“เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ”วลีเด็ดของเหล่าแฟนคลับที่ทุ่มเต็มที่เพื่อซัพพอร์ตศิลปินที่ตัวเองรัก แต่หากเทียบเงินทองที่เสียไปกับความสุขที่ได้รับกลับมา บางทีมันก็เกินคุ้มค่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าวันนั้นมันจะหนักหนาแค่ไหน แต่แค่ได้เห็นหน้า หรือฟังเพลงของเขาก็ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า เป็นกำลังใจที่ขาดไปไม่ได้ แล้วนอกจากคุณค่าทางจิตใจแล้ว การเป็นแฟนคลับให้อะไรอีกบ้าง
The MATTER จึงไปสอบถามเหล่าแฟนคลับทั้งไทยและเทศว่าการเป็นแฟนคลับนั้นนอกจากเงินที่เสียไปแล้ว การเป็นแฟนคลับของศิลปินเหล่านั้นได้เป็นแรงบันดาลใจในเรื่องไหน หรือทำให้พวกเขาได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ทางด้านไหนบ้าง ไปดูกัน
ภัทรวรรณ เชาว์แก้ว
อาชีพ : นักศึกษา
เราเป็นแฟนคลับซูเปอร์จูเนียร์มาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ ที่ผ่านมาการชอบศิลปินเกาหลีไม่เคยทำให้เราแย่ลง การเรียนไม่เคยตก แถมยังเป็นความสุขได้ในเวลาที่เราเครียด บางครั้งก็สอนให้เรารู้จักอดทน รู้จักความพยายาม เช่น ตอนม.ต้น เราพยายามฝึกอ่าน ฝึกเขียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง ด้วยการหาหนังสืออ่าน โหลดโปรแกรมเรียนภาษาเกาหลี เพราะอยากเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันจนในตอนนี้ความรู้เหล่านั้นยังคงติดตัวอยู่
ในส่วนของเงินที่ใช้จ่ายไปกับการเป็นแฟนคลับ ถ้ามองในมุมมองของคนอื่นที่ไม่ได้ชอบแบบเรา เขาก็อาจจะมองว่าเยอะโดยเฉพาะกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยังไม่มีงานทำ แต่ในทางกลับกันเงินทุกบาทที่เราเอามาใช้ในส่วนนี้ล้วนเป็นเงินเก็บที่ได้จาค่าขนมเราหรือค่าใช้จ่ายรายเดือนที่พ่อแม่ให้เราอยู่แล้ว ไม่เคยขอเพิ่มเลย
ถ้าถามว่าเราใช้จ่ายกับตรงนี้ไปเราได้อะไร คำตอบก็คือความสุขจริงๆค่ะ ทุกคนล้วนมีความสุขเป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว บางคนก็อาจจะสะสมแผ่นหนัง บางคนก็อาจจะเป็นสะสมรองเท้า แน่นอนว่าเพื่อแลกกับความสุขของเราแล้ว เราไม่เคยเสียดายเงินสักบาทที่เสียไปเลย
กันตภณ แก้วสม
อาชีพ Creative Copy Writer
เราแฟนคลับ วงแคลช การเป็นแฟนคลับก็เหมือนการมีไอดอลนั่นแหละ เขาจะคอยช่วยอินสไปร์การใช้ชีวิตของเรา เมื่อเขาช่วยอินสไปร์เรา เราก็อยากตอบแทนเขาด้วยการสนับสนุน ติดตามผลงานของเขาเป็นเรื่องธรรมดา ถามว่าหมดเงินไปเท่าไหร่น่ะเหรอ ก็ถึงไหนถึงกัน ทุ่มสุดตัว ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมามันก็คือความสุขนั่นแหละ
พรชนก มุ่งธัญญา
อาชีพ : นักศึกษา
เราเป็นแฟนคลับวง The Yers มาตั้งแต่ ม.3 เป็นวงแรกที่ทำให้เราได้เริ่มฟังเพลงหลากหลายแนว แล้วก็นอกกระแสขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกการฟังเพลงเรามากๆ ทำให้เรารู้ว่าเราชอบอะไร ส่งผลมาถึงการเลือกคณะที่เรียนในมหาลัยในทุกวันนี้ด้วย เอาจริงหมดเงินไปไม่เยอะเลย555555 แต่สิ่งที่ได้กลับมามากเกินกว่าที่เราให้เขาอีก พี่ๆ ในวงก็น่ารัก ทุกวันนี้ก็ยังติดตามผลงานอยู่เรื่อยๆ
ภาสกร อัมภาสิริ
อาชีพ : นักศึกษาปริญญาโท
เป็นแฟนคลับของ BNK48 ครับ โอชิน้องเนย ก็ตั้งแต่มาเป็นแฟนคลับทำให้ได้ประสบการณ์ในการออกไปพบปะกับผู้คนที่เป็นแฟนคลับด้วยกัน ได้มุมมองใหม่ๆ เช่น เวลาติดตามผลงานหรือบทสัมภาษณ์ของน้องๆ ก็จะเห็นทัศคติของเขาที่ต่องานที่ทำอยู่ หรือว่าต่อคนที่พบเจอว่า เป็นยังไง
ได้ทดลองทำอะไรใหม่ เช่น ผมรวมตัวกับกลุ่มแฟนคลับน้องตั้งเป็นแฟนด้อมขึ้นมา จัดกิจกรรม เพื่อสนับสนุนน้องเช่นการจัดงานวันเกิด การแจกของที่ระลึกในงานจับมือ ก็ค่อนข้างจริงจังในระดับนึง มีการวางแผน ประชุม ถึงแผนการที่จะจัดงานขึ้นมาครับ
ถือว่าเป็นความสุขจากการได้สนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบ หมดเงินไปประมาณ 5 หลักต้นๆ แต่ก็ถือว่า คุ้มค่าทางด้านจิตใจ แค่ได้เห็นน้องก็เหมือนได้ refresh เรื่องแย่ๆ ในชีวิตประจำวันในระดับนึง ^^
ณัฐพร จงศิริ
อาชีพ PR Executive
เราเป็นแฟนคลับพี่โป๊ป เขาเป็นคนแรกที่ทำให้เราชอบมากได้ขนาดนี้ ถามว่าตามพี่โป๊ปแล้วได้อะไร เราบอกเลยว่าได้ ‘ความสุข’ จริงๆ นะ พอได้เจอหน้า ได้คุยกับเขา เรามีความสุข สบายใจ ได้เพื่อน ได้รู้จักคนดีๆ เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ กับพี่โป๊ป ไม่ค่อยเสียเงินให้เขาเท่าไหร่นะ ไม่ได้ซื้อของ หรือเปย์อะไรให้กับพี่เขามากมาย จะเสียก็คงจะเป็นพวกค่าเดินทาง ค่าขนมของตัวเองมากกว่า เวลาไปรอนานๆ มันหิว
เดี๋ยวนี้เวลาไปหาพี่โป๊ปตามอีเวนต์ จะต้องใช้เวลามากหน่อย ไปรอนานมาก หลายชั่วโมง บางทีก็ไปรอก่อนห้างเปิดซะอีก เพื่อจับจองพื้นที่แถวหน้า อะไรต่างๆ เหล่านี้จริงๆ ทำแล้วมันเหนื่อยมาก แต่พอพี่เขามา ทุกอย่างหายไปหมด สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ‘ความสุข’ forever
เอแคลร์
อาชีพ : พนักงานบริษัท
เราเป็นแฟนคลับ Wanna One ค่ะ การชอบเขาทำให้เรามีความพยายาม ความอดทน ความรับผิดชอบ จริงๆ คือให้ทุกอย่างที่ทำให้เราขยันทำงานเก็บเงิน รู้จักอดออมเพื่อไปหา Wanna One มันอาจฟังดูตลกไปหน่อย แต่บอกเลยว่ามันทำให้เราหาเงินเก่งขึ้นมาก และก็เสียเงินเยอะมากๆ ด้วยเช่นกัน และทั้งหมดก็ส่งคืนกลับมาเป็นความสุขที่ทำให้เราหายเหนื่อยได้ เป็นความสุขที่เราอยากเจอเรื่อยๆ ไม่อยากให้มันจบไป
กุลธิดา แซ่ลิ่ว
อาชีพ : นักศึกษา
เราเป็นแฟนคลับ Vidyut Jammwal นักแสดงหนุ่มหล่อล่ำแห่งแดนภารตะ ผู้โด่งดังจากบทแอคชั่นบ้าระห่ำแต่ไม่เป็นที่รู้จักในไทย นอกจากหน้าตาหล่อเหลาหุ่นเร้าใจเหนือชายอินเดียทั้งปวง เขายังเป็นยาใจชั้นดีที่ทำให้เราฟินทุกทีที่ได้เจอ
วลี ‘เปย์เป็นแสนแขนไม่ได้จับ’ ไม่เคยเกิดขึ้นกับหนุ่มคนนี้ เพราะทุกครั้งที่เจอ เราไม่เคยเสียเงินมากไปกว่าค่ารถ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานอกจากการสนทนาอย่างใกล้ชิดสุดเอ็กซ์คลูซีฟพลางจิบน้ำมะพร้าว (ที่เขาเลี้ยง) ยังมีส่าหรีและสตอเบอร์รี่ที่เขามอบให้เป็นของที่ระลึก พูดได้เลยว่าเป็นแฟนคลับเขาเราไม่เสียอะไรเลยนอกจากหัวใจที่พร้อมจะซัพพอร์ตเขาทุกเมื่อ
สิ่งที่เขาให้เราคือความสุขทางใจ เพียงแค่มองรูปและนึกถึงโมเมนต์ที่เจอเขาก็ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยหรือความเครียดบรรเทาลง เขายังเป็นแรงผลักดันให้เราอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมและมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น มากไปกว่านั้นเขาเหมือนเป็นคนเชื่อมเรากับแฟนคลับชาวอินเดียทำให้เราได้มิตรภาพ เข้าใจความรักต่อดาราในแบบของเขา รับรู้ประเพณี วัฒนธรรม มองภาพลักษณ์ประเทศนี้ดีขึ้น
สุดท้ายแล้วฝากภาพยนตร์เรื่อง Junglee ที่ถ่ายทำกับช้างไทยที่เชียงใหม่ แต่ไม่น่าจะเข้าฉายที่นี่
Illustration by Kodchakorn Thammachart