อากาศหน้าหนาวไทยแม้จะสัมผัสได้ถึงความเย็นแบบผิวเผิน มีเหมือนไม่มี แต่เรารักเช้าวันที่แดดจ้าแต่ไม่จัด สะท้อนพื้นผิวถนนให้รู้สึกว่าช่วงเวลาใกล้จะหมดปีกำลังมาถึงแล้ว
ต้นสัปดาห์แห่งช่วงปลายพฤศจิกายน เป็นจังหวะที่เราได้ไปเยี่ยมเยือนชุมชนกุฎีจีน พร้อมกับ Dusit Local Experience โปรเจกต์จากโรงแรมเครือดุสิตธานี ที่จับมือกับแพลตฟอร์มเชื่อมนักท่องเที่ยวกับชุมชน ‘Local Alike’ ทำทัวร์โลคอลที่จะพานักท่องเที่ยวลงสัมผัสวิถี ประวัติศาสตร์ชุมชน และพูดคุยกับผู้คนอย่างใกล้ชิด
เป็นความพยายามของเครือดุสิตธานี โรงแรม 5 ดาวที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เต็มๆ จึงปรับตัวหันมาจับธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงท้องถิ่น เพิ่มความสนใจกำลังซื้อจากคนไทยมากขึ้น โดยขายแพ็กเกจห้องพักพร้อมทริปชุมชนแบบแน่นๆ
ฟากตะวันตกของกรุงเทพมหานคร เมื่อข้ามสะพานพระพุทธยอดฟ้า ชุมชนกุฎีจีนซ่อนตัวอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส แต่เมื่อผ่านคืน วัน และเวลา ผู้คนที่ย้ายเข้าและออกสร้างความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม
และกว่าสองร้อยปีมาแล้ว ที่คนโปรตุกีส คนไทย คนจีน และคนอินเดีย อยู่ร่วมกันอย่างยาวนานในพื้นที่แห่งนี้
กุฎีจีนถือเป็น Hidden Gem ของฝั่งธนบุรี ถ้าวันนี้ไม่ได้มา ก็คงไม่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์สิ่งละอันพันละน้อยร้อยเรียงกันอย่างไรบ้าง
เพื่อบอกว่าเราชอบชุมชนเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยร้อยเรื่องราวนี้จริงๆ The MATTER จะขออาสาพาทอดน่องในชุมชนแห่งนี้ผ่านตัวหนังสือ
ในย่านนี้มีวัดพุทธสำคัญอย่างวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ตั้งใกล้เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า เป็นที่ตั้งของอุทยานเขามอ ภูเขาจำลองขนาดเล็ก เป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจที่สวยและเขียวกระจ่างตาชนิดที่ถ้าไม่เดินเข้ามาก็ไม่รู้ว่ามีอยู่
ถัดออกไปเลียบทางเดินริมแม่น้ำราวครึ่งกิโลเมตร อีกวัดที่มีชื่อเสียงอย่างวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหนึ่งเหนื่อย มีของดีคือระฆังชิ้นที่ใหญ่ที่สุดของไทย
แต่เพราะความผสมผสานของวัฒนธรรม ไฮไลต์ของชุมชนกุฎีจีนจึงเป็นโบสถ์ซางตราครู้ส (หรืออีกชื่อ วัดกุฎีจีน) เป็นโบสถ์นิกายคาทอลิก สร้างด้วยศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และก่ออิฐแรกเมื่อ 164 ปีก่อน ผ่านแดด ผ่านลม ผ่านสงคราม อยู่คู่กับชุมชนพหุวัฒนธรรมแห่งนี้ไม่เคยไปไหน
แม้ปกติจะไม่เปิดให้เข้าชมด้านใน แต่อาจจะเพราะวันนี้เราก้าวขาซ้ายออกจากบ้าน จึงมีโอกาสได้เข้าไปนั่งในศาลาทรงวิคตอเรียเงียบๆ ชมกระจกสีประดับหน้าต่างระยับตา เป็นโอกาสที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ
ชาวจีนได้รับการต้อนรับเป็นสมาชิกชุมชนเก่าแก่ริมเจ้าพระยาฝั่งธนอย่างกลมกลืน หลักฐานปรากฏเป็นศาลเจ้าเกียนอันเกง ศาลเจ้ากวนอูที่เก่าแก่ที่สุดในไทย ที่ตั้งตรงกลางระหว่างวัดกัลยาฯ และโบสถ์ซางตาครู้ส
ไม่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีไหน แต่ว่ากันว่าชาวฮกเกี้ยนที่ตามเสด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นผู้สร้าง ปัจจุบันองค์กวนอูถูกย้ายออกไป ทำให้ตอนนี้ศาลเจ้าแห่งนี้มีเจ้าแม่กวนอิมเป็นองค์ประธาน
สีที่ลอกร่น และภาพสลักนูนดำที่ไม่ชัดเจน บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของที่แห่งนี้ วันที่เราไปเยือนประจวบเหมาะกับคณะบูรณะเข้ามาทำงานพอดี เราจึงได้เห็นการบูรณะภาพฝาผนังด้วยวิธีดั้งเดิม ด้วยตาของตัวเองอย่างใกล้ชิด
คลังความทรงจำของกุฎีจีนถูกเก็บไว้ ณ บ้านคณบดีเก่าหลังนี้ ของ ฉัตรชัย และนาวินี พงศ์ไทย (ทรรทรานนท์) ที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำชุมชนโปรตุเกสตั้งแต่พ.ศ.2560 เป็นต้นมา บรรจุคอลเล็กชันเรื่องราวล้ำค่าตั้งแต่สมัยอยุธยาเอาไว้ ไม่ให้หายไปไหน
ข้าวของเครื่องใช้ โครงบ้านเรือน และเสียงเอี๊ยดอ๊าดยามขึ้นบันไดไม้จากใต้ถุน กระซิบบอกเล่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ส่วนร่องรอยเก่าแก่ที่บอกถึงประวัติศาสตร์และความเจ็บปวดนั้น คือรอยกระสุนที่เจาะผ่านผนังและตู้กระจกสมัยกบฏแมนฮัตตัน
เลาะออกมาในซอยแคบๆ สไตล์ชุมชนเก่า เราแว้บเข้าไปที่กุฎีจีนซอย 3 เพื่อแวะร้านขนมฝรั่งหลานแม่เป้า ของอร่อยประจำชุมชน ขนมฝรั่งกุฎีจีนสืบทอดสูตรมาจากชาวโปรตุเกสที่ย้ายเข้ามา ที่ร้านหลานแม่เป้า ก็ส่งต่อความอร่อยต่อเนื่องมาห้ารุ่น
ก้อนขนมสีเหลืองทองในถ้อยกระดาษ เกิดจากกรรมวิธีอบแบบดั้งเดิม ในถังทรงสูงขนาดใหญ่ ด้านล่างรองด้วยกรวดที่เผาไฟจนร้อน ก่อนนำขนมลงไปอบ พร้อมปิดฝาถัง และใช้ถ่านที่ร้อนจนแดงเผาด้านบน จนได้ขนมที่รสชาตินวล กรอบนอก นุ่มใน แบบที่เตาอบไฟฟ้าให้ไม่ได้
รองท้องด้วยขนมเรียบร้อยแล้ว ก่อนเราจะปิดมื้อดึกที่ดุสิต สวีท โฮเทล ราชดำริ ด้วยมื้อเชฟเทเบิล ‘Local Aroi’ ด้วยความเชื่อว่าอาหารชุมชนนั้น เต็มไปด้วยความอบอุ่นและสตอรี่ที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบลึกไปจนถึงจานที่เป็นภาชนะรองรับ
Local Aroi จึงนำอาหารชุมชน ที่ปรุงโดยฝีมือคนในชุมชนขนานแท้ ร่วมทำงานกับเชฟมืออาชีพ นำเสิร์ฟบนจานอย่างสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มรสชาติและมูลค่า
หลายเมนูแค่ชื่อก็น้ำลายสอ ไม่ว่าจะเป็น ‘ทอดมันอย่างโปรตุเกส’ ทอดมันปลากรายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนู salt cod fish cake ของโปรตุเกส ทอดมันปลากรายตีจนเนื้อเด้ง ด้านบนวางด้วยแผ่นคุกกี้โหระพา ผักดอง ดอกไม้กินได้ และเจลลี่น้ำอาจาด
หรือ ‘เคล้าเครื่อง เคล้ารส’ หมูแซนโมถูกปรับเป็น Roulade สอดไส้ด้วยมันหมูหั่นเป็นเส้นตามแบบต้นฉบับ แต่ปรับทำเป็นเบค่อนผสมกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โรลด้วบเบค่อนเพิ่มเนื้อสัมผัส ทานคู่กับซอสแซนโม
จบวันด้วยการค้นพบ hidden gem เม็ดสุดท้ายบนโต๊ะอาหาร