สิ่งหนึ่งที่เกาหลีใต้ขึ้นชื่อเรื่องทำถึงนั่นคือ ซีรีส์ทางการแพทย์ ที่มัดใจด้วยวิธีการเล่าชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์อย่างสมจริง ไม่เว้นกระทั่งซิกเนเจอร์ขอบตาดำคล้ำที่อธิบายภาระงานล้นมือโดยไม่ต้องปริปาก
แล้วความเป็นจริงก็อาจจะยิ่งกว่าซีรีส์ เมื่อกลุ่มนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดในเกาหลีใต้ต้องทำงานถึง 80-100 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ หรือบางวันก็ต้องทำงานมากถึง 20 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว
นั่นเป็นชนวนหนึ่งของวิกฤตครั้งใหม่ที่กลุ่มแพทย์ฝึกหัดมากกว่า 8,000 คน หรือกว่า 70% ของประเทศเกาหลีใต้แห่กันลาออก เพื่อประท้วงแผนเพิ่มจำนวนนักศึกษาแพทย์ของรัฐบาล The MATTER จึงถือโอกาสนี้รวบรวมคาแรกเตอร์ชาวแก๊งนอนน้อยในซีรีส์เกาหลี ที่โผล่มาให้เห็นทีไรก็ได้แต่เอ็นดู และอยากให้พวกเขาได้นอนเสียที
1
Hospital Playlist — คู่แฝดยุนบกฮงโด
นอกจากความยอดเยี่ยมของบท และการรวมนักแสดงตัวท็อปที่มารับบทเหล่าอาจารย์หมอ จะพาให้ซีรีส์ Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ เรตติ้งกระฉูดจนผู้กำกับต้องใจอ่อนทำต่อซีซั่น 2
เหตุผลอีกประการที่ตกคอซีรีส์ไม่ได้พัก คงหนีไม่พ้นการแสดงที่สมบทบาทของบรรดานักแสดงสมทบที่แย่งซีนได้ตลอด และหนึ่งในนั้นคือ คู่แฝดยุนบกฮงโด นักศึกษาแพทย์ฝึกงานที่ใครเห็นก็ต่างตกหลุมรัก และเอาใจช่วยให้พวกเขาเติบโตไปเป็นหมอที่น่านับถือ
ถึงจะเป็นฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน แต่พวกเขาก็มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว จางฮงโด แฝดชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโก๊ะ ผู้เห็นหน้าอาจารย์หมอทีไรก็มีแต่อยากจะหายตัวหนี เพราะกลัวจะถูกทดสอบเชาว์ปัญญา ขณะที่แฝดหญิงอย่าง จางยุนบก กลับมั่นใจและเฉลียวฉลาดเป็นที่สุด
ทว่าจุดเชื่อมโยงที่แฝดคู่นี้มีเหมือนกันคือ การขึ้นชื่อว่า ‘อินเทิร์น’ พวกเขาย่อมต้องการโอกาสในการพัฒนา เช่น ฉากที่ยุนบกต้องเปลี่ยนท่อช่วยหายใจให้คนไข้ แต่กลับลืมถอดสายเส้นเดิมออกก่อน แต่นับว่ายังโชคดีที่คนไข้เข้าอกเข้าใจดี เพราะก็มีลูกสาวในวัยฝึกงานเช่นกัน เธอจึงได้รับเพียงคำตักเตือนพอให้สะดุ้ง
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากทักษะที่เพิ่มขึ้นจากการฝึกฝนแล้ว ดูเหมือนรอยคล้ำรอบดวงตา ผมเผ้ามันแผล็บ และต่อมความโกรธที่สะกิดนิดเดียวก็พร้อมบวกของทั้งคู่นั้นได้เพิ่มขึ้นตามวันเวลาเช่นกัน ด้วยเหตุที่ภาระหน้าที่ล้นหลามจนลืมวันลืมคืนกำลังสูบพลังความสดใสของพวกเขาทีละนิด แต่แล้วบทสนทนาที่ผู้กำกับนำมาขัดจังหวะไม่ให้ผู้ชมอ่อนแรงตามจนเกินไปก็ชวนขันไม่น้อย
“บางครั้งอาจารย์หมอก็ลืมการบ้านที่ให้มาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทำเท่าที่ทำได้…เป็นแพทย์อินเทิร์นอยู่ ไม่โดนดุจนหน้าชาหรอก” คำพูดปลอบใจของรุ่นพี่ที่นอนน้อยยิ่งกว่าพร้อมกาแฟแก้วกระดาษ เล่นเอายุนบกเคลิบเคลิ้ม จนรุ่นพี่อีกคนหนึ่งถึงกับต้องช่วยเหยียบเบรกเตือนสติว่า “ตอนเป็นอินเทิร์น แค่รุ่นพี่เอาหลอดเจาะนมเปรี้ยวให้ก็แอบปิ๊งได้แล้ว มันเพราะเธอกำลังเหนื่อย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวต่างหาก” นั่นถึงทำให้เธอตั้งสติได้อีกครั้ง แต่อย่างไรเสียยุนบกก็คงต้องสู้กับอารมณ์ซาบซึ้งอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ
2
Doctor Cha — ชาจองซุก
ชีวิตที่เพิ่งผ่านความเป็นความตายจากการผ่าตัดปลูกถ่ายตับมาหมาดๆ จึงเป็นบทเรียนไม่ให้รั้งรอต่อไปแล้ว สำหรับ ชาจองซุก อดีตนักศึกษาแพทย์ที่ร้างโรงพยาบาลไปนาน ก่อนจะตัดสินใจเข้าสอบเป็นแพทย์ประจำบ้านด้วยคะแนนสูงลิ่ว แต่ด้วยประสบการณ์แม่บ้านกว่า 20 ปี ก็กลายเป็นประวัติพ่วงท้ายพร้อมอายุที่ปาเข้าไป 46 ปี เส้นทางการเป็นหมอจึงไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่ต้น
“คุณอาจไม่ลำบากอะไรมากในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ระหว่างการฝึกอบรม จำเป็นต้องใช้พลังงานทั้งทางจิตใจและร่างกาย ตอนนี้น่าจะทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่ด้วย ถ้าติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง” คำถามหลั่งไหลมาไม่หยุดในระหว่างการสัมภาษณ์งาน แต่จนแล้วจนรอดจองซุกก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง
ที่ใครต่างก็บอกว่าอย่าดูถูกมนุษย์แม่ดูจะไม่เกินจริง เพราะจองซุกได้ใช้จุดแข็งของความใส่ใจ ความรอบคอบ และความอดทนเป็นที่หนึ่ง จนเริ่มเป็นที่ยอมรับของคนไข้และบรรดาเพื่อนร่วมงาน แต่นั่นเองเมื่อเป็นที่ไว้วางใจสิ่งที่ตามมาก็คือ ภาระงานที่ล้นเหลือจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน กะดึกควงเวรต่อยันเช้าก็กลายเป็นเรื่องปกติ
บ่อยครั้งเข้าจนจองซุกเริ่มละเลยการทานยากดภูมิคุ้มกันที่ขาดไม่ได้ ผนวกกับความเครียดจากชีวิตส่วนตัว ผลลัพธ์จึงไปตกกับร่างกายที่ต้องส่งสัญญาณเตือน “ฉันยุ่งๆ จนเผลอลืมกินไปบ้าง”
พูดต่อให้ปวดใจหน่อย ดูเหมือนคนเป็นหมอจะไม่ได้อนุญาตให้ป่วยตามอำเภอใจ เพราะขนาดจะเข้าแอดมิดเพื่อเตรียมผ่าตัดปลูกถ่ายตับอีกครั้ง ก็ยังต้องรอส่งมอบงานให้เสร็จก่อน
อย่างไรก็ดี ด้วยฝีมือแพทย์ผนวกโชคชะตาจึงเอื้ออำนวยให้การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี จนจองซุกได้รับโอกาสให้ปรับเปลี่ยนชีวิตการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเองอีกครั้ง เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวันอย่างที่เธอปรารถนามาตลอด
3
Doctors — ชเวคังซู
ซีรีส์ดราม่าโรแมนติกทางการแพทย์ ที่ตัวละครในเรื่องดูไม่มีเวลาว่างจะได้โรแมนติกตามนิยามของผู้สร้างเอาเสียเลย
“ไอโง่ ทำเรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ” คำพูดดุด่ากลายเป็นฉากเปิดตัวของ ชเวคังซู หมอหนุ่มหัวส้มที่นัยน์ตาดูเหม่อลอยเล็กๆ แต่คอยวิ่งวุ่นจัดการทุกคำสั่ง เป็นอีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่เรากำลังสนใจ
“ต่อให้ไม่ช่วยพี่ทำวิทยานิพนธ์ ผมก็งานล้นมืออยู่แล้ว” แม้จะมีบุคลิกที่ดูเหมือนไม่ยอมใครง่ายๆ แต่เมื่ออยู่ในสถานะแพทย์ศัลยกรรมรุ่นน้อง เขาก็ทำได้เพียงบ่นทีเล่นทีจริง ก่อนจะก้มหน้าทำตามไม่เกี่ยงงอน
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการถ่ายทำซีรีส์ หรือความเก่งกาจของเหล่าเมคอัพอาร์ติสกันแน่ ที่เนรมิตให้คังซูสวมบทบาทหมอนอนน้อยได้แนบเนียนเพิ่มขึ้นในทุกอีพี
ทว่าทั้งที่ใช้เวลามากกว่า 24 ชั่วโมงต่อวันกับการอยู่ในโรงพยาบาล แต่นั่นก็ไม่ได้มีเสี้ยวเวลาไหนที่คังซูจะหันมาใส่ใจความผิดแปลกของร่างกายตัวเองเลย “ผมปวดหัวจะระเบิดละ…ผมหายาอะเซตามิโนเฟน ผมไม่ชอบแม้ตอนปวดนิดหน่อย ผมกินยาแก้ปวดตอนที่เริ่มรู้สึก แล้วก็กินเพิ่มพอมันปวด” ยาแก้ปวดกลายเป็นเพื่อนยามยากของเขา
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น คังซูจึงได้ลองตรวจร่างกายตัวเองจนพบว่า เขามีเนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง แถมยังมีลมชักแบบเหม่อ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการวูบ แถมยังจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหลายครั้ง และแม้เขาจะพยายามปกปิดอาการจากเพื่อนร่วมงานอยู่นาน แต่จู่ๆ ระหว่างโต้เถียงกับรุ่นพี่ คังซูก็เกิดอาการชักจนล้มลงจนเขาไม่อาจปฏิเสธการผ่าตัดได้อีก ทั้งที่กลัวใจจะขาดว่าจะส่งผลกับการเป็นศัลยแพทย์ในอนาคต
นับว่าโชคยังดีที่การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น นี่จึงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับชีวิตเขาทั้งในฐานะหมอและคนไข้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดูแลสุขภาพตัวเอง
4
Dr. Romantic — จางดงฮวา
ทุกเรื่องราวของคนในโรงพยาบาลทลดัมล้วนแต่น่าประทับใจ และเป็นบทเรียนชีวิตให้ใครหลายคนอย่างน่าประหลาด ไม่งั้นซีรีส์ทางการแพทย์เรื่องนี้คงไม่ทำออกมาถูกอกถูกใจผู้ชมจนต่อเนื่องมาถึง 3 ซีซั่น
โดยเฉพาะบรรดาเหล่าอินเทิร์นหน้าใหม่ๆ ที่เปิดตัวมาพร้อมปูมหลังที่ชวนติดตาม หนึ่งในนั้นคือ จางดงฮวา เด็กใหม่ที่มีดีกรีเป็นถึงแพทย์ประจำบ้าน แต่แสบพอตัวจนใครก็ต่างทั้งรักทั้งเกลียด ด้วยการเปิดตัวเป็นหมอที่พร้อมจะอู้อยู่ตลอด แถมมารยาทก็ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีก
“ผมแค่ถามอีกรอบให้แน่ใจ คราวนี้ไม่อยากให้หมอพลาด” คำถามปีนเกลียวของเขา ถ้าไม่ใช่เกิดขึ้นในทลดัมก็ไม่รู้จะจบลงแบบไหน
อาจจะด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้เขาปกป้องตัวเองด้วยวิธีไม่น่ารักไปบ้าง แต่อาจารย์หมอคิมก็ยังให้โอกาส พร้อมฟาดผ่านฝีปากเพื่อเบรกความดื้อรั้นไปพอหอมปากหอมคอ
อย่างไรก็ดี ต่อให้ดงฮวาอยากจะชิ่งตอนเข็มนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานแค่ไหน แต่บรรดาคนไข้ฉุกเฉินก็ยังหลั่งไหลเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงจำต้องเรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ รู้ตัวอีกทีทักษะและความเห็นอกเห็นใจคนอื่นของดงฮวาก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ และกลายเป็นหนึ่งในแก๊งนอนน้อยเต็มตัวเสียแล้ว
5
Doctor Slump — นัมฮานึล
ที่ผ่านมาเราหยิบยกมาแต่ตัวละครเด็กน้อยของเรื่อง แต่สำหรับซีรีส์ความยาว 16 ตอนที่ยังออกอากาศไม่จบเรื่องนี้ คงไม่มีคาแรกเตอร์ไหนจะสะท้อนเส้นทางการเป็นหมอได้ดีไปกว่า นัมฮานึล ตัวละครหลักของเรื่อง
สำหรับฮานึลแล้ว ใช่ว่าเธอจะเข้าวงการนอนน้อยตอนที่เริ่มเป็นนักศึกษาแพทย์หรอกนะ แต่ด้วยความฉลาดที่แลกมาด้วยความพยายาม ทั้งการเลือกกินแต่อาหารที่ย่อยง่ายๆ จะได้ไม่ง่วง ไม่ไปเที่ยวหลังเลิกเรียนเพราะกลัวจะติดใจ และจัดเวลาคุยกับเพื่อนร่วมห้องเรียนแค่สั้นๆ ในแต่ละวัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เธอมีเวลาอ่านหนังสือได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
พฤติกรรมของฮานึลต่อให้ใครหาว่าบ้าเกินคน แต่ทั้งหมดก็เพียงเพื่อทำให้พ่อที่นอนป่วยอยู่ภูมิใจ และไม่ทำให้แม่ซึ่งทุ่มเททำงานหนักต้องผิดหวัง จนเธอได้กลายเป็นวิสัญญีแพทย์เต็มตัวอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้หอมหวานเมื่อเทียบกับความทุ่มเทเอาเสียเลย โดยเฉพาะการที่เธอถูกอาจารย์หมอกดขี่ให้คอยช่วยทำงานวิจัย ทั้งยังดูถูกว่าเธอโง่และไม่ดีพอ
“ทำให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม” เสียงด่าทอพร้อมกระดาษที่ปาใส่ฮานึล เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตอบแทนการทำงานหนักกว่า 17 ชั่วโมงต่อวัน
นี่ยังไม่ได้นับรวมการเอาเปรียบในที่ทำงานที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะหมดไฟ จนรู้ตัวอีกทีความเจ็บปวดก็ดูไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แถมอาจจะช่วยให้เธอหลีกห่างความอึดอัดใจที่กำลังเผชิญได้ ฮานึลจึงตระหนักถึงความป่วยใจของตัวเอง จนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะซึมเศร้า
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการรวบรวมความกล้าลาออกจากการเป็นแพทย์ กลับมานั่งกินอาหารบนโต๊ะที่แม่เตรียมไว้ให้ และพักผ่อนอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกเท่าที่เธอจำได้
ซีรีส์ที่ต่างเขียนข้อความกำกับว่าเป็น ‘เรื่องสมมติ’ ถูกอนุมานว่ามาจากเรื่องจริงอย่างเลี่ยงไม่ได้ในสังคม ไม่เว้นแม้แต่สังคมไทย เพราะการลากเวรยาว 100 -120 ชั่วโมงของหมอไทยก็ไม่เคยแพ้ชาติใดในโลก จนไม่รู้ว่าแม้แต่จะคงสภาพแก๊งนอนน้อยให้คงอยู่ก็อาจไม่ทันกาล