม์มิ่งที่ดีมากครับ”
คำพูดปิดท้ายแฟนคอนในวันแรก เสมือนเป็นการปลดล็อคความรู้สึกบางอย่างในใจของแฟนคลับ ช่วงเวลาที่เราต่างโหยหา ความรู้สึกที่เราเคยสูญเสียไป ได้รับการปลอบประโลมจากเตนล์ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
เฉกเช่นทุกครั้งที่เตนล์มักมีคำพูดที่คอยโอบกอดเราอยู่เสมอ เตนล์ทำให้เราได้รู้ว่าการคิดบวกก็ทำให้ความขุ่นเคืองใจที่เคยมีทุเลาลงได้ และเราสามารถแย้มรอยยิ้มออกมาได้ แม้ว่าวันนั้นจะไม่ใช่วันที่ดีมากนักของเราก็ตาม
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/03/IMG_2395.jpg)
ภาพจาก News Never
5 ปี กับความทรงจำใน ‘Some other day’
“เมื่อวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่ได้พบกัน ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นดังบทเพลงเรียงร้อยหัวใจ
ทุกวันที่ต้องไกล เราจะได้พบกันใหม่ อย่างที่ใจต้องการ” some other day – Singular
27 กุมภาพันธ์ 2019 ในงานฉลองวันเกิดของเตนล์ ที่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ กับแฟนคลับราว 1,500 คน เตนล์ร้องเพลง some other day เป็นครั้งแรก
และในวันที่ 2-3 มีนาคม 2024 เตนล์มีโอกาสได้ร้องเพลงนี้อีกครั้ง ที่อิมแพ็ค อารีน่า กับแฟนคลับร่วม 10,000 คน
Some other day ของ Singular ถึงแม้จะเป็นเพลงที่เตนล์หยิบนำมาโคฟเวอร์ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความทรงจำระหว่างเตนล์กับแฟนคลับ ในครั้งแรกที่เตนล์เลือกเพลงนี้มาร้องตอนงานวันเกิด เป็นเพราะเนื้อเพลงนี้มีความหมายกับเตนล์ “ในช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน ก็ไม่ต้องเสียใจ พวกเรามีความทรงจำดีๆ ด้วยกันมาตลอด ถ้าในบางวันที่ไม่ได้เจอกัน ก็คิดถึงความทรงจำดีๆ ที่มีให้กันนะครับ”
5 ปีผ่านไป เตนล์ก็เลือกนำเพลงเดิมมาร้องอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวกันว่า “ทุกๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิตของพวกเราทุกคน มีความหมายทุกอย่าง พวกเราอย่าลืมจุดเริ่มต้นของตัวเอง… แม้พวกเราจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ก็รู้ว่าเรายังมีกันและกัน”
ไม่ว่าจะวันนี้หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทันทีที่ดนตรีเริ่มบรรเลงน้ำตาของเราก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาเช่นกัน และยังไม่ทันได้รู้ตัวดี หยดน้ำตาก็ปะทะลงบนแก้มของเราแล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่กับเราคนเดียว แต่ทุกคนในฮอลล์ต่างก็ปริ่มไปด้วยน้ำตากันทั้งสิ้น
ความแตกต่างระหว่าง 5 ปีที่แล้วกับวันนี้ คือเตนล์เป็นเตนล์ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและน่าภาคภูมิใจ เป็นเตนล์ที่ได้รับความรักจากผู้คนมากมายยิ่งกว่าเดิม ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยคือเราทุกคนต่างอ่อนไหวกับเพลงเพลงนี้ และทุกครั้งที่ได้ฟังก็รู้สึกราวกับมีใครมาแตะสวิตช์ต่อมน้ำตาให้เริ่มทำงาน ทุกช่วงเวลาที่เราได้เห็นเตนล์เติบโต ต่างหลั่งไหลเข้ามากระตุ้นให้เราร้องไห้โฮได้เสมอ
น้ำตาที่ไหลของแต่ละคน เราไม่อาจตัดสินได้ว่าเป็นน้ำตาของความรู้สึกแบบใด แต่สำหรับเราแล้ว นี่คือน้ำตาแห่งการเติบโต มันคละคลุ้งไปด้วยช่วงเวลาแห่งความผูกพัน ความเจ็บปวด ความสำเร็จ และความภาคภูมิใจ เพราะไม่ว่าจะกี่อุปสรรคที่ผ่านเข้ามา เตนล์ก็สามารถเอาชนะและเบ่งบานได้อย่างสง่างามเสมอ เส้นทางที่เราต่างก็รู้ว่ามันไม่ง่ายดาย แต่เพราะเตนล์ยังมีพวกเรา และเราก็ยังมีเตนล์ น้ำตานี้ถึงได้ไหลออกมา
ไม่เป็นไรเลยที่วันนี้เราจะเสียน้ำตาในแฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกของเตนล์ หรือในวันข้างหน้าหากเตนล์เลือกหยิบเพลงนี้มาร้องอีกครั้ง เราก็คงจะเป็นหนึ่งในคนที่ร้องไห้ไปพร้อมๆ กับทุกคนอยู่เหมือนเดิม
“เก่งมาก เตนล์เก่งมาก เก่งมากๆ”
หลังจากที่เตนล์ร้องเพลงนี้จนจบ เสียงตะโกนว่าเตนล์เก่งมาก เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะวันนี้หรือ 5 ปีที่แล้ว ก็ยังเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีใครนัดหมาย แต่เพราะเราทุกคนต่างอยากบอกกับเตนล์ว่าเก่งมาก เก่งเสมอมา ไม่ต้องกังวลอะไร ในช่วงเวลานี้และตลอดไปเตนล์ยังมีพวกเราเสมอ