นอกจากการติดตามข่าวสารมากมายและหน้าที่การงาน เราทุกคนรู้ดีว่า การนอนหลับเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี แต่การนอนให้เพียงพอ รวมไปถึงการนอนหลับให้ดี หลายครั้งกลับเป็นเรื่องที่เราต้องพยายาม
ประเด็นเรื่องการนอนหลับ นอกจากจะเป็นประเด็นสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลแล้ว ปัญหาเกี่ยวกับการนอนยังกำลังเป็นปัญหาลุกลามในระดับโลก การนอนไม่หลับและปัญหาการนอนไม่เพียงพอ นำไปสู่ปัญหาสุขภาพอย่างกว้างขวาง เกิดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ปัญหาระบบหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลต่อการทำงานของสมอง เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ไปจนถึงก่อให้เกิดปัญหาจากการขับขี่และอุบัติเหตุในที่ทำงาน
เวลาเราพูดถึงเรื่องการนอนไม่หลับหรือการนอนน้อย แน่นอนว่าเรามักชี้ปัญหาไปที่วิถีชีวิตสมัยใหม่ คืออาการติดหน้าจอ แสงจากโทรศัพท์มือถืออาจส่งผลรบกวนต่อระบบนาฬิกาชีวภาพ แต่การนอนของเราเองก็อาจสัมพันธ์กับพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อพื้นที่เมืองเป็นพื้นที่ที่ไม่วันหลับ อาจรวมถึงผู้อยู่อาศัยแบบเราด้วย เพราะเมืองเป็นพื้นที่ที่สว่างไสว เต็มไปด้วยเสียง และภัยล่าสุดที่กำลังรบกวนการนอนของเราก็คือ อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น

เมืองไม่หลับ คนไม่นอน
แน่นอนว่าคุณภาพการนอนหลับสัมพันธ์โดยตรงกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ พื้นที่เมืองเป็นพื้นที่ที่ประกอบไปด้วยเงื่อนไขซึ่งมีแนวโน้มจะรบกวนการนอนของเรา ที่สำคัญคือ แสง เสียง และอุณหภูมิ โดยทั่วไปปัญหาการนอนหลับในพื้นที่เมือง หรือพื้นที่ที่มีการพัฒนา เรามักมองไปที่ปัญหามลภาวะทางแสง (light pollution) ซึ่งมีงานศึกษาพบว่า หากยิ่งมีเสียงจากอุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ของเรามาก ทั้งในพื้นที่บ้านและนอกบ้าน ยิ่งรบกวนคุณภาพการนอนหลับของเรามากเท่านั้น แสงที่เราสร้างขึ้นเหล่านี้ทำให้นาฬิกาชีวภาพของเราสับสน
นอกจากแสงแล้ว เสียงรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงการจราจร และเสียงรบกวนจากพื้นที่เมืองที่เราได้ยินได้ด้วยหู หรือรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ เช่น ผลกระทบจากพื้นที่ใกล้สนามบิน เสียงรบกวนและคลื่นความถี่เหล่านี้ล้วนกระทบต่อการนอนหลับของเราทั้งสิ้น
หนึ่งข้อสังเกตสำคัญในมิติเรื่องการนอนหลับในพื้นที่เมือง คือผลกระทบต่อสุขภาพซึ่งสัมพันธ์กับพื้นที่กายภาพที่ผู้คนอาศัย โดยมีนัยทางการเมืองอย่างเรื่องความเหลื่อมล้ำด้วย งานศึกษามักพบปัญหาการนอนหลับในย่านหรือพื้นที่ชุมชนกลุ่มเปราะบาง (กลุ่มผู้มีรายได้น้อย) มีระดับการศึกษาไม่สูง หรือมีเงื่อนไขเปราะบางอื่นๆ ว่ามีแนวโน้มจะมีปัญหาการนอนหลับ เนื่องจากอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ถูกรบกวน พูดอย่างเรียบง่ายคือชุมชนเหล่านี้มักตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหารบกวนต่างๆ มากกว่าพื้นที่อยู่อาศัยที่มีรายได้สูงกว่า

เรื่องการนอนยังสัมพันธ์กับเงื่อนไขของอุณหภูมิที่สูงขึ้น คนไทยแบบเราน่าจะเข้าใจดีในเรื่องหน้าร้อนที่อากาศร้อนจนทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าถึงเครื่องปรับอากาศ ก็เป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับความเหลื่อมล้ำอยู่ดี
ภัยสำคัญของความร้อน คือภาวะอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงกลางคืนที่เพิ่มสูงขึ้น (nighttime temperatures) ค่ำคืนที่ร้อนขึ้นกำลังเป็นภัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนทั่วโลก ปัญหาเรื่องกลางคืนร้อนสัมพันธ์กับหลายมิติ ทั้งความเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิอากาศ และลักษณะทางกายภาพของเมือง เช่น วัสดุ ลักษณะอาคารสูง ทำให้พื้นที่เมืองกับความร้อนเกิดขึ้นไวมากในตอนกลางวัน และไม่สามารถคายความร้อนได้ในเวลากลางคืน ภาวะเกาะความร้อน (urban heat effect) จึงเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับความร้อนในเมือง
ปัญหาเมืองร้อน คนนอนไม่หลับ ก็มีรายงานตัวเลขสำคัญ เช่น มีรายงานว่า จากค่าเฉลี่ยการนอนหลับของพลเมืองโลก เรานอนน้อยลงเฉลี่ย 44 ชั่วโมงต่อปี และนำไปสู่วันที่เรานอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11 วันต่อปี
มีงานศึกษาที่น่าสนใจ และคนไทยอาจยิ่งเข้าใจ คือนักวิจัยยกตัวอย่างในเมืองที่มีผู้อาศัยราว 1 ล้านคน ว่าถ้าเมืองนั้นมีอุณหภูมิในคืนหนึ่งสูงกว่า 25 องศา ผลคือจะมีคนราว 46,000 คน นอนหลับได้ในระยะเวลาที่สั้นลง ประเด็นเรื่องเมืองร้อนจนคนนอนไม่หลับจึงสัมพันธ์กับพื้นที่ระดับชาติ เช่น ผู้คนในอินเดียที่อาศัยในพื้นที่แออัด หรือมีรายได้น้อย มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากความร้อน การนอนไม่หลับนี้ก็จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและปัญหาสังคมที่รุนแรงขึ้น อินเดียจึงมีการทดลองด้วยการทาสีหลังคาเป็นสีขาวในพื้นที่อยู่อาศัยแออัด เพื่อลดความรุนแรงจากภัยร้อนลง

อ่านมาถึงตรงนี้ คนที่นอนไม่หลับ นอนน้อย ก็อย่าเพิ่งเครียดจนยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อปี 2024 มีรายงานที่น่าสนใจเรื่องการ ‘นอนเสริม’ หรือพฤติกรรมที่เราไปนอนมากขึ้นในช่วงวันหยุด โดยงานศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีพฤติกรรมนอนชดเชยในวันหยุด เช่น การนอนหลับมากขึ้นราว 1-16 ชั่วโมง มีแนวโน้มเชิงบวกกับการเกิดโรคของระบบหลอดเลือดหัวใจ
สุดท้ายนี้ ปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับอาจเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่สัมพันธ์ทั้งกับพฤติกรรมของเรา และอาจเกี่ยวข้องกับบริบทในมิติของการอยู่อาศัยในเมืองที่ดี การมองเห็นเรื่องการนอนหลับจะทำให้เราทบทวนภาพของเมืองใหม่ จากเมืองที่สว่างไสว ไม่เคยหลับ อึกทึก ในที่สุดเมืองอาจเป็นพื้นที่ที่รับผิดชอบต่อสุขภาพกายและใจของผู้คน
ถ้าเมืองไม่ดี คนนอนไม่ดี ผู้คนก็เจ็บป่วย เมืองร้อน คนใจร้อน สุดท้ายก็จะนำไปสู่ปัญหาบานปลายได้มากมาย
อ้างอิงจาก
bmcpublichealth.biomedcentral.com