ไม่ง่าย กว่าที่เด็กสักคนจะทุ่มเทฝึกซ้อม จนได้สิทธิ์เดบิวต์เป็นหนึ่งในศิลปินของวงเกาหลี และยิ่งไม่ง่าย ถ้าเด็กคนนั้นเป็นคนไทย
ราว 13 ปีก่อน เด็กไทยวัย 15 ปี ที่ชื่อ ‘เตนล์—ชิตพล ลี้ชัยพรกุล’ หรือถ้าเรียกให้ง่ายเป็นภาษาอังกฤษคือ ‘TEN’ เริ่มต้นทำตามความฝันที่อยากจะศิลปินของตัวเอง ด้วยการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Teen SuperStar ปี 2011 และคว้ารางวัลชนะเลิศ จนได้โอกาสเซ็นสัญญากับค่ายเพลงเกาหลีอย่าง Starship Entertainment แต่ด้วยขวบวัยเพียง 15 ปี ทำให้เขาตัดสินใจบอกปฏิเสธสัญญานั้น และมุ่งมั่นฝึกซ้อมด้วยตัวเองอีกครั้ง
จนกระทั่งฤดูหนาว ในปี 2013 ก่อนวันคริสต์มาสเพียง 3 วัน เราก็ได้เห็นเตนล์อีกครั้ง ผ่านการเปิดตัวในฐานะ SM Rookies ศิลปินฝึกหัดจากค่ายยักษ์ใหญ่ของเกาหลี S.M. Entertainment และอีก 3 ปีให้หลัง ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายน ปี 2016 เส้นทางศิลปินของเตนล์ก็ผลิดอกให้เราเชยชมเช่นกัน เพราะจาก ‘เตนล์ SM Rookies’ เด็กฝึกในวันนั้น ได้กลายมาเป็น ‘เตนล์ NCT’ เด็กไทยคนแรกที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเกาหลีในค่าย S.M. Ent.
ทว่า เส้นทางนั้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะในปี 2017 หลังจากที่เตนล์ปล่อยเพลงเดี่ยวเพลงแรกของตัวเอง ‘Dream in a Dream’ ไปได้ไม่นาน ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า เนื่องจากการเต้นอย่างหนัก และต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำให้เตนล์ต้องพักงานต่างๆ เพื่อรักษาตัวและฟื้นฟูร่างกาย
แต่การหยุดพักงาน ก็ไม่ได้ทำให้ความฝันในการเป็นศิลปินของเตนล์ต้องหยุดชะงักตามไปด้วย เขายังคงฝึกซ้อม ฝึกซ้อม และฝึกซ้อมอยู่เสมอ เตนล์เคยให้สัมภาษณ์กับรายการ Woody FM ว่า นั่นเป็นช่วงพลิกผันของชีวิตตัวเองเช่นกัน จากเดิมที่ซ้อมเต้นอย่างหนัก ก็เปลี่ยนมาซ้อมร้องเพลงแทน
“ผมต้องเรียนรู้ทุกอย่างเลยเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าเต้นไม่ได้งั้นเราต้องร้องให้ได้ ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงที่เรียนทั้งร้องทั้งเต้นทุกอย่าง เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดแต่เป็นช่วงที่ได้อะไรมาเยอะที่สุด”
หลังจากที่การฟื้นฟูร่างกายของเตนล์เป็นไปด้วยดี ในปีถัดมา 2018 เตนล์ก็กลับมาเฉิดฉายบนหน้าจอให้อีกครั้ง กับอัลบั้มรวม NCT ก่อนที่ในเดือนมกราคม ปี 2019 หลังจากที่เดบิวต์ครั้งแรกผ่านมาแล้วถึง 3 ปี แต่ยังไม่มียูนิตหลัก เตนล์ก็จะได้เข้าใกล้ความฝันของตัวเองอีกครั้ง กับเดบิวต์ในฐานะ WayV ยูนิตย่อยของวง NCT และในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน เตนล์ก็ได้ร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกวง Super M วงที่รวบรวมเอาศิลปินหลายคนจากวงในค่าย S.M. Ent. มาฟอร์มทีมใหม่ เพื่อก้าวไปสู่ระดับสากล
แต่ใครจะรู้ว่าปลายปี 2019 ไม่นานโรคที่คนทั่วโลกต้องเผชิญอย่างโควิด-19 ก็เริ่มระบาด ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่วงการเพลงเกาหลี การคัมแบ็กของแต่ละวงเป็นไปอย่างยากลำบาก การทำงานต้องหยุดชะงัก สร้างรอยแผลในการทำงานให้กับวงที่เพิ่งเดบิวต์เมื่อต้นปีอย่าง WayV หนักเอาการ การรับงานในประเทศจีนซึ่งเป็นพื้นที่ต้นตอของระบาดโรคก็เป็นไปได้ยาก แต่จนแล้วจนรอดเตนล์และสมาชิกวงก็ฝ่าฟันกับอุปสรรคนี้จนผ่านมาได้ และค่อยๆ แข็งแกร่งท่ามกลางกระแสพายุอุปสรรคอื่นๆ ที่ชาเลนจ์เขาอยู่เสมอ
และแล้วในปี 2024 กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ยังคงหนาวเหน็บของเกาหลี ท่ามกลางหิมะโปรยปรายปกคลุมหน้าดิน ดอกไม้ที่แสนแข็งแกร่งอย่าง ‘เตนล์’ ก็สามารถผลิบานขึ้นได้อย่างสวยงาม ย่างก้าวของการเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวรอเขาอยู่อีกเพียงอึดใจเดียว
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วัน การรอคอยที่แสนยาวนานก็ใกล้จะบรรลุผลให้เราได้เห็น ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2024 อัลบั้มโซโล่อัลบั้มแรกที่เตนล์หยิบยกเอาชื่อของตัวเองมาตั้งอย่าง ‘TEN’ ก็จะปล่อยออกมาให้เราได้รับชม ทั้งดนตรี เสียงร้อง ศิลปะ และสีสันทั้งหมดในอัลบั้ม ล้วนแต่เป็นการการันตีเส้นทางความพยายามตลอด 13 ปี ได้เป็นอย่างดี ความพยายามที่ไม่เคยสิ้นสุด และการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เดบิวต์ครั้งแรกจนถึงวันนี้กำลังจะโชว์ออกมาให้เราได้ชมแล้วจริงๆ
นอกจากอัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวแล้ว เตนล์ก็กำลังจะมีแฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกของตัวเองที่ขายบัตรหมดเกลี้ยงในเวลาเพียงไม่กี่นาทีทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ จนต้องประกาศเพิ่มรอบ เป็นเครื่องยืนยันถึงแรงซัปพอร์ตที่แฟนคลับอย่าง 10vely มีให้กับเตนล์ ว่าในทุกหยาดเหงื่อและความพยายามของเตนล์นั้น ไม่เคยสูญเปล่า
ถ้าหากถามว่าทำไม 10vely ถึงรักเตนล์ได้มากขนาดนี้ หนึ่งในคำตอบนั้นก็คงเป็นเพราะเตนล์ไม่เคยยอมแพ้ แม้ว่าตัวเองจะกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงใด และเตนล์มักจะมีคำปลอบประโลมที่ช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าให้กับแฟนคลับได้อยู่เสมอ เตนล์มักจะบอกให้แฟนคลับลุกสู้ ไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่รัก และรู้จักที่จะโอบกอดตัวเองในวันที่อ่อนล้า
และในฐานะคนที่มีแบดเดย์ แต่ยิ้มออกมาได้เพราะมีคำพูดของเตนล์ช่วยเยียวยาหัวใจ เลยขอหยิบยกเอา 10 คำพูดดีๆ สร้างพลังบวกจากเตนล์ มาส่งต่อให้กับทุกคน เผื่อใครที่กำลังเหนื่อยล้าผ่านไปผ่านมา ได้มาอ่านคำพูดเหล่านี้แล้วจะสร้างพลังใจให้ตัวเองได้อีกครั้ง (แต่ขอแปลทุกภาษาที่เตนล์พูด ให้เป็นภาษาไทยนะ)
“ในตอนที่เราพยายามทำตามเป้าหมายของชีวิตให้สำเร็จ บางครั้งเราอาจจะล้มลงอย่างแรง และเราต้องเลือกว่าจะนอนอยู่แบบนั้นหรือลุกขึ้นเพื่อก้าวต่อไป สำหรับเตนล์ เตนล์เลือกที่จะลุกแล้ววิ่งต่อไป”
หลังจากเดบิวต์เมื่อปี 2016 ได้ไม่กี่วัน ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งถูกโพสต์เว็บของ SM บนหัวกระดาษเขียนไว้ว่า From. TEN และเนื้อหาด้านในของจดหมายฉบับนั้น เขียนถึงเส้นทางการเป็นเด็กฝึกที่เตนล์ยอมรับว่ามันไม่ได้ง่าย บางครั้งเราต้องเผชิญกับอุปสรรค และอาจจะล้มลง แต่เตนล์เลือกที่จะลุกขึ้นและออกวิ่งต่อไป จนในวันนี้มีศิลปินที่ชื่อเตนล์เฉิดฉายอยู่บนเวทีจริงๆ
และหากย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2019 ในงานฉลองวันเกิดของเตนล์ที่ประเทศไทย คำพูดหนึ่งที่เตนล์พูดในงานวันนั้น คือประโยคที่ว่า “อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ เพราะถ้ายอมแพ้ตอนนี้แล้ว ในอนาคตอาจจะรู้สึกเสียดายก็ได้ ตอนนี้ทำให้เต็มที่แล้วก็ในอนาคตอาจจะมีอะไรดีขึ้น”
“ถ้าเชื่อเรื่องโชคชะตาเยอะไป เราก็จะไม่ทำอะไรเลย คือรอให้เวลานั้นมาถึงอย่างเดียว ในชีวิตเราต้องมีความพยายามด้วย”
จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับเดือนมิถุนายน 2017 หลังจากที่เตนล์เพิ่งเดบิวต์ได้ประมาณ 1 ปี เมื่อถูกถามถึงความเชื่อเรื่องโชคชะตา ว่าระหว่างโชคชะตากับความพยายามอะไรที่ทำให้เตนล์มาถึงจุดนี้ เตนล์ก็ให้คำตอบว่า “ผมว่า 50-50 ถ้าเชื่อเรื่องโชคชะตาเยอะไป เราก็จะไม่ทำอะไรเลย คือรอให้เวลานั้นมาถึงอย่างเดียว ในชีวิตเราต้องมีความพยายามด้วย ตอนนี้ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ 100% คิดว่ายังต้องไปอีกไกลครับ” เป็นอีกหนึ่งคำพูดที่ทำให้เห็นว่าความพยายามกับเตนล์ เป็นเรื่องที่อยู่คู่กันเสมอจริงๆ
“อย่าลืมว่าทำไมถึงอยากมาอยู่ตรงนี้ พยายามทำมันต่อไป เพราะนี่คือสิ่งที่นายรัก”
ปี 2019 ในวันที่ความฝันของเตนล์เดินทางมาไกลขึ้นอีกก้าวกับการเดบิวต์เป็น WayV คำพูดที่เตนล์เลือกที่จะบอกกับตัวเองในวันนั้น คือ “ใจดีกับตัวเองเข้าไว้ ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอะไรอยู่ก็ขอให้ทำต่อไป และอย่าลืมว่าทำไมถึงทำแบบนี้ อย่าลืมว่าทำไมถึงอยากมาอยู่ตรงนี้ พยายามทำมันต่อไป เพราะนี่คือสิ่งที่นายรัก เพราะนี่คือโชคชะตาของนาย ทำมันไปเลย”
แม้จะเป็นประโยคที่เตนล์บอกกับตัวเอง แต่แน่นอนว่ามันลึกซึ้ง มีความหมาย แล้วก็ทำให้เราได้ย้อนมาสัมผัสถึงเบื้องหลังของตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ว่าวันนี้เราจะกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ว่าวันนี้เราจะพยายามกับอะไร โปรดอย่าลืมว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะทำมัน และถ้ามันเป็นความฝัน เป็นสิ่งที่รัก ก็ถูกต้องแล้วที่เราจะทุ่มเทและพยายามกับมัน
“เตนล์เป็นคนเชื่อว่า ถ้าเราไม่เก่งอะไรเลย ให้ลองซ้อมไปก่อน ยังไงมันก็ต้องดีขึ้น การกระทำมีผลมากกว่าพรสวรรค์”
หนึ่งในประโยคส่งต่อแรงบันดาลใจ และเป็นคำแนะนำให้กับคนที่มีความฝันอยากเป็นศิลปินเหมือนกับเตนล์ จากรายการสัมภาษณ์ Woody FM หลังจากที่เตนล์ได้รับคำถามให้ฝากอะไรถึงคนที่กำลังวิ่งตามฝันอยู่ “เตนล์ว่าถ้าใจสู้แล้ว ชีวิตมีอยู่แค่ชีวิตเดียว คุณลองทำไปก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้เริ่ม ถ้าคิดว่าออดิชั่นก็เสียเวลาเขาคงไม่เลือกหรอก ไม่ควรคิดอย่างนั้น ลองไปก่อน ถ้าได้ก็คือได้ ถ้าไม่ได้ก็คือโอเคเราควรจะซ้อมต่อไหมหรือทางนี้มันใช่ทางเราหรือเปล่า ซึ่งมันมีทางเยอะมากเลย แต่ก่อนที่จะบอกว่าไม่ได้ควรลองไปก่อน”
เมื่อเราค้นหาคำตอบของเตนล์เกี่ยวกับคำแนะนำในการมาเป็นศิลปินเกาหลี หลายต่อหลายครั้ง คำแนะนำเหล่านั้นยังคงเหมือนเดิม จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสารสุดสัปดาห์ในปี 2017 เตนล์ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องการอะไรก็อย่าท้อ อย่ายอมแพ้ พยายามให้เต็มที่ ถ้ามีโอกาสไปออดิชั่นแล้วได้รับเลือกก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็อย่าท้อ เพราะเราได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว”
การลงมือทำเป็นสิ่งที่เตนล์ย้ำอยู่เสมอ ให้ตัวเองได้โอกาสลงมือทำ ส่วนผลลัพธ์ให้เป็นเรื่องของอนาคต คอนเทนต์หนึ่งของ WayV ในปี 2020 ก็มีคำพูดที่เตนล์ให้กำลังใจแฟนคลับที่กำลังจะเข้าฝึกงานในบริษัทใหญ่ แต่กังวลกับการประเมินจากหัวหน้า ในวันนั้นเตนล์ก็ยืนยันในคำพูดเดิมที่เคยพูดมาเสมอว่า “ไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์ว่าจะออกมาเป็นยังไง แค่ลองทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง แล้วก็อย่าเสียใจ ถ้าเกิดล้มเหลว ตราบใดที่เราทำดีที่สุดแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นยังไงไม่สำคัญหรอก”
“เตนล์อยากให้คุณเป็นตัวของตัวเอง พวกเราเหมือนกัน เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นจงรักที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเอง แค่คุณเป็นคุณ และถ้าคุณมีความสุขกับตัวเองเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
ประโยคที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และนี่เป็นคำตอบของเตนล์จากวิดีโอคอลแฟนไซน์ หลังจากที่แฟนคลับขอให้เตนล์พูดให้กำลังใจ LGBTQ+ ท่ามกลางกระแสสังคมเกาหลีที่ไม่เปิดกว้างเรื่องเพศ การยืนหยัดที่จะให้กำลังใจ และเห็นค่าของความเท่าเทียมทางเพศ ก็เป็นหนึ่งในการสร้างความมั่นใจ รอยยิ้ม และเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความเป็นมนุษย์ ว่าเราทุกคนมีสิทธิ์จะเลือกเส้นทางชีวิตให้กับตัวเอง
เช่นเดียวกับประโยคที่เตนล์เลือกใช้เพื่อแสดงความเป็นตัวเองในการเป็น Super M คือ “Be you and be true, Be who you are, No one can change you” ให้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ไม่มีใครเปลี่ยนสิ่งที่เป็นเราได้ เป็นคำพูดที่นอกจากจะแสดงตัวตนของเตนล์ออกมาได้อย่างดีแล้ว ยังส่งรอยยิ้มและความเชื่อมั่นให้กับแฟนคลับได้อีกด้วย
“อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง แต่จงโอบกอดการเปลี่ยนแปลงนั้นไว้”
ในปี 2021 เตนล์ได้ร่วมออกแบบเสื้อผ้าและเคสโทรศัพท์กับแบรนด์ Represent และเตนล์พูดประโยคนี้ในการสัมภาษณ์กับ refinery 29 เมื่อกำลังพูดถึงเรื่องราวการออกแบบในคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งเตนล์โยงไปถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นเด็ก
เวลาเราพูดถึงตัวตนของตัวเอง แน่นอนว่าเราในวัย 10 ขวบ ย่อมแตกต่างจากเราในวันนี้ หลายคนมักกลัวการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และบทสัมภาษณ์ของเตนล์นี้เอง ก็ทำให้หลายคนยอมรับในการช่วงเวลาที่ผันผ่านของตัวเอง “เพราะเมื่อเราเติบโตขึ้น เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และนั่นจะส่งผลกับเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันหมายความว่าเรากำลังเรียนรู้บางอย่าง ดังนั้นอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง แต่จงโอบกอดกอดการเปลี่ยนแปลงนั้นไว้”
“ถ้าอยากเปล่งประกาย ก็ต้องกล้าที่จะแผดเผา”
เป็นหนึ่งในคำพูดที่เตนล์ให้สัมภาษณ์กับ clash ที่เราลังเลที่จะแปลความหมายเหลือเกิน เพราะแต่ละคนน่าจะต้องตีความคำพูดนี้ให้รีเลทกับตัวเอง ประโยคจริงๆ เตนล์สัมภาษณ์ไว้เป็นภาษาอังกฤษว่า “if you want to be the light, you have to burn.” เป็นประโยคที่ดูเหมือนจะพูดถึงรอยสัก ผลงานศิลปะที่เตนล์ออกแบบไว้ แต่ในตอนที่เราอ่านเจอประโยคนี้ครั้งแรก กลับปลุกไฟในตัวเราที่ใกล้จะมอดดับให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ให้เรากล้าที่จะออกนอกกรอบ กล้าที่จะท้าทายความสามารถของตัวเอง ถ้าอยากจะเปล่งประกาย ต้องกล้าที่จะเลือกเดิน เพราะเส้นทางที่เราเลือกเดินได้ ไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว ลองกล้าที่จะออกไปจากรอบของตัวเองได้ แล้วเราได้เจอตัวเองในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง
ส่วนใครที่ตีความประโยคนี้ไปในทิศทางไหน สร้างพลังให้กับใจตัวเองยังไง ก็มาคอมเมนต์บอกกันได้นะ
“ถ้าพบช่วงเวลาที่ยากลำบาก อดทนอีกนิด รออีกหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป เตนล์ผ่านมันมาได้แบบนั้น”
เป็นคำพูดที่เตนล์บอกกับแฟนคลับในงานแฟนไซน์ ในตอนที่แฟนคลับบอกกับเตนล์ว่ากำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก “ถ้าพบช่วงเวลาที่ยากลำบาก อดทนอีกนิด รออีกหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป เตนล์ผ่านมันมาได้แบบนั้น คิดน้อยลงบ้าง แล้วก็คิดถึงเรื่องดีๆ พักสักหน่อย พอทำแบบนี้เดี๋ยวเราก็จะดีขึ้น” และเตนล์ก็ทำให้เราเห็นได้จริงๆ ว่าในช่วงเวลาที่เตนล์อาจจะกำลังเหนื่อย หรือพบเจอเรื่องราวที่ยากลำบาก การอดทนของเตนล์ ทำให้ทุกอย่างผ่านมาได้ การอดทนเพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมันอาจจะยากและทุกข์ทรมานมากหน่อย แต่หลังจากผ่านพ้นไป จะมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่เสมอ
อีกหนึ่งคำพูดของเตนล์ในช่วงที่ต้องกักตัวเพราะโควิด-19ในห้องเล็กๆ คนเดียว แล้วห้องเกิดปัญหา คือประโยคที่ว่า “เมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น เตนล์เชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่” และผลลัพธ์มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่เตนล์แก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้
“อย่ามองอดีตมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เรายึดติด และอย่าคิดถึงแต่อนาคต เพราะจะทำให้เราฟุ้งซ่าน แค่อยู่กับปัจจุบันก็พอ”
ท่อนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร GQThailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2023 หลังจากที่เตนล์เผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมายตั้งแต่เดบิวต์จนถึงปี 2023 และเป็นอีกครั้งที่เมื่อเตนล์ถูกถามถึงคติประจำใจแล้วได้รับคำตอบว่า “ไม่ต้องอายในสิ่งที่เป็น หรือเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับอะไรที่ไม่ใช่ ในแง่ว่าอย่ามองอดีตมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เรายึดติด และอย่าคิดถึงแต่อนาคต เพราะจะทำให้เราฟุ้งซ่าน แค่อยู่กับปัจจุบันก็พอ”
ตั้งแต่ที่เราเห็นบทสัมภาษณ์ของเตนล์เมื่อถูกถามถึงคติประจำใจ หรือหลักที่ใช้ยึดถือตัวเอง คำตอบมันจะเป็นเรื่องตัวตน และการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นเตนล์มากที่สุดอยู่เสมอ บทสัมภาษณ์ในปี 2023 ยังคงเหมือนกับ คติประจำใจสมัย SM Rookies ที่เตนล์เขียนเอาไว้ว่า “ชีวิตมันสั้น แค่มาสนุกกันเถอะ”ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี การใช้ชีวิตกับอยู่ปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่เตนล์ยึดถือไว้อยู่ตลอด
“ยอมรับในสิ่งที่เข้ามา เมื่อมันเข้ามา, อย่าดึงรั้งสิ่งที่จากไปแล้ว”
ใจความหนึ่งจากคำคมสร้างแรงบันดาลใจภาษาอังกฤษเต็มๆ ว่า “If it comes, let it come. If it stays, let it stay. If it goes, let it go.” ซึ่งเป็นประโยคที่เตนล์แคปภาพหน้าจอเก็บเอาไว้สร้างแรงใจให้กับตัวเอง และเมื่อถูกถามว่าอะไรที่ช่วยคลายเครียดให้เตนล์ได้ เตนล์ก็ได้ให้คำตอบนี้กับ W Korean ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024
ในช่วงเวลากว่าได้จะได้มีอัลบั้มโซโล่แรกเป็นของตัวเอง เตนล์ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งความเจ็บป่วยที่ไม่ทันคาดคิด ทั้งความพลิกผัน และเริ่มต้นใหม่ ทำให้ประโยคที่สื่อความหมายว่า ‘อะไรจะผ่านเข้ามาก็ให้มันเข้ามา’ นี้เป็นทั้งประที่ช่วยเยียวยาหัวใจของเตนล์ในตอนที่เครียด และช่วยเยียวยาหัวใจของแฟนคลับที่กำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ลำบากในชีวิตเช่นกัน
หลังจากไล่เรียง 10 คำพูดของเตนล์ที่ช่วยเยียวยาหัวใจของเราแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนไหว คือเราเห็นการเติบโตของเตนล์ผ่านคำพูดเหล่านั้น ในขวบปีแรกของการเป็นศิลปิน เราได้เห็นเตนล์ที่มุ่งมั่นพยายามเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ได้เห็นเตนล์ที่ค่อยๆ ก้าวเดินบนเส้นทางของศิลปิน และกว่า 8 ปีที่เดบิวต์มา เรื่องราวมากมายที่เตนล์ต้องเผชิญนั้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่า เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เตนล์ยังคงต้องทุ่มเท มุ่งมั่น และพยายามอยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นมันเพิ่มเข้ามาจากคำพูดของเตนล์ในยามที่เติบโตขึ้น คือเราได้เห็นเตนล์ที่เข้าใจโลก เรียนรู้ชีวิต ยอมรับในเรื่องราวที่เป็นไป แต่ไม่ยึดติดกับเรื่องราวเหล่านั้น โฟกัสกับตัวเองในปัจจุบัน เพื่อสิ่งที่รัก และเพื่อแฟนคลับที่ซัปพอร์ตเสมอมา
และในท้ายที่สุด คำพูดทั้งหมดของเตนล์จะไม่สามารถโอบกอดหัวใจของเราได้เลย ถ้าหากว่าเราไม่ได้รู้สึกร่วมไปกับประโยคเหล่านั้น หรือเราไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ทว่าในวันใดที่ชีวิตกำลังเจอทางตัน หรืออยากได้คำปลอบประโลมมาช่วยเยียวยาหัวใจ อาจจะลองหยิบเอาคำพูดของเตนล์—ชิตพล ลี้ชัยพรกุลคนนี้ มาขบคิดและอยู่เป็นเพื่อนในตอนที่กำลังข้ามผ่านความยากลำบากเหล่านั้นดูได้นะ
อ้างอิงจาก