ถ้าย้อนกลับไป 2–3 ปีที่แล้ว วงการสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset) หรือบรรดาคริปโตเคอร์เรนซีคงเป็นไกลตัวของใครหลายคน แต่ปัจจุบัน ด้วยการเติบโตของตลาด จำนวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น ทำให้รัฐในหลายประเทศ เริ่มจับตาและก้าวขาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกที่เข้ามา หรือเตรียมเข้ามาดำเนินกิจการในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเม็ดเงินลงทุนที่น่าสนใจ
หลายเจ้าเชื่อว่า แม้ปัจจุบันภาพของธุรกิจอนาคตที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้จะยังไม่ชัดเจน ทว่าก็ต้องลงทุนไว้ตั้งแต่วันนี้ และในอนาคตคนจะใช้มัน อยู่กับมัน และเข้าใจมัน เป็นส่วนหนึ่งเหมือนที่อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนเคยเป็นของแปลกเข้าใจยากของมนุษยชาติ แต่วันนี้กลับขาดไม่ได้เสียแล้ว
แบรนด์ไหนทำอะไรบ้าง แล้วมีอะไรน่าสนใจ The MATTER จะพาไปดู
adidas
เป็นหนึ่งในแบรนด์กีฬาและเครื่องแต่งกายที่ให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากๆ เพราะพวกเขาเป็นเจ้าแรกๆ ที่เริ่มซื้อผลงาน NFT และประกาศเป็นพันธมิตรกับเหล่าผู้ผลิต NFT และผู้พัฒนาเกม play-to-earn เช่น Bored Ape Yacht Club, gmoney NFT และ PUNKS Comic
ต่อมา ก็ได้เข้าซื้อที่ดินในโลกเสมือน The Sandbox ซึ่งเป็นเกมเมตาเวิร์สบนบล็อกเชนอีเธอเรียม
ซึ่งทาง adidas ประกาศอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือการนำแฟชั่นเข้าไปสู่โลกเสมือน หรือธุรกิจประเภท wear-to-earn ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งการเปิดคอลเลกชั่นใหม่บนเมตาเวิร์ส (เครื่องแต่งกาย 1 ชิ้นจะเทียบเท่า 1 NFT) รวมไปถึงการจัดแฟชั่นโชว์ที่ต้องชมด้วยเทคโนโลยี VR ด้วย
Nike
เป็นอีกเจ้าที่ไม่ยอมแพ้คู่แข่งเลย เพราะก็ก้าวขาสู่โลกเมตาเวิร์สไปพร้อมกัน นอกจากจะสนใจในโลก NFT และธุรกิจ wear-to-earn แล้ว ความเคลื่อนไหวสำคัญอื่นของ Nike ก็เช่นกันการซุ่มจดสิทธิบัตรสินค้าเสมือนจริงที่มีตราโลโก้ของตัวเอง โดยเป็นการยื่นขอเครื่องหมายการค้ากับสำนักงานสิทธิบัตรการค้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมประกาศหานักออกแบบสินค้าเสมือนจริงมาร่วมงาน
และล่าสุดสองวันที่ผ่านมา พวกเขาเอาจริงกว่าเดิมด้วยการเข้าซื้อกิจการ ‘RTFKT’ สตูดิโอผู้พัฒนาสนีกเกอร์แบบ NFT ซึ่งไม่มีราคาเปิดเผยว่าดีลกันที่เท่าไหร่ แต่น่าจับมามากทีเดียวล่ะ
Facebook – Meta
ปลายปีนี้ ข่าวสำคัญของโลกคือการที่ Facebook รีแบรนด์ปรับชื่อสู่ Meta ประกาศว่าไม่ได้สนใจแค่ธุรกิจโซเชียลมีเดียเท่านั้นแล้ว แต่จะสร้างโลกเมตาเวิร์สเพิ่มขึ้นมาด้วย โดยอธิบายว่าจะเป็นโลกเสมือนที่ผสมผสานระหว่างชีวิตจริงและโลกเสมือนจริงไว้ด้วยเทคโนโลยี AR และ VR ซึ่ง มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก เชื่อว่า “มันคืออนาคตของผู้คน”
โดยในโลกเมตาเวิร์สของ Meta จะแทนบรรดาที่ดิน ข้าวของ เสื้อผ้าของผู้ใช้งานหรืออวาตาร์ด้วยระบบ NFT นอกจากนี้ตัว Facebook เองก็มีความพยายามก่อนหน้านี้ในการสร้างสกุลเงินของตัวเองที่ชื่อว่า Libra โดยจะรองรับผูกด้วยหลายสกุลเงินหลักของโลกด้วยกัน ซึ่งหลายคนก็มองว่ามันมีศักยภาพที่จะกลายไปเป็นเงินสกุลหลักของโลกในอนาคตได้
Visa
ต้นเดือนนี้ Visa ผู้ให้บริการรับชำระเงินเจ้าใหญ่ระดับโลก ประกาศจัดตั้งหน่วยงานให้คำปรึกษาด้านสกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้คำปรึกษาลูกค้าของตัวเองที่อยากจะเริ่มรับชำระเงินด้วยคริปโตฯ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแวดวงการรับชำระเงินเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ Visa แต่ Mastercard คู่แข่งคนสำคัญก็มีความสนใจในโลกคริปโตฯ ไม่น้อยไปกว่ากัน
ทั้งนี้ข้อมูลจาก Visa เปิดเผยว่าระหว่าง 1 ตุลาคม ค.ศ.2020 – 30 กันยายน ค.ศ.2021 ทางบริษัทได้ให้บริการธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ ไปแล้ว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านบัตรที่ผูกกับ exchange คริปโตฯ ได้
Disney
เจ้าแห่งความบันเทิงไม่พลาดโอกาสในโลกเสมือนและโลกทรัพย์สินดิจิทัล เพราะ Disney ก็ประกาศจอยเมตาเวิร์สเช่นกัน แม้จะยังไม่เผยรายละเอียด แต่หลักๆ น่าจะเป็นการนำทัพตัวการ์ตูนเข้าสู่โลกเสมือน ให้ผู้คนได้ปฏิสัมพันธ์ด้วย นอกจากนั้น Disney ยังบอกว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Disney+ อาจจะมีการพัฒนาให้รับชมในรูปแบบ 3 มิติ ได้ด้วยในอนาคต และมีแผนจะทำให้สวนสนุก Disneyland สามารถเข้าถึงได้ด้วยเทคโนโลยี VR และ AR ดังนั้นเตรียมจับมือมิกกี้เมาส์เต้นรำได้เลย
Tesla
ปิดท้ายด้วยค่ายรถยนต์ของมหาเศรษฐีเทคโนโลยี อีลอน มัสก์ เป็นที่รู้กันดีว่าเขาเชื่อมั่นในคริปโตฯ มากๆ และมักทวีตข้อความเชียร์เหรียญบิตคอยน์กับเหรียญ Doge เป็นประจำ (จนบางครั้งนักลงทุนก็บอกพอเถอะ ตลาดผันผวนจนงง)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ค่าย Tesla เป็นเจ้าแรกๆ เลยที่ให้รับชำระเงินซื้อรถด้วยบิตคอยน์ และมัสก์ก็เป็นคนที่ทำให้เหรียญ Doge ใช้ชำระเงินได้ในบางบริการจนน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ซึ่งในตอนแรกผู้สร้างตั้งใจให้เป็นเหรียญมีม ไม่มีโปรเจกต์รองรับใดๆ ก่อนที่ล่าสุด เขาประกาศว่าจะเพิ่มเหรียญ Doge เป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินของ Tesla แต่เมื่อไหร่รอฟังข่าวกันต่อไปนะ
อ้างอิงข้อมูลจาก