‘จะตายอย่างมนุษย์ หรืออยู่อย่างปีศาจ’
*คำเตือน : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญมากๆ ของซีรีส์
หากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์คล้ายโลกจะแตก มีสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวบุกมาบนโลก พร้อมฆ่าล้างมนุษย์ที่ขวางหน้า เราคงคิดกันไม่ออกเลยว่า เราจะเอาชีวิตรอดกันไปได้อย่างไร ? หากแต่สู้กับสิ่งประหลาดนี้ก็ยากแล้ว ในซีรีส์สยองขวัญแฟนตาซีอย่าง ‘Sweet Home’ ยังสะท้อนให้เห็นการต่อสู้กับศัตรูอย่างสัตว์ประหลาดจากภายนอก และการสู้กับตัวเองภายในจิตใจ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องยากพอๆ กัน
‘Sweet Home’ ซีรีส์สัญชาติเกาหลีของ Netflix ความยาว 10 ตอน ซึ่งดัดแปลงมาจากเว็บตูนยอดฮิตในชื่อเรื่องเดียวกัน ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับ ชา ฮยอนซู เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ที่ชีวิตถึงจุดตกต่ำ และย้ายมาหอพักกรีนโฮม พร้อมคำถามที่วนเวียนในหัวของเขาว่า ถึงเวลาที่ตัวเองควรจะถึงจุดจบของชีวิตหรือยัง?
แต่ในระหว่างที่ฮยอนซู กำลังมองไม่เห็นเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ กลับเกิดเหตุระทึก อย่างการปรากฎตัวของสัตว์ประหลาด ทั่วประเทศ จนทำให้เขา กับเพื่อนบ้านชาวกรีนโฮมต้องร่วมกันต่อสู้ และตั้งคำถาม ถึงความเป็นมนุษย์ การเอาตัวรอด และการมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
*คำเตือนอีกครั้ง : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญมากๆ ของซีรีส์
รัฐ ผู้จัดการภัยพิบัติ และความเชื่อมั่นของประชาชน
‘รัฐบาลทำอะไรอยู่ ทำไมถึงจัดการไม่ได้ ?’
ในสภาวะวิกฤตของประเทศ สิ่งที่ประชาชนหวังพึ่ง และมองว่ามีหน้าที่ในการจัดการเหตุการณ์เหล่านั้นย่อมเป็น ‘รัฐบาล’ ซึ่งชาวหอกรีนโฮมเอง แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ และเหตุปรากฏตัวของสัตว์ประหลาด แต่สิ่งแรกที่พวกเขาตั้งคำถาม ก็คือการจัดการของรัฐบาล ภาษีของเขาที่จ่ายให้กับรัฐไปเพื่อบริหารประเทศ ไปถึงการคาดหวังในคะแนนเสียงของตน ที่โหวตให้ประธานาคนปัจจุบัน ในสภาวะที่ประชาชนรู้ว่า ตนไม่อาจมีอำนาจจัดการกับเหตุการณ์ได้ พวกเขาต่างก็รอคอยความช่วยเหลือ หรือการอธิบายจากทางภาครัฐ ทั้งจาก SMS แจ้งเตือนภัย หรือการแถลงจากรัฐบาล
แต่สถานการณ์ที่ดูย่ำแย่ลง ทั้งจากการแถลงของประธานาธิบดี ที่กลายเป็นซีนนองเลือดถ่ายทอดสด ที่ตัวผู้นำผู้ต้องสร้างความเชื่อมั่น กลับหลุดปากพูดกับประชาชนออกมาว่า ‘มันจบเห่แล้ว’ ไปถึงการประกาศกฎอัยการศึก ที่ทำให้การควบคุมรัฐอยู่ภายใต้ทหาร
จากการรอคอยความเชื่อเหลือ และคาดหวังในรัฐ เราเห็นตัวละครที่มีความรู้สึกเปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่สิ้นหวังต่อการช่วยเหลือ แต่เป็นถึงการไม่ไว้ใจผู้มีอำนาจ (ซึ่งคือกองทัพ) และมองว่าคำสัญญาเป็นเพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อ อาจเป็นเพราะว่าโฉมหน้าของผู้มีอำนาจ ที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวแทนจากเสียงของพวกเขา ได้กลายเป็นรัฐในรูปแบบอื่นที่ หรือกลายเป็นรัฐล้มเหลว ซึ่งอยู่ภายใต้ความพยายามควบคุมของกองทัพแทน
แม้ความไว้ใจที่มีต่อรัฐจะลงลง แต่การอยู่ร่วมกันเพื่อเอาตัวรอดของชาวกรีนโฮม ก็ได้กลายมาเป็นรูปแบบการปกครองกันเองแบบย่อมๆ ที่มีการแบ่งหน้าที่ มีกฎระเบียบ ซึ่งแม้การเลือกตัวหัวหน้าผู้ตัดสินใจ จะไม่ได้มาจากการโหวตของทุกคน แต่ก็เห็นได้ว่าในกระบวนการบางอย่างพวกเขาก็ได้เลือกใช้ระบบประชาธิปไตย ผ่านการโหวต เพื่อตัดสินร่วมกันด้วย แม้ว่าจะมีความพยายามแอบล็อคผลโหวตก็ตาม
เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ การเอาตัวรอด และความเป็นมนุษย์
การเอาชีวิตให้รอด กลายเป็นเป้าหมายหลักของทุกคนร่วมกัน ภายใต้วิกฤตนี้ ซึ่งแม้ตัวเอกของเรื่องอย่าง ชา ฮยอนซู จะแสดงให้เราเห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะฆ่าตัวตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ถึงขนาดวางแผนการ ลงวันที่ทุกอย่างไว้ แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้เขาได้ค้นหาจุดหมาย และรู้สึกที่จะมีชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอด ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ไปถึงการต่อสู้กับตัวเองที่จะไม่กลายเป็นปีศาจด้วย
“ก็เพราะโลกเป็นแบบนี้ เพราะเรายังรอดมาได้ เราก็ต้องอยู่ให้สมกับความเป็นมนุษย์มากขึ้น” – ปาร์ก ยูรี
ไม่เพียงแค่ฮยอนซู ที่ต่อสู้เพื่อจะอยู่รอด แต่ตัวละครอื่นๆ ในเรื่องต่างก็มีวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ และพยายามต่อสู้ในแบบตัวเอง ไม่ว่าจะกับความเศร้า การสูญเสีย โรคร้าย ปมในชีวิต ที่บางคนถึงขนาดยอมแลกชีวิต เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างไม่กลัวความตายของตัวเอง
ซึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่า คอยปลอบประโลม และช่วยให้ชาวหอกรีนโฮม ยังตั้งมั่นที่จะเอาตัวรอดผ่านไป แม้ว่าสถานการณ์นี้มันจะโคตรน่าสิ้นหวัง ขนาดที่คนดูอย่างเราก็มองไม่ออกว่า จะคลี่คลายได้อย่างไร ก็คือ ‘ความเป็นมนุษย์’ ที่ทุกคนยังคงมีให้กัน แม้ว่าจะมีความเห็นไม่ตรงกัน มีความขัดแย้งเห็นต่าง ตามปกติของมนุษย์ แต่เราก็เห็นภาพการห่วงใย ปลอบใจ ให้กำลังใจ การแชร์ความทุกข์โศก และความผูกพันที่ทุกคนมีให้กันมากขึ้นเรื่อย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ฮยอนซู ที่ต้องต่อสู้มากกว่าคนอื่นๆ ฮึดอยากมีชีวิตอีกครั้ง
มนุษย์ สัตว์ประหลาด และการอยู่ร่วมกัน ?
แม้ว่าจะดูมาถึง 10 ตอน แต่สุดท้ายเราก็ยังไม่รู้ว่า สัตว์ประหลาดเหล่านี้มาจากไหน และถึงจะรู้ว่า คนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเพราะกิเลสที่มีในจิตใจ เราก็ยังไม่แน่ใจว่า ใครจะมีอาการ หรือจะกลายร่างเมื่อไหร่ ท่ามกลางข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิด สิ่งหนึ่งที่หลายคนเห็นตรงกันคือ มนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์ประหลาดไม่ได้ และคนที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดนั้น ก็ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลือแล้ว
เป็นปกติที่มนุษย์เราย่อมรู้สึกแบ่งพรรค แบ่งพวกกับคนที่แตกต่าง และแปลกแยกจากเรา ไม่ว่าจะเป็นความต่างทางเชื้อชาติ สัญชาติ โดยเฉพาะชาวเกาหลี ที่มีคำว่า ‘อูรี’ หรือพวกเรา ที่เป็นการแบ่งแยกพวกเรา กับคนอื่นออกจากกันด้วย ซึ่งประเด็นนี้ก็ถูกย้ำอย่างมากกับชาวหอกรีนโฮม และตัวฮยอนซู ที่มีอาการ และพร้อมจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดได้ทุกเมื่อ
ซึ่งในสถานการณ์ที่สั่นคลอนจิตใจ เราก็เห็นผู้คนในหอพักกรีนโฮมนั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนความคิด ทั้งจากการเห็นว่า ไม่ใช่สัตว์ประหลาดทุกตัวที่ร้าย และมีบางตัวที่ยังช่วยเหลือมนุษย์ รวมถึงกับฮยอนซู ที่พวกเขามีความไว้ใจให้มากขึ้นเรื่อยๆ มองฮยอนซูเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากพวกเขา และหวังว่าฮยอนซูจะรอดชีวิตไปด้วยกัน
แต่มนุษย์เอง แม้ภายนอกจะดูมีความเป็นคนเหมือนกัน แต่ในเรื่องนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงมนุษย์ ที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่มองว่านั่นคือมนุษย์ด้วยซ้ำ ในเหตุการณ์ที่ยูรี ได้ฆ่าชายคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกลุ่มซึ่งบุกมายึดกรีนโฮม หลังจากที่เขาได้พยายามลวนลาม และทำร้ายเธอ จนเธอได้ฆ่าเขาอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ที่ติดอยู่ในใจจนเธอพูดซ้ำๆ ว่าเธอได้ฆ่าคนไปแล้ว แต่ซังอุค ก็ย้ำกับเธอว่า ‘มันไม่ใช่คน’