เมื่อพูดถึงเมืองไทจง ไต้หวัน แลนด์มาร์กที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะเป็น Sun Moon Lake ทะเลสาบสุริยันจันทราอันเลื่องชื่อ หรือหมู่บ้านสายรุ้ง ที่มีศิลปะงดงาม ต้นกำเนิดของเจ้าชาไข่มุกเครื่องดื่มยอดฮิตแห่งยุคสมัย แล้วนอกจากพวกนี้ เมืองไทจง มีอะไรที่น่าไปสำรวจอีกบ้าง?
ไทจงตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวันในด้านของประชากร ค่าครองชีพของที่นี่ก็ถูกกว่าไทเป คนไต้หวันเลยมองว่าไทจงนั้นเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากกว่า เมืองนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยชาวญี่ปุ่น ในช่วงศตวรรษที่ 20 มีชาวไต้หวันและคนพื้นเมืองอพยพเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งชาวจีนแค และจีนฮกเกี้ยน ทำให้เมืองนี้มีการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายและยังคงปรากฏอยู่ในวิถีชีวิตชาวเมือง เราสามารถพบเห็นทั้งบ้านทรงญี่ปุ่นดั้งเดิม บ้านทรงจีนแบบชั้นเดียวตามตรอกซอกซอยที่ยังคงความเก่าแก่เหมือนในอดีต
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าไทจงดูมีแต่ความเก่าแก่ แต่เปล่าเลย เพราะที่นี่คุณสามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็สัมผัสกับความคึกคักแบบวิถีชีวิตคนเมืองได้ในคราวเดียว
เดินต้านลมชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Gaomei Wetland
ถ้าคุณเห็นกังหันลมก็แปลว่ามาถึง Gaomei Wetland พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศที่ค่อนข้างสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ถึง 1,500 เอเคอร์ อยู่ห่างจากสนามบินไทจงราว 20-30 นาที ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของปากแม่น้ำ Dajia อำเภอ Qingshui ในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวของทุกปี จะพบนกอพยพมา ซึ่งทำให้ที่นี่กลายป็นจุดชมนกที่ดีที่สุด
สิ่งหนึ่งที่คนมา Gaomei Wetland ควรรู้คือ ที่นี่ลมแรงมากแบบมากกกกกกกก เหมือนตัวจะปลิวตลอดเวลาเมื่อเดินต้านลมไปสู่จุดชมพระอาทิตย์ตก ผมเหนียวแน่นอนไม่ต้องห่วง แต่เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าปรากฏอยู่เบื้องหน้า บอกได้คำเดียวว่าคุ้ม
แอบกระซิบว่าสะพานไม้ที่ทอดยาวไปสู่จุดชมพระอาทิตย์ตกมีระยะทางที่ไกลพอสมควร จึงต้องใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้น ดังนั้นเผื่อเวลาไว้จะดีที่สุด หลายคนเห็นทางเดินแล้วอาจท้อ แต่เดินเพลินๆ ชมวิวไปแป๊ปเดียวก็ถึง ด้วยความเป็นป่าชายเลน ทำให้สองข้างทางมีปูรอให้เราทักทายอยู่เพียบ ซึ่งนอกจากน้องปูและต้นไม้ใบหญ้าแล้ว เราสามารถชื่นชม exhibition สิ่งของที่ปลิวตกมาอยู่ข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ หมวก และอีกมากมายที่เป็นเครื่องยืนยันว่าที่นี่ลมแรงจริง!
ยิ่งใกล้ถึงลมยิ่งแรง และพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที แสงสีส้มตกกระทบกับใบหญ้า และสะท้อนกับพื้นที่ชุ่มน้ำ ยิ่งทำให้พื้นที่นี้มหัศจรรย์ขึ้นไปอีก และเมื่อถึงจุดชมวิว คุณก็สามารถลงไปเดินเล่น ให้เท้าสัมผัสดินชุ่มน้ำ และชื่นชมพระอาทิตย์ดวงใหญ่ลับขอบฟ้าไปพร้อมๆ กัน หรือใครไม่อยากเปื้อน จะมองดูจากบนสะพานก็งดงามอยู่ดี
ไปดูแลนด์มาร์กแห่งโลกสมัยใหม่ที่โรงละครแห่งชาติไทจง
1 ใน 9 แลนด์มาร์กแห่งโลกสมัยใหม่ โรงละครแห่งชาติไทจง มีการออกแบบอาคารผนังทรงโค้งและอุโมงค์เสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นนามว่า ‘โทโย อิโต้’ ได้แนวคิดมาจากโพรงถ้ำและหลุมดินที่มีมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ จึงได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนนานาชาติให้เป็น 1 ใน 9 แลนด์มาร์กแห่งโลกยุคใหม่
ใช่ว่าต้องมีตั๋วชมละครเท่านั้นถึงจะมาที่นี่ได้ เพราะภายในโรงละครแห่งนี้ก็มีงานศิลปะให้คุณได้ชื่นชม มีคาเฟ่ให้คุณมานั่งจิบกาแฟเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศโพรงถ้ำ หรือจะเลือกซื้อสินค้า handmade แล้วนั่งเล่นชิลๆ ชมสวนสวยกลางเมืองก็สามารถทำได้ที่โรงละครแห่งชาติไทจง
พื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ Shen Ji New Village
ประเทศไหนๆ ก็ให้ความสำคัญกับครีเอทีฟเสปซกันทั้งนั้น จากหอพักของเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อนที่ไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปี สู่ Shen Ji New Village พื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์
Shen Ji New Village เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่น่ารักๆ ของ handmade สตูดิโอทำงานศิลปะ เสื้อผ้า รองเท้าแบบมินิมอลสไตล์ ไปจนถึงร้านตัดผมสุดชิค ในวันหยุดก็จะมีตลาดขนาดย่อมพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น ด้วยความที่เป็นหอพักสองชั้น เราจึงสามารถเดินขึ้นไปชมร้านค้า ถ่ายรูป หรือเพื่อชมบรรยากาศจากอีกมุม ความเก่าของมันมีมนต์เสน่ห์ที่หากใครได้มาสัมผัสก็ต้องมีแอบหลงรักบ้างแหละ
ช้อปปิ้งและชิมสตรีทฟู้ดที่ Feng Jia Night Market
ถึงเวลาของสายกินและสายช้อป ที่ตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันอย่าง Feng Jia Night Market แถวๆ มหาวิทยาลัยฟ่งเจี่ย อันเป็นตลาดที่รองรับทั้งนักเที่ยวและคนท้องถิ่น
เตรียมท้องของคุณไว้ให้ดี เพราะที่นี่มีอาหารมากมายให้คุณเลือกสรร พูดง่ายๆ ว่า เยอะจนไม่รู้ว่าจะกินอะไรก่อน ของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ทั้งอาหารท้องถิ่น อาหารนานาชาติ เห็นแล้วก็อยากแวะทุกร้าน น่ากินไปหมด
กินอิ่มก็เดินย่อยด้วยการช้อปปิ้งซื้อของ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีร้านค้า หรือแบรนด์ดังที่คุณตามหา เพราะมี outlet และแบรนด์ดังอีกหลายเจ้า เสื้อผ้าเอย เครื่องสำอางต่างๆ ครบ! และอย่างที่บอกว่าค่าครองชีพที่นี่ถูกกว่าไทเป รองเท้าบางยี่ห้อซื้อที่นี่ก็ถูกกว่าด้วย
นอกจากกินและช้อปปิ้ง ตลาดนี้ยังมีแอคทิวิตี้อย่างการคีบตุ๊กตา ที่มีตู้ให้เลือกไม่น้อยหน้าไทเปเลย แถมยังมียิงปืน ปาโป่ง กิจกรรมคล้ายๆ งานวัดบ้านเราให้ได้เราเล่นกันอีกด้วย ไปสอยรางวัลกลับบ้านกันได้ กินไป เดินดูของไป อิ่มก็เดินย่อย หิวก็ซื้อของกินใหม่ แวะเล่นเกมย่อยซะหน่อย เอ็นจอยวนไปค่ะ
นั่งชิงช้าสวรรค์ชมเมืองไทจงที่ ‘ลี่เป่าแลนด์’
เครื่องเล่น สวนน้ำ ช้อปปิ้ง outlet นั่งชิงช้าสวรรค์ชมวิว ทุกอย่างรวมไว้แล้วที่ ‘ลี่เป่าแลนด์’ แถมยังเป็นสวนสนุกแห่งเดียวในไต้หวันที่สามารถให้คุณพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาเดินเล่นได้ด้วย
ไฮไลท์ของที่นี่คือชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน โดยความสูงของเจ้าชิงช้าสวรรค์นี้ สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 384 เมตร หรือเทียบเท่ากับชั้น 88 ของตึกไทเป 101 เปรียบเสมือนดวงตาแห่งไทจงและเป็นดวงใจของไต้หวัน จากด้านบนของชิงช้าสวรรค์เราสามารถเห็นลี่เป่าแลนด์ และชมวิวเมืองไทจงได้ทั้งเมือง
แถม outlet ที่นี่ยังลดตลอดทั้งปีตั้งแต่ 80% ขึ้นไป! กุมกระเป๋าตังค์ไว้ให้ดี เพราะที่นี่ถือเป็น outlet mall ที่มีราคาถูกที่สุดในไต้หวันเลยแหละ
ดูนิทรรศการดอกไม้นานาชาติที่งาน 2018 Taichung World Flora Exposition
นี่คืองานแสดงพฤกษศาสตร์ พืชสวน และดอกไม้ ‘2018 Taichung World Flora Exposition’ ระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน 2561– 24 เมษายน 2562 บนพื้นที่ทั้งหมด 60.88 เฮกเตอร์
ครั้งนี้มาในธีม Discover GNP : Green, Nature, and People Green คือระบบนิเวศสีเขียว Nature คือผลิตจากธรรมชาติ และ People คือการเข้าถึงประชาชน ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่เขาเลยแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็น 3 โซนด้วยกัน ซึ่งในแต่ละจุดมีบริการรถรับ-ส่งฟรี
Waipu Park Area ตัวแทนของ Nature ที่จัดแสดงสวนดอกไม้และผลไม้
ว่ายผู่ถือเป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญในไทจง มีผลไม้ขึ้นชื่ออย่างสาลี่ แก้วมังกร องุ่น ส่วนดอกไม้ก็มีตั้งแต่กล้วยไม้ตระกูลลออนซิเดียมไปจนถึงดอกลิลลี่
Houli Hourse Ranch & Forest Park Area ตัวแทนของ Green เป็นพื้นที่จัดแสดงสวนดอกไม้คอกม้า และสวนดอกไม้ในป่า
โซนนี้เป็นการรวมตัวกันของเส้นทางปั่นจักรยานสุดคลาสสิกในไต้หวัน มารวมกับคอกม้าเก่าแก่อายุนับร้อยปี ภายในพื้นที่คอกม้าแห่งนี้ยังคงรักษาต้นไม้โบราณเอาไว้ มีการนำคอกม้ามาจัดเป็นนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับม้าให้เราได้ชมกัน แถมยังทำฮอลล์ใหม่เพื่อจัดแสดงกล้วยไม้โดยเฉพาะ เพื่อโชว์ความงดงามของไต้หวันอันเป็นดินแดนของกล้วยไม้
Fengyuan Huludun Park Area ตัวแทนของ People พื้นที่จัดแสดงเมืองดอกไม้ริมน้ำ
โซนนี้คือการนำพื้นที่ฟงหยวนที่เป็นพื้นที่ใจกลางของพื้นที่เขาเมืองไทจงผสมผสานกับคูน้ำหูหลูตุนที่ฟื้นฟูขึ้นมาจนน้ำใสแจ๋ว ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่เมนู ‘ฮวาเสี่ยงเยี่ยน’ ที่นำดอกไม้มาทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงขนมเปี๊ยะที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของฟงหยวน เรียกได้ว่ามางานนี้งานเดียวเที่ยวได้เลยทั้งวัน
ไทจงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ที่รอให้เราไปเยือน และเมื่อเที่ยวไทจงเรียบร้อยแล้วใครอยากเข้าเมืองมาที่ไทเปก็สามารถเดินทางง่ายๆ ด้วยการนั่งรถไฟความเร็วสูงประมาณ 50 นาทีเท่านั้น ตอนนี้ก็มีสายการบินจากประเทศไทยที่บินตรงสู่ไทจงคือ Thai VietJetAir ที่เริ่มเปิดให้จอง และจะเริ่มบินครั้งแรกในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
ใครที่อยากไปไทจง หรืออยากไปไต้หวันอยู่แล้ว การบินตรงไปลงไทจงและแวะเที่ยวสักนิดสักหน่อยก่อนเข้าไทเป ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ขอขอบคุณ
สายการบิน Thai VietJetAir และการท่องเที่ยวไต้หวัน
photos by Asadawut Boonlitsak