ในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2020 อาจจะเป็นปีที่ค่อนข้างหงอยเหงาสักหน่อยสำหรับสื่อบันเทิงทั้งกลุ่มภาพยนตร์และซีรีส์ เพราะหลายพื้นที่ทั่วโลก อยู่ในสภาวะล็อกดาวน์และหน่วยงานรัฐของประเทศต่างๆ ก็สนับสนุนการให้ประชาชนของตนเองหยุดอยู่บ้านมากขึ้น เลยทำให้กองถ่ายเกือบจะทั้งโลกหยุดถ่ายทำผลงานโดยปริยาย
กระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าข่าวคราวในอุตสาหกรรมบันเทิงจะเงียบเหงาไปโดยสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งเพราะมีซีรีส์หลายเรื่องที่ถ่ายทำเสร็จสิ้น ทั้งยังอยู่ในสภาพพร้อมฉาย และการเจรจาเพื่อซื้อสิทธิ์การสร้างก็ยังคงดำเนินการได้อยู่ผ่านการประชุมออนไลน์ เราเลยอยากจะพูดถึงเรื่องของซีรีส์คนแสดงที่เคยเป็นภาพยนตร์มาก่อน ซึ่งบางเรื่องก็มีที่มาที่ไปน่าสนใจ และเราก็ขออนุญาตหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังกันในคราวนี้ครับ
Snowpiercer จากภาพยนตร์ Snowpiercer
‘Snowpiercer’ เล่าเรื่องของโลกในอนาคตที่อุณหภูมิทั่วโลกลดลงอย่างหนักจนกลายเป็นยุคเยือกแข็ง และมีผู้คนจำนวนหนึ่งได้อาศัยอยู่บนรถไฟที่เดินทางผ่านรางที่ถูกสร้างไว้ทั่วโลก ตัวต้นฉบับดั้งเดิมนั้นเป็นหนังสือการ์ตูนจากฝรั่งเศส Le Transperceneige ที่เขียนภาพโดย ฌ็อง มาร์ค โรเช็ตต์ (Jean-Marc Rochette) และมี ฌาคส์ ล็อบ ฌาคส์ (Jacques Lob Jacques), เบนจามิน เลอแกรนด์ (Benjamin Legrand) ร่วมแต่ง เนื้อหาของฉบับการ์ตูนวิพากษ์ทั้งเรื่องระบบนิเวศของโลกที่โดนทำลายกับเรื่องชนชั้นที่ทำให้เกิดการแบ่งแยก
แต่หลายคนจะจดจำ Snowpiercer ได้จากภาพยนตร์ที่กำกับโดย บง จุน โฮ (Bong Joon-Ho) ผู้กำกับที่ถนัดวิพากษ์เรื่องความแตกต่างของชนชั้น และตัวภาพยนตร์จะโฟกัสปัญหาของชนชั้นมากยิ่งขึ้น มีการปรับเปลี่ยนตัวละคร แปลงเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น รวมถึงมีการใส่นัยยะของผู้กำกับที่ชัดเจนขึ้น จนทำให้ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้เป็นที่สนใจจากผู้ชมทั่วโลกก่อนที่ Parasite จะคว้ารางวัลออสการ์ได้
ด้วยความที่ภาพยนตร์ก็มีชื่อทั้งยังมีตัวเนื้อหาที่ยังไม่ได้หยิบไปใช้อีกมาก เลยมีข่าวตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.2015 ว่าได้มีการซื้อสิทธิ์ดัดแปลงภาพยนตร์ Snowpiercer และมี Bong Joon-Ho นั่งเก้าอี้อำนวยการสร้าง จากนั้นการสร้างซีรีส์ก็ติดอยู่ในช่วงพัฒนาบทจนกระทั่งเริ่มมีการถ่ายทำตอนตัวอย่างในปี ค.ศ.2017 และสถานีโทรทัศน์ TNT เข้ามายืนยันการซื้อรายการไปฉายในช่องในช่วงปี ค.ศ.2018 ก่อนที่จะมีการพัฒนาบทเพิ่มและถ่ายทำจริงในช่วงปี ค.ศ.2018-2019
ณ วันที่เขียนบทความนี้ตัวซีรีส์ออกอากาศไปเพียงหนึ่งตอนและมีความเห็นที่ค่อนข้างผสมกัน โดยฝั่งหนึ่งชื่นชมในพล็อตที่ยอมรีบู๊ตเนื้อหาจากภาพยนตร์แล้วโฟกัสเรื่องราวไซไฟมากขึ้น แต่อีกส่วนก็รู้สึกแปลกกับทิศทางที่เดินไปใหม่พอสมควร อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ถูกประกาศสร้างซีซั่นที่สองไปเรียบร้อย ดังนั้นการเดินทางของรถด่วนทะล่วงน้ำแข็งน่าจะมีให้ติดตามกันยาวๆ กันอีกระยะหนึ่ง
Parasite จากภาพยนตร์ Parasite
ภาพยนตร์ของผู้กำกับ Bong Joon-Ho ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ในหลายสาขา รวมถึงรางวัลระดับนานาชาติอีกหลายต่อหลายรางวัล จึงไม่แปลกนักที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความสนใจในการถูกสร้างใหม่ แต่เมื่อตัวหนังต้นฉบับ ความจริงแล้วน่าจะกินเวลานานกว่าที่จะเกิดผลลัพธ์อย่างที่ลงเอยในฉบับภาพยนตร์ ทาง HBO ที่ซื้อสิทธิ์การสร้างจึงตัดสินใจสร้างซีรีส์ให้เป็นเรื่องราวภาคขยาย ที่จะเล่าเรื่องในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์
ตัวซีรีส์จะได้ Bong-Jun Ho มาช่วยดูแลการผลิต และร่วมนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้างร่วมกับ อดัม แม็คเคย์ (Adam McKay) ผู้กำกับภาพยนตร์ Vice กับ The Big Short แม้ว่าในเวลานี้ตัวซีรีส์ยังอยู่ในช่วงต้นของการสร้าง ก็มีข่าวลือออกมาว่ากำลังมีการทาบทาม มาร์ค รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) กับ ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) (ซึ่งเคยเล่นภาพยนตร์ Snowpiercer ของ BongJoon-Ho) ให้มารับบทนำของตัวซีรีส์ แต่คงต้องรอกันอีกระยะว่าที่จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าตัวซีรีส์จะพร้อมถ่ายทำและออกฉายเมื่อไหร่
The Continental จากภาพยนตร์ John Wick
‘John Wick’ เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นที่บุกเข้ามาสู่ใจของผู้ชมอย่างรวดเร็ว และด้วยความที่ตัวเรื่องมีการพูดถึงสังคมนักฆ่าที่มี กฎ กติกา มารยาท รวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ที่เหล่ามือสังหารสามารถรับบริการได้ ไหนจะมีสัญญาเลือดที่ผูกมัดนักฆ่าที่ทำสัญญาไว้อีก
เพราะเรื่องราวภายในจักรวาลภาพยนตร์ John Wick นั้นดูมีสีสันจัดจ้าน เลยมีไอเดียบรรเจิดเตลิดไปจนมีการประกาศสร้างทีวีซีรีส์ให้อยู่ในจักรวาลหนังเสียเลย และนั่นจึงทำให้ ‘The Continental’ เป็นแผนงานจริงจังขึ้นมา
แผนงานสร้าง The Continental มีการระบุตามข่าวว่าเกิดขึ้นหลังจากที่ภาพยนตร์ ‘John Wick 2’ แสดงให้เห็นว่า ภาคีนักฆ่าในเรื่องนั้นมีอำนาจมากขนาดไหน และแผนงานก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ตัว แชด สตาเฮลกี้ (Chad Stahelski) กับ เดวิด ลีทช์ (David Leitch) ผู้กำกับของภาพยนตร์ John Wick ก็ได้ออกมาเผยข้อมูลว่า ตัวเรื่องราวของซีรีส์จะเป็นเนื้อเรื่องก่อนภาพยนตร์ John Wick และบอกเล่าเรื่องของแขกที่มาใช้บริการของโรงแรม The Continental ซึ่งสองทีมงานจากภาพยนตร์ภาคหลักได้ระบุว่า คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ที่รับบทเป็น John Wick จะมาเป็นแขกรับเชิญในตัวซีรีส์ด้วย
ตัวซีรีส์เดิมทีมีกำหนดฉายโดยคร่าวหลังจากการฉายภาพยนตร์ John Wick 4 แต่หลังจากที่ภาพยนตร์เลื่อนฉายไปช่วงวันที่ 27 พฤษภาคม ปี 2022 ซีรีส์อาจจะมาฉายก่อนกำหนดเวลาเดิมก็เป็นได้นะ
The Vampire Chronicles จาก Interview with the Vampire / The Queen of the Damned
Lestat de Lioncourt เป็นชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีบลอนด์หยักศก พร้อมกับใบหน้างดงามที่ใครเห็นก็ต้องสะดุดใจ เขามีความสามารถมากมาย ทั้งการเป็นนักแสดง, นักดนตรี ทั้งยังเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาแต่ก็ยังดูน่ารับฟังอยู่ดี และมีทั้งบุรุษและสตรีเคยตกอยู่ในห้วงรักกับเขาคนนั้น และที่สำคัญเขาเป็นแวมไพร์ ที่ควรจะปกปิดสถานะตัวเองแต่กลับเลือกที่จะแสดงตัวตนต่อหน้าสาธารณชน หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับตัวละคร Lestat จากภาพยนตร์ ‘Interview With The Vampire’ ที่ได้ ทอม ครูซ (Tom Cruise) เป็นนักแสดงที่รับบทแวมไพร์รูปงาม ก่อนที่ สจ๊วต ทาวน์เซ็นด์ (Stuart Townsend) จะมารับบทในภาพยนตร์ Queef Of The Damned
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าตัวนิยายชุด The Vampire Chronicles ซึ่งเป็นบทต้นฉบับของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนั้นมีนิยายทั้งหมด 13 เล่ม ยังไม่รวมที่ไปครอสโอเวอร์กับนิยายเรื่อง Lives of the Mayfair Witches เพราะฉะนั้นการดัดแปลงเนื้อหาที่ยาวนานขนาดนี้จึงเหมาะกับการทำเป็นซีรีส์คนแสดงมากกว่า
เดิมทีแล้วทาง Hulu เคยได้รับสิทธิ์ในการสร้างซีรีส์ แต่สุดท้ายในช่วงปลายปี ค.ศ.2019 Hulu ก็พัฒนาซีรีส์ไม่ทัน สิทธิ์จึงกลับมาสู่ แอนน์ ไรซ์ (Anne Rice) ผู้เขียนนิยาย ก่อนที่ทาง AMC จะประกาศว่าได้รับสิทธิ์การสร้างซีรีส์และฉบับภาพยนตร์จากนิยายชุด The Vampire Chronicles และ Lives of the Mayfair Witches
แต่จากคำสัมภาษณ์ของแอนน์ ณ เวลานี้ ค่อนข้างจะชัดเจนว่าตัว The Vampire Chronicles จะเป็นฉบับซีรีส์ ที่ โรลิน โจนส์ (Rolin Jones) ผู้เขียนบทของ Boardwalk Empire มาร่วมงาน และตัวแอนน์กับลูกชายของเธอ คริสโตเฟอร์ ไรซ์ (Christopher Rice) จะรับหน้าที่อำนวยการสร้าง และยังไม่มีการระบุว่า การถ่ายทำจะเริ่มต้นเมื่อใด
The Lord of the Rings จากภาพยนตร์ The Lord of the Rings
มหากาพย์ศึกพันธมิตรแห่งแหวน เคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วก็จริง แต่เรื่องราวในภาพยนตร์ก็มีการย่นย่อไปบ้าง และก็มีข่าวว่าทาง Amazon จะนำเอานิยายชุดดังกล่าวมาสร้างเป็นซีรีส์ รายละเอียดที่พอจะมีให้เห็นในตอนนี้ก็คือ ตัวซีรีส์จะย้อนไปเล่าเรื่องก่อนฉบับภาพยนตร์เล็กน้อย โดยจะเป็นเรื่องราวที่เกิดในยุคที่สองของมัชฌิมโลก ยุคสมัยที่เซารอนพยายามสร้างเอกธํามรงค์อันทรงพลัง หรือราว 2,000 ปีก่อนเรื่องในภาพยนตร์นั่นเอง
ซีรีส์ ‘The Lord of the Rings’ ก็จะจัดเต็มทั้งทุนสร้างจำนวนมากเพื่อให้ฉากอลังการ รวมถึงกำหนดการฉายอย่างน้อย 5 ซีซั่น โดยมีการถ่ายทำซีซั่นแรกเสร็จสิ้นไปแล้ว และหนึ่งในทีมงานอย่าง ทอม ชิปปี้ (Tom Shippey) นักวิชาการด้าน Tolkein และ The Lord of the Rings ก็ได้เผยรายละเอียดว่าซีรีส์ซีซั่นแรกจะมีจำนวน 20 ตอน และการถ่ายทำจะเกิดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์เช่นเดียวกันกับฉบับภาพยนตร์
แม้ว่าจะมีข้อมูลด้านอื่นๆ มาเยอะขนาดนี้ แต่กลับไม่มีรายละเอียดของนักแสดงเท่าใดมากนัก นอกจากข้อมูลที่ว่า นักแสดงหญิง มาร์เคลล่า คาวาน่าห์ (Markella Kavenagh) จะรับบท Tyra กับ มอร์ฟิดด์ คลาร์ก (Morfydd Clark) จะรับบท Galadriel ในวัยสาว และมีรายชื่อนักแสดงคนอื่นๆ อีกแต่ยังไม่มีข้อมูลแจ้งว่าใครจะรับบทใดและโดดเด่นขนาดไหน
และด้วยสเกลการถ่ายขนาดใหญ่ผสมกับผลพวงจากไวรัส COVID-19 ทำให้ตอนนี้กองถ่ายซีรีส์ชุดนี้หยุดพักการถ่ายทำกันอยู่ แต่เมื่อสถานการณ์สงบลงก็น่าจะมีการกลับมาถ่ายอย่างดุเดือดกันต่ออีกครั้ง
Chucky จากภาพยนตร์ Child’s Play
ส่วนนี้อาจจะฟังดูงงๆ สักหน่อย เพราะภาพยนตร์ ‘Child’s Play’ ที่มีตุ๊กตานักฆ่า Chucky เป็นตัวละครเด่น ก็เพิ่งจะมีฉบับรีบู๊ตไปในปี ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา แถมดูไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหนังภาคเก่าเท่าใดนัก
เรื่องนี้เป็นผลพวงจากการที่สิทธิ์ของภาพยนตร์ภาคแรกสุดอยู่กับทางค่ายหนัง MGM และทางค่ายหนังก็เคยชักชวนให้ ดอน มันชินี (Don Mancini) และ เดวิด เคิร์สเนอร์ (David Kirschner) ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Child’s Play และผู้สร้างตุ๊กตา Chucky ซึ่งเป็นเจ้าของไอเดียดั้งเดิมของหนังมาร่วมอำนวยการสร้าง แต่ทางทีมผู้สร้างชุดเดิมขอปฏิเสธเพราะพวกเขามองว่าพวกเขาร่วมมือกันขยายจักรวาลของตุ๊กตา Chucky ไปถึง 7 ภาคแล้ว และสุดท้ายทีมผู้สร้างชุดเดิมจึงอยากจะดำเนินเรื่องต่อจากหนัง Cult of Chucky ด้วยการเดินเรื่องต่อในฉบับซีรีส์นั่นเอง
และเนื่องจากเป็นเนื้อหาต่อจากภาพยนตร์ภาคที่ 7 ที่มีทีมผู้สร้างดั้งเดิมเกี่ยวข้องทำให้ซีรีส์ที่มีกำหนดฉายในปี ค.ศ.2020 จะยังใช้บริการของ แบรด เดอร์ริฟ (Brad Dourif) มาพากย์เสียง Chucky ที่คนดูจดจำได้ดีกันเหมือนเดิม ส่วนเนื้อเรื่องนั้นนอกจากที่จะเดินเรื่องต่อจาก Cult of Cuhky แล้ว จะมีการเปิดเผยอดีตของตัว Charles Lee Ray หรือวิญญาณของฆาตกรที่สิ่งสู่ในตุ๊กตา Chucky ด้วย ใครที่ติดตามหนังเรื่องนี้กันมานาน ก็น่าจะต้องมาตามติดการไล่ฆ่าในซีรีส์กันต่อด้วยล่ะ
ส่วนตัวชื่อของซีรีส์ เคยมีการประกาศว่าจะใช้ชื่อ Child’s Play The TV Series แต่ในข่าวช่วงหลังมีการใช้ชื่อว่า ‘Chucky’ ออกสื่อมากขึ้นคาดว่าเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับตัวภาพยนตร์รีบู๊ตนั่นเอง
True Lies จาก True Lies
True Lies เป็นกาพยนตร์แนวแอ็กชั่นล้อเลียนหนังแอ็กชั่นสายลับเรื่องอื่นๆ ที่ออกฉายในปี ค.ศ.1994 โดยมี เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) กำกับและเขียนบท ซึ่งตัวหนังฮอลลีวูดเป็นการนำเอาโครงเรื่องของหนังเรื่องจากฝรั่งเศส ‘La Totale!’ ที่ล้อเลียนหนังแนวสายลับเป็นหลัก มาใส่พล็อตเพิ่มเติม กับจัดฉากแอ็กชั่นให้ระเบิดตูมตาม เพื่อตบมุกให้โฉ่งฉ่างแบบขั้นสุด รวมถึงฉบับหนังมีดารารุ่นใหญ่อย่าง อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) กับ เจมี่ ลี เคอร์ทิส (Jamie Lee Curtis) มารับบทนำในเรื่อง จึงทำให้หลายคนจดจำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดี
ถ้าย้อนไป ณ ช่วงที่หนังฉายใหม่ๆ ก็มีคนหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกสร้างภาคต่อ ไม่ก็สร้างซีรีส์ขึ้นมา และก็เคยมีข่าวว่า James Cameron ก็เคยพยายามสร้างซีรีส์อยู่ครั้งหนึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ 9-11 ที่ทำให้ James Cameron คิดว่า เรื่องราวของโจรก่อการร้ายไม่น่านำมาล้อเล่นอีกต่อไป แม้ว่าทาง Fox จะพยายามรับช่วงสร้างซีรีส์ต่อในปี ค.ศ.2017 แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไปตามกาลเวลา
จนกระทั่งช่วงเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2020 McG ผู้กำกับภาพยนตร์ ‘Charlie’s Angels’ ฉบับปี ค.ศ.2000 และ The Babysitter ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขากำลังอยู่ในช่วงเขียนบทให้กับ True Lies ฉบับซีรีส์ ทั้งยังได้พูดคุยกับ James Cameron แล้ว โดยตัว McG ระบุว่าซีรีส์จะเป็นการรีบู๊ตเนื้อเรื่องใหม่หมด และจะเป็นซีรีส์ที่ฉายทาง Disney+
ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับซีรีส์ แต่ทาง McG ก็เปรยๆ ไว้ว่า “ผมมีความรู้สึกว่า การเชิญ Schwarzenegger มาเป็นแขกรับเชิญอาจจะยากสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดล่ะ”
อ้างอิงข้อมูลจาก