เมื่อคืน Ghost In The Shell เพิ่งฉายรอบสื่อมวลชนในบ้านเราไป สัปดาห์ที่แล้วก็มี Power Rangers เข้าโรงไปหมาดๆ Netflix ก็เพิ่งปล่อยตัวอย่างซีรีส์ Death Note ฉบับฝรั่ง แถมในอนาคตอันใกล้ก็จะมีหนังดัดแปลงจากการ์ตูน Gunnm (หรือ Battle Angle Alita) ที่กำหนดเข้าฉายอยู่ในปี 2018
‘Akira คนไม่ใช่คน’ อนิเมชั่น Cult Classic ที่มีข่าวว่าจะถูกนำไปสร้างหนังคนแสดงมานาน ถึงขั้นที่ว่าสิทธิ์การสร้างเปลี่ยนมือไปหลายเจ้า ก็อาจจะฉายทันในปี 2020 ปี ตรงกับเหตุการณ์ใน Akira พอดีเป๊ะ
ดูเหมือนว่าเทรนด์การดัดแปลงอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นกำลังกลับมางั้นเหรอ? คงไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะฮอลลีวูดเองก็นิยมการสร้างหนังและซีรีส์จากการ์ตูนและอนิเมชั่นของญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย
ทำไมฮอลลีวูดถึงนิยมเอาการ์ตูนกับอนิเมชั่นญี่ปุ่นไปดัดแปลงนัก?
หนังสือการ์ตูนและอนิเมชั่นของญี่ปุ่นหลายๆ เรื่องมีไอเดียหลากหลาย เล่าเรื่องลื่นไหลเร้าใจ มีไอเดียแหวกแนวผสมกับมุมมองที่ละเอียดละออตามวิสัยคนญี่ปุ่น จึงไม่แปลกเลยหากงานการ์ตูนกับอนิเมชั่นญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง ทำลายกำแพงระหว่างชาติลงจนมีฐานแฟนคลับเกิดขึ้นทั่วโลก และกลุ่มแฟนคลับทั่วโลกนี่เองที่ส่งผลให้นายทุนหนังสนใจนำการ์ตูนหรืออนิเมชั่นที่ดังอยู่แล้วมาทำ
เว็บไซต์ Hollywood Reporter เคยลงบทสัมภาษณ์เหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้การดัดแปลงการ์ตูนและอนิเมชั่นญี่ปุ่นเป็นหนังฮอลลีวูดมากขึ้น ว่าเกิดจากตลาดของวงการหนังญี่ปุ่นที่หดตัวลง เพราะประชากรญี่ปุ่นลดลงอย่างรวดเร็ว เจ้าของลิขสิทธิ์ หรือบริษัทที่ดูแลลิขสิทธิ์การ์ตูนและอนิเมชั่นหลายๆ เรื่อง จึงยินยอมให้ชาวต่างประเทศซื้อสิทธิ์ไปจัดทำมากขึ้น
เหตุผลอีกประการก็คือ ค่าลิขสิทธิ์ในการจัดทำการ์ตูนนั้นมีมูลค่าไม่แพงมากนัก หากเทียบกับการไปซื้อสิทธิ์นิยายชื่อดังของอเมริกาหรือยุโรป (อย่างผลงานของ เจ.เค โรว์ลิงก์) แม้สนนราคาจะถูกแสนถูกไม่กี่ร้อยบาท แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าผลงานจากญี่ปุ่นก็ค่อนข้างจะเซฟเงินของบริษัทที่ซื้อไปได้มากโขเลยทีเดียว
และเหตุผลสุดท้ายที่สื่อหลายๆ เจ้าพูดกันบ่อยก็คือ กลุ่มคนทำงานในฮอลลีวูดเกิดอาการหมดไอเดียกันเรียบร้อย การที่หยิบจับสิ่งที่มีอยู่แล้วมันค่อนข้างจะเร็วและง่ายกว่าการการสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมานั่นเอง
ความเจ็บปวดจากการดัดแปลงในยุคก่อนหน้า
การดัดแปลงการ์ตูนกับอนิเมชั่นมาทำเป็นหนังคนแสดงไม่ใช่อะไรสดใหม่เสียทีเดียว ในยุค 90’s ตอนต้น ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ก็เคยนำเอาการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง ซิตี้ฮันเตอร์ หรือ ดราก้อนบอล ไปทำเป็นหนังคนแสดงมาแล้ว
หนังฮอลลีวูดเรื่องแรกที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นคงเป็นเรื่อง Guyver ที่ฉายในปี 1991 ตัวละครอมนุษย์ในเรื่องออกมาดูดี แต่เนื้อเรื่องดัดแปลงไปจนไม่มีอะไรอื่นน่าจดจำนัก แต่ก็ทำรายได้พอตัวจนมีโอกาสได้สร้างภาค 2 ที่ได้รับคำชมมากขึ้น
ในปี 1995 การ์ตูนอย่าง ‘ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ’ ก็ถูกดัดแปลงเป็นหนังฮอลลีวูดที่ใช้ชื่อ Fist Of The North Star แม้ว่าหนังพยายามเก็บรายละเอียดจากต้นฉบับอยู่มาก กระนั้นคุณภาพที่ไม่ดีพอทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉายแบบวงกว้างในอเมริกา แถมฉากต่อสู้หลายฉากก็ขาดพลังไปไม่น้อย
ส่วน Speed Racer เป็นการดัดแปลงการ์ตูน Mach Go Go Go และฉายในปี 2008 ถือเป็นหนังที่รายได้ไม่ดี, Blood : The Last Vampire หนังดัดแปลงจากอนิเมชั่นชื่อเดียวกันและออกฉายในปี 2009 ก็ไม่ถูกชื่นชมมากนัก, Dragon Ball Evolution ที่ออกฉายในปีเดียวกันก็ชวนให้แฟนการ์ตูนต้นฉบับต้องหลั่งน้ำตากันรัวๆ และอนิเมชั่นบู๊แหลกอย่าง Kite เมื่อถูกดัดแปลงเป็นหนังในปี 2014 ก็ล่มระดับที่เว็บไซต์ Rotten Tomatoes ให้คะแนน 0%
เหตุที่หนังดัดแปลงจากการ์ตูนและอนิเมชั่นไม่เป็นที่จดจำ ส่วนหนึ่งเกิดจากความหวังดีของทีมหนังที่พยายามดัดแปลงพล็อตเรื่องหรือตัวละครให้มีความ ‘อินเตอร์’ มากขึ้น อย่างใน Dragon Ball Evolution ที่พยายามแปลง ‘ซุนโกคู’ เป็นเด็กไฮสคูลเพื่อให้ดูเป็นฝรั่งมากขึ้น ‘พิคโกโร่’ ที่คล้ายก็อบลินมากขึ้น ฯลฯ หรืออย่าง ‘ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ’ ที่พยายามรักษาชื่อตัวละครเดิมเอาไว้ แต่เมื่อ ‘เคนชิโร่’ กลายเป็นชายหนุ่มตาสีฟ้า มันก็ชวนให้ขัดใจแฟนการ์ตูนอยู่ไม่เบาเหมือนกัน
อีกปัญหาคือการสร้างฉากการ์ตูนเหนือจริงให้กลายเป็นหนังคนแสดง ทำให้หลายครั้งหนังดูขาดๆ เกินๆ จะสมจริงก็ไม่ใช่ จะเหมือนต้นฉบับก็ไม่เชิง เลยทำให้หนังหลายเรื่อง ‘ไม่ถึง’ ไปโดยปริยาย
ปัญหาสุดท้ายคงเป็นเรื่องการโปรโมตที่วางตัวลำบาก จะขายแต่กิมมิคยุคเก่าก็กลัวว่าคนเกิดไม่ทันการ์ตูนต้นฉบับจะไม่เข้า จะบอกว่าเป็นเรื่องใหม่ทั้งหมดก็ยังไม่ได้ ซึ่งหนังที่เข้าฉายในปัจจุบันอย่าง Ghost In The Shell ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน จนทำให้หลายคนก็ยังสับสนว่า สรุป Ghost In The Shell จะเป็นหนังแอคชั่นหุ่นยนต์ หรือ หนังผีเข้าสิงร่างคนอื่นกันแน่
ดราม่าเรื่องการดัดแปลงการ์ตูนกับอนิเมชั่นญี่ปุ่นมาเป็นหนังคนแสดง
จากที่ได้ดูหนังที่มีต้นฉบับเป็นการ์ตูนหรืออนิเมชั่นจากญี่ปุ่น (รวมถึงหนังแปลงร่าง) อย่าง Power Rangers และ Ghost In The Shell รวมถึงตัวอย่างของ Death Note แล้ว เราพอจะบอกได้ว่าเคารพต้นฉบับ
แม้จะทำตรงต้นฉบับขนาดนี้ก็ยังมีดราม่าในหมู่ผู้ชมทั้งสามเรื่องอยู่ ประเด็นแรกคือการ Whitewashing หรือการคัดเลือกนักแสดงเป็นคนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัญหานี้ใหญ่ระดับกระทบฮอลลีวูดทั้งวงการ จนเคยเกิดการประท้วงกันมาแล้ว
การเอาตัวละครหลักที่เคยเป็นคนเอเชียมาเป็นคนผิวขาว หรือคนชาติอื่นมารับบทแทน ใน Ghost In The Shell คนดูหลายคนไม่ยินดีกับการรับบทนำของ Scarlette Johanson หรือใน Death Note ที่ตัวละคร L กลายเป็นชายผิวสีแทนที่จะเป็นชายผิวขาวเชื้อสายอังกฤษตามต้นฉบับ
อีกประเด็นที่ดราม่ากันหนักหน่วงในโลกอินเทอร์เน็ตก็คือเรื่ององค์ประกอบที่ถูกปล่อยในตัวอย่างหนัง อย่างเสื้อผ้าหน้าผม สีผมของตัวละคร ที่ไม่เหมือนกับต้นฉบับญี่ปุ่น ก็ดราม่า แต่ในทางกลับกันหากดีไซน์ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากไป ก็จะถูกดราม่าเช่นกันว่าหัวไม่ทันสมัย
หลายครั้งดราม่าเหล่านี้ก็เป็นความตั้งใจของบริษัทภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนไปพิสูจน์ความจริงในโรง แต่สำหรับ Power Rangers กับ Ghost In The Shell ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสรับชมมาแล้ว พวกเขาก็ค่อนข้างเก็บเอกลักษณ์ของต้นฉบับและดัดแปลงมันให้เข้ากับสไตล์ฮอลลีวูดได้เข้าท่าอยู่ทีเดียว
แล้วฮอลลีวูดจะทำหนังจากการ์ตูนกับอนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องอะไรให้เราชมกันอีก?
ฮอลลีวูดมีแผนทำหนังจากสื่อบันเทิงญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง อย่างเช่นการ์ตูนเรื่อง Bleach เทพมรณะ ก็ถูก Warner Brothers ซื้อสิทธิ์ไปแล้ว ทั้งฉบับญี่ปุ่นและฉบับอเมริกา ข่าวว่าได้ผู้กำกับ Clash Of The Titans เป็นผู้ดูแลโครงการ
เพื่อนร่วมค่ายอย่าง นารูโตะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ที่ได้รับความนิยมในอเมริกามาอย่างยาวนานก็มีข่าวออกมาว่าค่ายหนังระดับโลกแบบ Lionsgate ก็มีแผนการจะทำหนังจากการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งผู้เขียนการร์ตูนก็ออกมายืนยันข่าวนี้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ยังมีข่าวว่า Alexander Aja ผู้กำกับหนังได้ติดต่อขอซื้อสิทธิ์และขอควบตำแหน่งเก้าอี้ผู้กำกับ ‘คอบร้า’ การ์ตูนโจรสลัดอวกาศผู้ใช้ปืนไซโคกันเป็นอาวุธ และ Mardock Scramble ก็เป็นการ์ตูนไซไฟอีกเรื่องที่มีข่าวมาตั้งแต่ปี 2012 ว่าจะทำเป็นหนังคนแสดงในมาดฮอลลีวูดเช่นกัน
หากคุณคิดว่ามีแต่การ์ตูนดังๆ ไม่ก็แนวไซไฟเครียดๆ ที่จะได้เป็นหนังเท่านั้น ต้องบอกว่าคุณคิดผิด! Paramount Pictures เคยออกมาให้ข่าวว่าพวกเขากำลังสนใจดัดแปลงการ์ตูนเรื่อง ‘เบย์เบลด ลูกข่างสายฟ้า’ เป็นหนังคนแสดงด้วย
หรือแม้แต่ Voltron ซึ่งเป็นการดัดแปลงการ์ตูนเรื่อง Go-Lion ของญี่ปุ่นให้เข้ากับคนอเมริกาก็มีข่าวว่าจะทำหนังคนแสดงกับเขาด้วย
ในฐานะแฟนการ์ตูนและอนิเมชั่นญี่ปุ่น เราก็ลุ้นว่าสุดท้ายแล้วจะมีเรื่องไหนที่ทัดเทียมกับหนังระดับ Blockbusters ที่สามารถออกต่อเนื่องได้หลายๆ ภาคแบบที่ DC กับ Marvel ทำกันอยู่ในตอนนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก