หลังจากงาน D23 Expo ที่ Disney จัดขึ้นผ่านพ้นไป เราก็คงได้เห็นทิศทางของ Disney+ ที่จะเข้ามาสู่ศึกสตรีมมิ่งมากขึ้น เพราะมีการเปิดเผยรายชื่อของรายการที่จะมาฉายในแอพพลิเคชั่นมากมาย โดยมีกำหนดที่จะเปิดให้ได้ใช้งานกันช่วงเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2019 ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเปิดบริการในท้องที่อื่นๆ ในอนาคต ซึ่งก็สร้างความฮือฮาให้คนไม่น้อย
และเมื่อ Disney จัดใหญ่ เล่นเต็ม ด้วยรายชื่อรายการที่ชัดเจน แถมยังขนเอาดาราดังมาเปิดตัวกันแบบป้าปๆ ดูเหมือนศึกสตรีมมิ่งก็เดือดมากยิ่งขึ้น และตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสอันที่ดีเราจะจำแนกรายละเอียดของรายการที่โดดเด่นของบริการรับชมรายการออนไลน์ ชื่อดังหลายเจ้า ทั้งฝั่ง Netflix, HBO Max, Amazon Prime Video และ Hulu ว่าแต่ละเจ้า มีอะไรแตกต่างกันบ้าง เผื่อว่าท่านผู้อ่านจะได้ลองตัดสินใจว่าจะสมัครบริการกับเจ้าไหนดี แอพพลิเคชั่นแต่ละที่นั้นมีอะไรโดดเด่นบ้าง
Disney+
อย่างที่เคยบอกเล่าไปแล้วในอีกบทความหนึ่งว่า Disney นั้นเป็นเจ้าพ่อคอนเทนต์ จากการที่บริษัทใหญ่ยักษ์แห่งนี้เป็นเจ้าของบริษัทอื่นๆ ซึ่งมีผลงานยอดฮิตจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงประกาศตั้งแต่เปิดตัวแอพพลิเคชั่นนี้ว่า ภาพยนตร์ อนิเมชั่น และซีรีส์ ที่เคยฉายมาก่อนและเป็นของ Disney และ Fox โดยตรงจะมาฉายในแอพพลิเคชั่นนี้แน่นอน ซึ่งถ้ายกมาพูดทั้งหมด ณ จุดนี้ อาจจะทำให้บทความยาวจนไม่มีวันจบได้
ดังนั้นเราจะขอบอกเล่าถึงตัว ซีรีส์ กับ ภาพยนตร์ ที่ทาง Disney ประกาศเพื่อฉายลงบนแอพพลิเคชั่น และเนื่องจาก Disney ประกาศรายชื่อมาเป็นชุดเหมือนกับว่าจะไม่มีออกมาให้ติดตามกันในอนาคต เราจึงขอแยกย่อยเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ให้เห็นภาพกันง่ายขึ้น
สนนราคาของ Disney+
ยังไม่มีรายละเอียดการทดลองชมฟรี แต่ค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 6.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 213 บาท) หรือ 69.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 2100 บาท) รับชมได้ 4 จอพร้อมกับพร้อมความคมชัดระดับ HD ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจรายเดือนแบบ 12.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 379 บาท) ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการ Disney+ สามารถเข้าชมรายการของ ESPN+ กับ Hulu แต่กรณีนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น
หมวด Star Wars
หนึ่งในสินทรัพย์ของ Disney ที่มีฐานแฟนแข็งแกร่งสุดๆ ก็คงจะไม่พ้น Star Wars นั่นเอง และสงครามดวงดาวที่มีเรื่องราวที่ยังไม่เคยถูกเล่าขานนี้ ซีรีส์ในกลุ่มนี้มีทั้งเรื่องใหม่ๆ อย่าง ‘The Mandalorian’ ที่เล่าเรื่องใหม่หมดในช่วงเวลาระหว่างภาค Return of the Jedi กับ The Force Awakens นอกจากนี้ซีรีส์เรื่องใหม่แนวสายลับที่มีตัวละคร Cassian Andor กับ ดรอยด์ K-2SO เป็นตัวละครเอก ที่เกิดขึ้นก่อนภาพยนตร์ Rogue One: A Star Wars Story โดยได้สองนักแสดงกลับมารับบทเดิม หรือซีรีส์ที่ Obi-Wan Kennobi เป็นตัวละครนำ (ซึ่งมี Ewan McGregor กลับมารับบทเดิม ) และ การกลับมาของ Star Wars: The Clone Wars Season 7 ที่จบลงแบบค้างคาใจคนดูมาระยะใหญ่
หมวด MCU
Marvel Cinematic Universe กลายเป็นภาพยนตร์ตระกูลใหญ่ที่ได้ความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้ชมทั่วทั้งโลก และเมื่อตัวเรื่องนั้นขยายออกมาไกล และมีหลายตัวละครที่อาจจะมีเวลาในภาพยนตร์ไม่มากพอ ทาง Disney จึงประกาศมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หลายตัวจะมีซีรีส์ขนาดสั้น (Limited Series) เป็นของตัวเอง แต่ตัวซีรีส์นั้นจะถูกถ่ายทำในระดับเดียวกับภาพยนตร์ และในงาน D23 ก็มีการยืนยันรายละเอียดของซีรีส์หลายเรื่องไว้ด้วย
ซึ่งตัวซีรีส์ก็มีทั้งเรื่องที่เคยเปิดเผยรายละเอียดมาก่อนแล้วอย่าง The Falcon and The Winter Soldier ที่ยังเน้นแอคชั่นเหมือนกับฝั่งภาพยนตร์, WandaVision ที่กล่าวว่าจะเล่าเรื่องแบบซิทคอม และหลายคนคาดว่าเรื่องจะเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ Doctor Strange in the Multiverse of Madness และมีคนแสดงความเห็นว่า ซีรีส์นี้อาจจะไม่ ‘ตลก’ แบบที่ Disney บอกกล่าวไว้, Loki ที่จะเล่าเรื่องของตัวละครตัวนี้ที่อยู่ในจักรวาลที่หนีรอดการจับกุมของเหล่า Avengers ไปได้, Hawkeye ที่เคยมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่าจะเป็นการส่งต่อฉายาดังกล่าวให้ตัวละครใหม่อีกทอดหนึ่ง
และก็มีซีรีส์ที่ประกาศกันใหม่ในงาน D23 ประกอบไปด้วย Ms. Marvel ฮีโร่สาวที่สามารถเปลี่ยนสภาพร่างกายของตัวเองได้ตามใจนึก ผู้นับถือศาสนาอิสลาม และจะได้ปรากฏตัวในฝั่งภายนตร์ด้วย, Moon Knight ฮีโร่ที่ในคอมิกตันฉบับที่ได้รับพลังมาจากเทพจันทราของอียิปต์ จนกลายเป็นยอดมนุษย์ที่คอยปกป้องคนบริสุทธิ์ และ She-Hulk ยักษ์เขียวสาวที่มีพลังกายมหาศาลและมีสติอันฉลาดเฉลียวของทนายหญิงอย่างเต็มเปี่ยม
นอกจากนี้ยังมีการยืนยันว่า ตัวซีรีส์ What If…? จะเป็นซีรีส์อนิเมชั่น ที่เล่าเรื่องว่า ‘จะเป็นอย่างไร’ หากมีการเปลี่ยนปัจจัยบางอย่างของภาพยนตร์หลักไป ความพิเศษของอนิเมชั่นชุดนี้ก็คงจะเป็นการให้นักแสดงท่านเดิมที่เคยแสดงในภาพยนตร์มาพากย์เสียงเป็นตัวละครในอนิเมชั่นชุดนี้
หมวดซีรีส์
นอกจากฝั่ง Star Wars กับ MCU ในงาน D23 ยังมีการเปิดตัวซีรีส์ชุดใหม่ๆ ทั้งแบบคนแสดง และอนิเมชั่น ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นเนื้อเรื่องราวต่อจากที่เคยทำมาก่อน แต่หลายเรื่องก็เป็นฉบับใหม่ เช่น Lizzie McGuire ซีรีส์แนวซิทคอมที่สร้างชื่อให้กับ Hillary Duff ที่กำลังจะได้รับการสร้างภาคต่อ, High School Musical: The Musical: The Series ซีรีส์ที่เล่าเรื่องของกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ที่กำลังจะแสดงละครเวที High School Musical: The Musical ในการแสดงของโรงเรียน และเรื่องราวก่อนจะได้แสดงนั้นก็มีความดราม่าไม่แพ้ละครเวทีแต่อย่างใด, Monsters At Work ซีรีส์จากภาพยนตร์อนิเมชั่นของทาง Pixar ที่จะเล่าเรื่องการทำงานของสองสัตว์ประหลาด ต่อจากภาพยนตร์ Monster Inc. โดยจะได้นักพากย์ชุดเดิมกลับมาพากย์เสียง, The Mighty Ducks ที่หลายคนคาดว่าซีรีส์จะไม่ได้เป็นการรีบู๊ต แต่เป็นเรื่องราวของกลุ่ม The Mighty Ducks ยุคใหม่
หมวดภาพยนตร์
นอกจากภาพยนตร์เก่าๆ แล้ว ทาง Disney+ ยังประกาศฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่สำหรับฉายบนแอพพลิเคชั่นโดยเฉพาะ (ลักษณะเดียวกับที่ Netflix เคยทำมาก่อน) ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นภาพยนตร์ที่เคยมีข่าวการสร้างมาก่อนแล้ว แต่เปลี่ยนแผนจากการฉายในโรงภาพยนตร์ มาฉายทางแอพพลิเคชั่นแทน เช่น ‘Lady And The Tramp’ หนึ่งในภาพยนตร์ที่รีเมคจากอนิเมชั่นของทาง Disney โดยใช้น้องหมาตัวจริงมาแสดงความรักต่างชนชั้นที่หลายคนเคยประทับใจ, ‘Noelle’ เมื่อพี่ชายของนางเอก Noelle เบี้ยวงานไม่เป็นซานตาคลอส เธอเลยต้องพาซานตาคลอสตัวจริงกลับมาทำงานให้ได้ก่อนวันคริสต์มาสจะเริ่ม, ‘Magic Camp’ ภาพยนตร์ตลกที่เล่าเรื่องของนักมายากลที่ฟอร์มกำลังฝืด และกลับไปเป็นครูที่ปรึกษาในแคมป์สอนนักมายากล
หมวดอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการประกาศเปิดตัวคอนเทนต์ใหม่ๆ อีกหลายเรื่อง ที่บางอันก็สรุปแล้วว่าจะปรากฎออกมาในรูปแบบใด แต่บางอันก็ยังไม่ชัดเจนนักว่าจะมาในลักษณะไหน เราจึงขออนุญาตร่วมเนื้อหาบางอันที่น่าสนใจมารวมกันไว้ในหมวดนี้ อย่าง The World According To Jeff Goldblum หนึ่งในสารคดีที่จะมาลงฉายบน Disney+ โดยเฉพาะ ซึ่งได้ เจฟฟ์ โกลด์บัม (Jeff Goldblum) ดาราฮอลลีวูดผู้มีสไตล์ยียวนเฉพาะตัวมาเล่าเรื่องโลกรอบตัวของเขา ผ่านตัวของเขาเอง โดยมีทีมงาน National Geograpic คอยเช็ครายละเอียดสาระเพิ่มเติมให้อีกทอดหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมี Honey, I Shrunk the Kids, Night At The Musuem, Home Alone ภาพยนตร์ดังในอดีตทั้งจากฝั่ง Disney และ Fox ก็จะกลับมาใหม่ในรูปแบบซีรีส์
นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ของทาง Disney กับ Fox ทั้งจากฝั่ง MCU, Star Wars, สารคดีจากทาง National Geographic แล้ว ทาง Disney+ ยังระบุว่าจะมี สารคดี, ซีรีส์, อนิเมชั่น ทั้งจาก Disney หรือ Pixar อีกหลายรายการที่กำลังผลิตอยู่หลายเรื่องที่จะออกอากาศเฉพาะแพลตฟอร์มตัวนี้เท่านั้น
Netflix
Netflix คือผู้เล่นรายใหญ่ของบริการรับชมรายการออนไลน์ แต่แม้ว่าทาง Netflix จะซื้อสิทธิ์รายการมากมาย แต่พวกเขาก็รู้ตัวมากสักระยะแล้วว่า สินทรัพย์ที่เช่ามาก็มีวันเกษียนตัวเอง พวกเขาจึงเริ่มทุ่มเงินในการพัฒนารายการให้มาฉายบนช่องทางของพวกเขาโดยตรงมาตั้งแต่ราวปีค.ศ. 2013 แล้ว
และ Netflix ก็จับมือกับผู้สร้างหลายประเทศทำให้มีคอนเทนท์หลายแนว หลายชาติ ทั้งยังมีการสร้างซีรีส์ที่เจาะกลุ่มคนดูเฉพาะทาง เฉพาะถิ่นที่ชะลอการเปลี่ยนใจของลูกค้าที่ใช้งานบริการของพวกเขาไม่ให้หนีไปรับชมรายการของเจ้าอื่นๆ
สนนราคาของ Netflix
Netflix ให้ทดลองชมฟรี 30 วัน โดยแบ่งการสมัครเป็นสามแบบคือ Basic ราคา 8.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (280 บาท) รับชมได้ 1 จอ ความชัดเจนระดับ SD, แบบ Standard ราคา 12.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (350 บาท) รับชมได้ 2 จอพร้อมกัน ความชัดเจนระดับ HD และแบบ Premium ราคา 15.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (420 บาท) รับชมได้ 4 จอพร้อมกัน ความชัดระดับ HD ขึ้นไป
Original Content จาก Netflix
13 Reasons Why
เรื่องราวของกลุ่มเด็กไฮสคูลที่เกี่ยวข้องกับการตายของเพื่อน และมีเทปที่ค่อยๆ ว่าอะไรเป็นตัวผลักดันให้ความตายเกิดขึ้น แม้ว่าซีซั่นที่สามจะดูกร่อยลงไปบ้างสำหรับคนดูหลายคน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะอวสานลงในซีซั่นที่สี่ และเราเชื่อว่าการเดินทางที่ถึงจุดสิ้นสุดนี้จะทำให้คนดูต้องกลับไปดูและหยิบมาถกเถียงกันอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
Stranger Things
การผจญภัยของเหล่าเด็กๆ กับเรื่องแปลกประหลาดของ พลังจิต สัตว์พิสดาร และโลกต่างมิติที่มีฉากหลังของเรื่องเป็นยุค 1980s ดึงดูดคนดูมาแล้วสามซีซั่น แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีการยืนยันว่าจะทำภาคต่อหรือไม่ แต่จักรวาลของ Stranger Things ก็ขยายไปมากจนเราเชื่อว่าน่าจะมีการบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวอันแสนพิกลนี้ต่อไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
Aggretsuko
อนิเมะจากญี่ปุ่น ที่เล่าความเซ็งเป็ดของแพนด้าแดงสาวมนุษย์เงินเดือน ที่เครียดจนต้องร้องเพลงเมทัลร็อคเพื่อผ่อนคลาย ที่ตอนแรกกะจะทำแค่ซีซั่นเดียว แต่เนื้อหาโดนใจคนหลายชาติจนตอนนี้มีกำหนดการสร้างซีซั่นสามไปแล้ว นอกจากภาพลักษณ์ที่น่ารักแล้ว เนื้อหาที่ลุ่มลึกที่ซ่อนอยู่ในความเฮฮาคงเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนตามติดเรื่องนี้ และเป็นการสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของ Netflix ที่ขยายการทำรายการเฉพาะกลุ่มที่เขาถึงคนหมู่มากได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
Queer Eye
รายการเรียลลิตี้เมคโอเวอร์ ที่มีดาราเด่นของเรื่องอย่างกลุ่ม The Fab Five ที่พร้อมไปช่วยเปลี่ยนโฉมของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม หรือที่อยู่อาศัยก็ตามที รายการมาเต็มทั้งสาระ ความเฮฮา และเรียกน้ำตาในรายการเดียว แม้ว่าจะมีคนมองว่ารายการอาจจะไม่ได้สะท้อนสังคม LGBTQ แบบจริงจังเท่าใดนัก แต่ความนิยมของรายการก็ล้นเหลือจนถูกสร้างต่อซีซั่นที่ห้า รวมถึงมีรายการพิเศษของตัวเองอีกด้วย
ภาพยนตร์อีกจำนวนมากที่ Netflix พร้อมลงทุนเพื่อนำมาฉาย
มีภาพยนตร์จำนวนมากที่ทาง Netflix ยินยอมออกทุน หรือยอมเปย์เงินซื้อสิทธิ์การฉายเฉพาะบทแพลตฟอร์มของพวกเขาเท่านั้น และเนื่องจากหนังบางเรื่องของ Netflix ก็เป็นงานศิลป์ คู่ควรแกการได้รางวัลกลับมา และการกว้านซื้อนั่นทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องสั่นคลอนจนเกิดเป็นดราม่าแอนตี้ไม่ให้ภาพยนตร์ของ Netflix ได้ชิงรางวัลเสียด้วย และการตัดสินใจซื้อหนังของ Netflix หลายครั้งก็มาแบบกะทันหัน ต่างจากฝั่งซีรีส์ที่ดูมีการวางแผนอย่างชัดเจนมากกว่า พร้อมจะเรียกความสนใจจากคนดูทุกกลุ่มได้อยู่เรื่อยๆ ทำให้ภาพยนตร์กลุ่มนี้กลายเป็นอาวุธหลักสำคัญอย่างหนึ่งของ Netflix ไปโดยปริยาย
HBO Max
บริการสตรีมมิ่งของทาง WarnerMedia ที่ถือว่ามีคอนเทนต์ในมือไม่น้อย อย่างเช่นค่ายหนัง Warner Brothers, ค่ายกีฬาอย่าง AT&T Sports Networks รวมไปถึงการเป็นเจ้าของรายการเฉพาะทาง Cartoon Network ที่เน้นการ์ตูนฝรั่ง, Crunchyroll ที่เน้นการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่น, Rooster Teeth ที่สร้างเนื้อหาหลากหลายเจาะกลุ่มวัฒนธรรมป๊อปทั่วโลก
และในแบรนด์ HBO ก็จะมีภาพยนตร์จำนวนมาก (รวมถึงภาพยนตร์ของทาง 20th Century Fox ที่มีการเซ็นสัญญากันไว้ก่อนที่ Disney จะเข้าซื้อ Fox ในภายหลัง) แถมยังมีซีรีส์จากทาง BBC ที่ทาง HBO ถือสิทธิ์ แล้วก็มี ซีรีส์จากช่อง The CW พร้อมสมทบอีกด้วย
แม้ว่าทาง HBO Max อาจจะไม่มีการประกาศซีรีส์ใหม่สดจำนวนมากแบบทาง Disney แต่อาวุธที่อยู่ในคลังของพวกเขาก็ถือว่าไม่หย่อนไปกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ เลย (ทาง Warner Media เคยสัมภาษณ์ไว้ว่าจะมีคอนเทนต์ความยาวกว่า 10,000 ชั่วโมง) และพวกเขาก็มีเนื้อหาใหม่ๆ รออยู่ระดับหนึ่งด้วย แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการระบุว่าแอพพลิเคชั่นจะเปิดตัวเมื่อใด แต่รายการที่พวกเขาผลิตรอไว้ก็น่าจะพร้อมฉายทันทีที่เปิดให้บริการ
สนนราคาของ HBO Max
ยังไม่มีการประกาศรายละเอียด
Original Content ของ HBO Max
Dune: The Sisterhood
ซีรีส์แนวไซไฟ ที่มีต้นฉบับเป็นนิยายขนาดยาวก่อนจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และเกมในภายหลัง ตัวซีรีส์ฉบับใหม่นี้จะที่เล่าเรื่องของ Bene Gesserit กับคณะภาคินีของเธอ และจะทำหน้าที่เป็นภาคต้นก่อนที่ภาพยนตร์ Dune ฉบับใหม่จะฉายในปีค.ศ. 2020 อีกด้วย
Circe
ซีรีส์แนวดราม่าที่เอาเทพปกรณัมของกรีกที่เต็มไปด้วยทั้งความรัก โลก โกรธ หลง มาผูกเรื่องราวและตีความใหม่ และมองผ่านมุมของ เซอร์ซี (Circe) เทวีแห่งเวทมนตร์ หรือบางตำราก็กล่าวว่าเป็น แม่มดแห่งท้องทะเล มีกำหนดการสร้างออกมาทั้งหมดแปดตอน แต่ยังไม่ประกาศรายละเอียดของนักแสดงแต่อย่างใด
The Flight Attendant
ซีรีส์ดราม่าระทึกขวัญที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่ใช้ชื่อเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องของหญิงสาวที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่ตื่นมาพบศพนอนอยู่ข้างตัวเธอ ตอนที่เธอพักอยู่ในดูไบ แต่แทนที่เธอจะแจ้งความ เธอกลับใช้ชีวิตอย่างปกติและทำงานต่อไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ FBI คนหนึ่งมาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดูไบ จนเธอเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจริงๆ แล้วเธออาจจะเป็นฆาตกรก็ได้ ซึ่งซีรีส์ได้ Kaley Cuoco รับบทนำ
Gremlins: Secrets of the Mogwai
อนิเมชั่นแนวตลกแฟนตาซี ซึ่งเป็นภาคก่อนของภาพยนตร์ ‘Gremlins’ ที่เคยฮิตในช่วงยุค 1990s แต่คราวนี้จะข้ามไปเล่าเรื่องราวในกรุงเซี่ยงไฮ้ ช่วงปีค.ศ. 1920 ที่เด็กชาย Sam Wing (กล่าวว่าเป็นตัวละครเดียวกับ Mr. Wing ในฉบับภาพยนตร์) ได้เจอกับสัตว์ประหลาดพันธ์ Mogwai ที่ชื่อว่า Gizmo และการผจญภัยไปในประเทศจีน และแน่นอนว่าต้องต่อสู้กับปิศาจ Gremlins ด้วย
Love Life
ซีรีส์แนวซิทคอมโรแมนติก ที่ตอนนี้ประกาศมาแล้วว่าจะเป็นซีรีส์ความยาวครึ่งชั่วโมง จำนวนสิบตอน ที่เล่าเรื่องความรักตั้งแต่รักแรกไปจนถึงรักสุดท้าย กับเรื่องราวระหว่างการเดินทางแห่งรักที่ทำให้คนเราวางตัวเองว่าเป็นคนอย่างไรก่อนจะลงเอยกับคนที่ใช่ไปตลอดกาล นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า แต่ละซีซั่นก็จะมีการเปลี่ยนตัวเอก โดยซีซั่นแรกจะได้ Anna Kendrick รับบทนำ
Gossip Girl ภาคใหม่
ถึงจะยังไม่มีรายละเอียดใดๆ มากนัก แต่ซีรีส์ยอดนิยมเรื่องนี้มีคนติดตามอยู่อย่างคับคั่ง รายละเอียดโดยคร่าวนี้จะเป็นเรื่องราวแปดปีให้หลังจากเหตุการณ์ของภาคก่อนหน้า แม้ตัวเว็บไซต์ Gossip Girl ดั้งเดิมจะปิดตัวไปแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีใครรับหน้าที่เป็น Gossip Girl ให้กับนักเรียนไฮโซกลุ่มใหม่ ซึ่ง ณ เวลานี้ยังไม่มีการประกาศรายชื่อนักแสดง แต่มีการระบุแล้วว่าซีซั่นแรกของภาคต่อจะมีจำนวนสิบตอน
ภาพยนตร์ Let Them All Talk
HBO Max เองมีภาพยนตร์ใหม่เอี่ยมที่จะฉายเฉพาะแพลตฟอร์มของตนเองเหมือนกับ Netflix และ Disney+ โดยภาพยนตร์เรื่องแรกนั้นจะได้ Steven Soderbergh มากำกับภาพยนตร์ตลกที่เล่าเรื่องของนักเขียนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับเพื่อนและหลานสาว โดยตัวภาพยนตร์จะได้ Meryl Streep กับ Gemma Chan แสดงนำ
Amazon Prime Video
บริการรับชมรายการออนไลน์ที่มี Amazon เจ้าพ่อร้านค้าออนไลน์เป็นเจ้าของ ตัวรายการที่ฉายอยู่บน Prime Video มีทั้งรายการที่ซื้อสิทธิ์มาออกอากาศทั้งในส่วนภาพยนตร์และซีรีส์ (ซึ่งเป็นการซื้อสิทธิ์ที่หลากหลายมาก)
สำหรับประเทศไทย Amazon Prime Video อาจจะเป็นตัวเลือกที่ถูกมองข้ามไปสักหน่อย แม้ว่าตอนนี้จะมีการอัพเดทคำบรรยายไทยเพิ่มเติมมาแล้ว แต่จุดแข็งอื่นๆ ยังไม่ค่อยเด่นชัดนัก กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้รายการเฉพาะของบริการรับชมรายการออนไลน์เจ้านี้มีเสน่ห์ไม่แพ้ของเจ้าอื่นๆ เลย และเราขอยกตัวอย่างคอนเทนต์ส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ
ราคาของ Amazon Prime Video
มีให้ทดลองชมฟรี 7 วัน ราคา 2.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 91 บาท) สำหรับการใช้งาน 6 เดือนแรก และปรับขึ้นเป็น 5.99 เหรียญ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 153 บาท) ตั้งแต่การใช้งานเดือนที่ 7 เป็นต้นไป ไม่มีกำหนดจำนวนจอรับชมสูงสุด ความคมชัดตามแต่เรื่องแต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นระดับ HD
Original Content ของ Amazon Prime Video
The Grand Tour
Jeremy Clarkson, Richard Hammond และ James May สามอดีตพิธีกรของรายการ Top Gear ออกมาโลดแล่นในรายการของตัวเองที่ยังเกี่ยวกับรถยนต์แต่ก็มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในลักษณะกึ่งทอล์คโชว์ กึ่งสารคดี ด้วยฝีปากคมกริบ กับสาระที่มาเต็มทำให้ Amazon Prime Video ต่ออายุให้รายการนี้ออกอากาศมาถึงซีซั่นที่สี่แล้ว
Tom Clancy’s Jack Ryan
จากหนังสือชุดดังที่เล่าเรื่องการเมืองการทหาร จนถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง และถูกสร้างเป็นซีรีส์ออกฉายบน Amazon Prime Video ท้องเรื่องดั้งเดิมจะเล่าเรื่องของ Jack Ryan อดีตทหารเรือที่กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ของ CIA ตัวซีรีส์ได้รับการตอบรับอย่างดีจนมีกำหนดการสร้างถึงซีซั่นสามไปแล้ว ซึ่งถ้ากระแสตอบรับยังคงออกมาดีเรื่อยๆ เราอาจจะได้เห็นการเดินเรื่องไปถึงช่วงที่ Jack Ryan ได้เป็นประธานาธิบดีก็เป็นได้
The Boys
ซีรีส์ที่เล่าถึงโลกที่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ The Seven แม้จะเป็นที่นิยมของประชาชนแต่ความจริงแล้วต่างเป็นคนที่หลงมัวเมาในอำนาจและใช้พลังสร้างผลประโยชน์แก่ตัวเอง จนกระทั่งกลุ่มผู้มีพลังอีกกลุ่มที่ชื่อ The Boys พยายามจัดระเบียบของเหล่าฮีโร่ให้อยู่ในร่องในรอย แต่ความพยายามรักษาความสงบ ก็นำพาไปเกิดเรื่องวุ่นแบบใหม่ได้ ตัวซีรีส์เพิ่มได้รับการยืนยันให้สร้างซีซั่นที่สองต่อแล้ว
The Dark Tower
ถึงนิยายชุด หอคอยทมิฬ ของ Stephen King จะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่ตัวหนังฉบับดังกล่าวไม่ได้นำเสนอเนื้อหาทั้งหมดที่ตัวนิยายต้นฉบับทำไว้ อันเป็นผลพวงจากการที่ในต้นฉบับเดิมนั้นใช้เวลาเล่าผ่านหนังสือหลายเล่มและเดินทางผ่านสถานที่เหนือจริงหลายแห่ง การสร้างเป็นซีรีส์จึงออกจะเป็นการดีกว่า แต่ ณ ตอนนี้ทาง Amazon Prime Video ยังไม่ประกาศข้อมูลใดมากนักนอกจากการระบุว่าจะทำเรื่องให้สอดคล้องกับหนังสือมากขึ้นกับจะได้ Sam Strike กับ Jasper Pääkkönen มารับบทสองตัวละครนำในเรื่อง
Lord Of The Rings
ซีรีส์ที่ทาง Amazon ทุ่มทุนสร้างและเหมือนจะใช้เป็นอาวุธหลักในการแข่งขันกันกับบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่น แต่รายละเอียดของซีรีส์ฉบับนี้ยังชวนสับสนอยู่ แม้ว่า Amazon จะแจ้งข่าวแบบทางการว่า ซีรีส์จะเล่าเรื่องใน ยุคที่สอง (Second Age) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 3,441 ปีก่อนภาคหลัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีข่าวระบุว่าซีรีส์สามารถใช้รายละเอียดจากภาพยนตร์ของ Peter Jackson ได้ด้วย ณ ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดนักแสดงแต่อย่างใด จะมีกำหนดก็เพียงกำหนดเวลาถ่ายทำคร่าวๆ ในปี 2020
Hulu
ถึงแม้ว่า Hulu จะมี Disney เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และสำหรับชาวไทยแล้วบริการเจ้านี้ก็ยังอยู่ไกลตัวพอสมควร แต่เราก็คิดว่าควรจะพูดถึงรายการที่ออกฉายบทแพลตฟอร์มนี้กันสักเล็กน้อย เพราะจุดยืนของตัวแอพพลิเคชั่นคือการทำรายการที่มีความ ‘โตกว่า’ ทางฝั่ง Disney+ อย่างชัดเจน
สนนราคาของ Hulu
สำหรับการรับชมรายการออนไลน์ Hulu มีแพ็คเกจหลายแบบ นับตั้งแต่ราคาถูกสุดอยู่ที่ 7.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 244 บาท) แต่จะมีโฆษณาฉายอยู่ด้วยเล็กน้อย หากไม่ต้องการโฆษณาจะต้องจ่ายค่าบริการ 11.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 366 บาท) แต่ทั้งสองแบบนี้สามารถดูรายการได้ครั้งละ 1 จอ เท่านั้น หากต้องการใช้บริการพร้อมกันมากกว่าหนึ่งจอ จะต้องใช้บริการ Hulu + Live TV ที่สนนราคาทะยานไปมากกว่า 44.99 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 1,376 บาท) เลยทีเดียว และทุกบริการสามารถซื้อช่องเสริม หรือบริการเสริมได้อีกด้วย
Original Content ของ Hulu
The Handmaid’s Tale
จากนิยายที่ตีพิมพ์ในปีค.ศ. 1985 แต่ถูกนำมาดัดแปลงและสร้างเป็นซีรีส์แนวดิสโทเปียที่เล่าเรื่องโลกในอนาคตที่สังคมเปลี่ยนไปอันเกิดจากความเชื่อสุดขั้วทางศาสนาและการกดขี่ทางเพศ ตัวซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าเป็นหัวหอกที่ทำให้ใครหลายคนสนใจ Hulu มากขึ้น และซีรีส์ก็ประกาศสร้างซีซั่นสี่ไปเรียบร้อย และมีโอกาสสูงที่เรื่องจะเดินไปจบในทิศที่ต่างจากนิยายต้นฉบับ
Castle Rock
ซีรีส์แนวลึกลับเขย่าขวัญที่เอาตัวละครและองก์ประกอบจากนิยายหลายเรื่องของ Stephen King มาเผชิญกับเรื่องลึกลับที่เกี่ยวพ้องกับเมือง Castle Rock ตัวซีรีส์ได้รับความนิยมจากคนดูและคว้ารางวัลจากเวทีบางแห่งติดมือกลับไปด้วย และมีการประกาศว่าจะฉายซีซั่นที่สองในเร็ววันนี้
Marvel’s Runaways
ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มารวมตัวกันเพราะรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเองแท้จริงเป็นกลุ่มอาชญากรชื่อว่า Pride และพวกเขาตั้งใจมารวมพลังกันเพื่อยับยั้งสิ่งที่พ่อแม่ของพวกเขาสร้างขึ้น ช่วงแรกๆ ซีรีส์ชุดนี้เหมือนเป็นเรื่องที่กระโดดออกมาแบบเดี่ยวๆ แต่มีการยืนยันแล้วว่าตัวซีรีส์จะเชื่อมโยงกับฝั่ง MCU มากขึ้น และได้รับความสนใจจากคนดู จนตอนนี้ก็ถูกสร้างมาแล้วสามซีซั่น
Animaniacs
อนิเมชั่นฝั่งตะวันตกที่มี Steven Speilberg เป็นโปรดิวเซอร์ใหญ่ กำลังจะกลับมาอีกครั้งในฉบับรีบู๊ตที่มีกำหนดฉายในปีค.ศ. 2020 เท่าที่ประกาศมาตอนนี้ มีการระบุว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้จะถูกสร้างแน่นอนสองซีซั่น และตัวละครหลักอย่าง Yakko, Wakko กับ Dot และ Pinky กับ The Brain จะกลับมาเช่นกัน
ซีรีส์ของฝั่ง Marvel อีกหลายเรื่อง
ถึงฝั่ง Disney+ จะมีซีรีส์ของฝั่ง Marvel Cinematics Universe ฉายอยู่หลายเรื่อง แต่ในฝั่ง Hulu ก็มีการประกาศจะสร้างซีรีส์จากฮีโร่ตัวอื่นๆ ด้วย นั่นก็คือ Ghost Rider กับ Helstorm ที่จะมาในแบบซีรีส์คนแสดง (ตัว Ghost Rider จะได้ Gabriel Luna ที่เคยแสดงใน Agent Of S.H.I.E.L.D. มารับบทเดิม) นอกจากนี้ Hulu มีกำหนดฉายอนิเมชั่นสำหรับผู้ใหญ่ที่ใช้ตัวละครของฝัง Marvel อีกหลายตัวรอฉายอยู่ในอนาคต
อ้างอิงข้อมูลจาก