ผลงานที่อัดแน่นไปด้วยรายละเอียด แต่สัมผัสได้ถึงความสนุกตั้งแต่มองภาพรวม จนไปถึงสอดส่องในรายละเอียดแต่ละมุม ก็ทำให้เราอยากค้นหาเรื่องราวในภาพนั้นต่อ ว่าจะมีคำใบ้ มีความสนุกอะไรซ่อนอยู่ตรงไหนอีกบ้าง เรากำลังพูดถึงผลงานของ 3Landboy เจ้าของผลงาน NFT Art ที่แต่ละชิ้นนั้น อัดแน่นไปด้วยความสนุกของเหล่าคาแรกเตอร์มากหน้าหลายตา
โดยแต่ละคาแรกเตอร์นั้น ต่างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน แต่เมื่อนำมาอยู่ด้วยกันในชิ้นงานแล้ว มันกลับเป็นแก๊งเดียวกันได้อย่างกลมกลืน มาค้นหาที่มาของความสนุก สดใส เหมือนกับได้นั่งมองสนามเด็กเล่นนี้ กับ ปอม-3Landboy ศิลปิน NFT เจ้าของผลงานความสนุกนี้ไปพร้อมกัน
3Land เป็นจุดเริ่มต้นของความสนุกสนานทั้งหมดนี้ เป็นพื้นที่สมมติที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อปลดปล่อยจินตนาการ ได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ที่อยากไป เนรมิตเพื่อนใหม่หน้าตาไม่ซ้ำ ทั้งหมดนี้ถูกต่อยอดมาเป็นผลงาน NFT ที่เราได้เห็นภายใต้ชื่อศิลปิน 3Landboy ในปัจจุบัน มีงาน 1:1 ชิ้นใหญ่รายละเอียดแน่นบน Foundation และเหล่าแก๊งคาแรกเตอร์แปลกตาทั้งหลายบน Opensea
โดยเหล่าคาแรกเตอร์นั้นจะมีทั้งที่มาจากงาน 1:1 และที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อไปประกอบบนงาน 1:1 สลับกันไปมา อาจมีการปรับรายละเอียดบ้างในบางส่วน เพื่อให้มี easter eggs เล็กน้อยว่าเจ้าตัวนี้เคยอยู่ในงานชิ้นใหญ่มาแล้วนะ หากซูมดูใกล้ๆ อาจได้เห็นตัวอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
คาแรกเตอร์แต่ละตัว ค่อนข้างมีเอกลักษณ์แล้วแต่ละตัวก็ไม่ซ้ำกันด้วย เวลาหาไอเดียมาวาดตัวละครเหล่านี้ จะเริ่มต้นจากอะไร?
ชอบวาดรูปเล่นในกระดาษทั่วไป กะว่าไม่ได้ใช้ทำงาน จะได้เป็นอิสระมากที่สุด เป็นอิสระจากการครีเอตงาน เราจะไม่กลัวในการเขียนอะไรขึ้นมา ไม่ต้องกลัวว่าเขียนแบบนี้คนจะชอบมั้ย จะซื้อมั้ย จะผิดมั้ย เราไม่สนใจเลย เราแค่อยากวาดเล่นเฉยๆ ถ้าเราทำด้วยความสนุก เราจะรู้เองว่าเราจะชอบความที่ตัวนี้มีตาแบบนี้ ปากแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ เราอาจจะถึงสิ่งเหล่านี้มาสร้างใหม่เป็นอีกตัวนึง
ถ้าเหล่าคาแรกเตอร์เริ่มจากการวาดเล่น แล้วการทำงาน 1:1 เริ่มต้นยังไง?
ผมจะทำงานเหมือนเป็นไดอารี่บันทึกเรื่องราว สิ่งที่เกิดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อย่างในช่วงนี้ มีเรื่องนี้เข้ามา ผมก็จะเอามาใส่ในเรื่องราว ยกตัวอย่างงาน UNDER ATTACK ตอนแรกผมจะไม่มีไอเดียอะไรเลย แต่ตอนจะสร้างงาน ผมจะถามตัวเองประมาณนึงว่าเราอยากให้งานนี้มีอะไรบ้าง งานชิ้นนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาจากตอนช่วงแรกที่ผมทำ NFT มาได้ครึ่งทาง ช่วงนั้นมีเรื่อง ETH จะเปลี่ยนไปเป็น Prove Of Stake มีการใช้ระบบ Staking ในการขุด มีเรื่องของ scammer ที่เริ่มเยอะมาก ผมเลยเอาหลายๆ อย่างพวกนี้มาประกอบกัน
ในงานจะเห็นจุดต่างๆ ซึ่งผมก็เอาไปใส่ไว้เหมือนเขียนไดอารี่ มันจึงมีเรื่องราวอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย ผมสามารถเล่าเป็นบางจุดได้ เช่น มุมขวาบน ที่เป็นตัวสีแดงกระโดดจากช่องหน้าต่าง ซึ่งหน้าต่างสามบานนั้น มาจากงานชิ้นหนึ่งของผมที่ผมขายบนเชนอื่นแล้วเอามาใส่ในงานนี้ เหมือนหน้าต่างนั้นคือประตูมิติที่เชื่อมกัน ตัวละครจึงข้ามมิติจากอีกเช่นหนึ่งมาเชนนี้ได้
ผมทำ NFT แบบไม่รู้อะไรเลย ตอนนั้นคนไทยทำไม่ถึงสิบคนมั้งครับ เอางานไปลงที่นั่นที่นี่ ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากเอาไปลงขาย แต่มันมีผลกระทบตรงทำให้เราไม่ได้โฟกัสที่หลักที่เราขาย เหมือนสิ่งที่ทำอยู่มันวุ่นวาย ยุ่งเหยิง การโจมตีพวกนี้ หากเราไม่ระวังตัวดีๆ เราอาจจะโดน scammer หลอกได้ ผมเลยเอาพวกนี้เข้ามาถล่มเมืองผมเอง
พอเราเริ่มต้นจากการวาดเล่นเป็นหลัก แล้วจะรู้ได้ไงว่าชิ้นไหนเอาไปต่อยอดได้?
ความชอบเป็นหลักเลยครับ ก็ต้องเป็น curator ให้งานตัวเอง จริงๆ เราก็ชอบหมดเลย แต่อาจจะเอาทุกอย่างมาขายไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ควบคุม supply งาน บางทีมันอาจจะเยอะเกินไป การที่ผลิตงานออกมาเยอะเกิน อาจทำให้ไม่เกิดการซื้อขาย secondary market คนเขาก็จะรอว่า ศิลปินจะผลิตงานใหม่เรื่อยๆ เขาก็รอซื้อใหม่มากกว่า
เราก็จะคัดเองว่าตัวนี้น่ารักดี เจ๋งดี เวลาเลือกมาใส่คอลเล็กชั่น ผมจะทำเป็นรอบ รอบละ 10 ตัว อะไรแบบนี้ มันจะดูเหมือนเป็นกลุ่มเป็นก้อนกัน ปลายทาง ผมจะเอาคาแรคเตอร์พวกนี้ ไปสร้างเหมือนให้พวกมันอยู่ เป็น 1:1 อีกรอบนึง
แต่ละชิ้นงานค่อนข้างสดใส และมีความเป็นเด็กอยู่ในนั้นมาก สิ่งนี้บ่งบอกถึงตัวตนของเราด้วยหรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้ผมทำงานด้วยความสนุก เราทำเพราะเราสนุก มันเป็นงานอดิเรกที่เราชอบ เราไม่ได้คิดเลยว่าคนจะชอบมั้ย แต่ผมเข้าใจเลยว่า เวลาเราทำอะไรแล้วสนุกจริงๆ คนเขาจะรับรู้ได้ว่าสิ่งนี้มันสนุก เหมือนเวลาเราเล่นอะไรคนเดียว แล้วมีคนมาเห็นเรา เขาอาจจะหยุดยืนดูว่ามันสุนกดี เรียกเพื่อนมาดู ขอเล่นด้วย ผมว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้นมากกว่า
ส่วนความเป็นเด็กที่ได้เห็นในงานนั้น อาจเป็นเพราะว่า ผมไม่ค่อยได้มีวัยเด็กที่ได้ทำอะไรที่เราอยากทำเท่าไหร่ เลยโหยหาความเป็นเด็กตลอดเวลา มันเลยอาจจะออกมาในรูปแบบนี้แทน เราอยากไปเที่ยว ไปไม่ได้ ต้องช่วยที่บ้านทำงาน เราอยากเล่นของเล่น แต่เราไม่มีเงินซื้อ ผมเลยเริ่มสร้างโลกนึงขึ้นมาที่ผมเรียกมันว่า 3Land
ผมไม่รู้ว่าผมชอบวาดรูปตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนที่วาดได้ รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนสมบัติของเรา เอาไว้ในโลกที่เป็นของเรา เลยสร้างดินแดนขึ้นมา ใส่อะไรที่เราอยากเห็น สิ่งที่เรารู้สึกดีกับมัน
ส่วนมากจะเป็นมู้ดดีๆ อย่างความสนุก ผจญภัย เหมือนเด็กน้อย (หัวเราะ) บางทีจะมีอะไรที่สะท้อนสิ่งรอบข้างบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความสนุกสนาน
อย่างการใช้สีเองก็ทำให้งานดูสนุกไปด้วย แต่บางชิ้นก็มีสีที่ดร็อปลงมา จริงๆ แล้วเลือกสีที่ใช้แต่ละงานอย่างไร?
ตามช่วงเวลาของเราเลย ว่าเราอยู่กับสีแบบไหน ผมเป็นคนชอบใช้สีมาก ตอนที่ผมทำ GAME ON ผมทำไว้นานมากแล้ว ตั้งแต่ทำงานไม่เคยใช้สีมาก่อน ขาวดำ มีสีแทรกบ้าง ผมเลยอยากลองใช้สี แต่ก็ไม่กล้าใช้ กลัวว่าเราไม่รู้ทฤษฎีอะไรเลย มันจะถูกมั้ย ผิดมั้ย แต่พอเราบอกตัวเองว่าไม่ต้องสนใจหรอก ก็ทำเล่นเก็บไว้ พอเปิดโอกาสให้ตัวเองเล่นสนุกเลยมีอิสระกับมันเต็มที่ ผมเลยบอกตัวเองว่าเราก็เลือกสีที่เราชอบ
ผมไม่มีแพนโทน ผมจะจิ้มจากพาเลตสีเอา พอผมเริ่มทำชิ้นนั้น ผมเลยรู้สึกว่าหลักการมันคงเป็นแบบนี้แหละมั้ง เลือกสีที่ชอบ ลองเอามาแมทช์กันดูว่าเข้ามั้ย เริ่มมีความกล้าในการใช้สีมากขึ้น เริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ พอมันใช้สีเยอะๆ เริ่มกล้าใช้สีอื่นๆ ด้วย มีช่วงนึงลองทำสีแรงๆ ที่ไม่ค่อยได้ทำ เพราะรู้สึกว่ามันคุมยาก แต่มันก็สนุกดี
ในตอนต้นที่บอกว่า ตอนนั้นตลาด NFT ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก แล้วทำไมถึงตัดสินใจเข้าไปในตลาดนี้ทั้งที่ยังไม่บูมมาก?
ผมคิดมาตลอดว่าในอนาคต มันจะมีแพลตฟอร์มที่ทำให้งานดิจิทัลมันขายได้ ที่มันไม่ใช่พวก Shutterstock ผมเฝ้ารออะไรแบบนี้มาตลอด ผมตามอ่านข่าววงการศิลปะ วันหนึ่งมีข่าวหนึ่ง ผมไปเจอข่าว Banksy เขาเอางานไปเผาแล้วทำ NFT ผมเลยสงสัยว่าอะไรคือ NFT เลยเริ่มศึกษา ตอนนั้นรู้แค่ว่ามันคือการ tokenize งานขึ้นมา แล้วแลกเปลี่ยนกันด้วยคริปโตฯ บวกกับช่วงนั้นผมหยุดการทำงานภาพประกอบด้วย ไม่รับงานเลยประมาณปีนึง เลยมีเวลาในการหาข้อมูล
ผมเริ่มมองหาแพลตฟอร์มในการขายของตัวเองด้วย เลยไม่รีรอที่จะเข้ามาทำ เลยได้เริ่มขายบน foundation เป็นที่แรก โดยมี GAME ON เป็นชิ้นแรก ผมเริ่มรู้สึกว่าผมเบื่อกับการทำงาน แก้งานให้ลูกค้า แต่ก่อนคนที่ทำงานดิจิทัลต่อให้สวยแค่ไหน ก็เป็นได้แค่พอร์ตโฟลิโอ้เอาไว้ให้ลูกค้าดู แล้วรับงานต่อๆ ไป ผมทำงานตามโจทย์มาตลอด จนเบื่อที่จะทำแบบนี้แล้ว มันทำมาเป็นสิบปีเลยรู้สึกอยากพัก ผมเริ่มไปแสดงงานมากขึ้น อยากให้คนได้เห็นงานที่เป็น pure จริงๆ จากเรา
เราคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ นำเสนอแบบนี้ โดยไม่คิดเลยว่ามันจะขายได้มั้ย เราแค่อยากขายสไตล์งานของเรา พอเจอ NFT มันทำให้เราเป็นเราได้ 100%
ปัจจุบันมันก็เริ่มมีกระแสเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีคนสะสมเยอะมาก มีคนสะสมตามกระแส ช่วงนี้กระแสนี้มา คนก็ผลิตงานออกมาเพื่อขายให้คนสะสม แต่ก็จะมีประเภทที่ไม่ได้อิงกับอะไรเลย เป็นตัวเองอย่างเดียว
พอได้ลองแล้ว กระแสตอบรับชิ้นแรกเป็นไงบ้าง?
ชิ้นแรกขายได้เลย ผมลงไปตอนบ่ายๆ กลางคืนก็มีคนมา bid เลย ดีใจที่มันขายได้จริง ก็ลองถอนเงินออกมาดูว่ามันได้เงินจริงหรอ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้แล้วต้องทำจริงจังแล้ว เลยศึกษาไปด้วยทำไปด้วย ทำ community ด้วย คุยกับคนไปด้วย ให้ความรู้กับเพื่อนๆ คนที่เริ่มทำ เราเห็นว่ามีคนที่เข้ามาทำกันเยอะมากขึ้น มันเปลี่ยนชีวิตคนหลายๆ คน รวมถึงตัวผมเองด้วย
แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำ NFT เป็นหลักแล้ว ลองหันไปลงทุนอย่างอื่นด้วย เพราะอยากควบคุม supply ของตัวเอง ไม่อยากให้คนรู้ว่าผมจะขายงานในทุกๆ วันไหน คนจะได้ไม่ต้องรอผม แต่ผมจะทำงานไปเรื่อยๆ นี่แหละ แต่คงไม่ได้ขายทุกชิ้นที่ทำแล้ว
โดยรวมแล้ว งานของ 3Landboy ขายได้ราคาค่อนข้างดีเลย ในฐานะศิลปิน มองว่าทำไมคนถึงยอมทุ่มเงินกับผลงานของเราขนาดนี้?
ผมก็มีถามเหมือนกันว่างานเราถูกซื้อเพราะอะไร หลักๆ แล้วองค์ประกอบของการขายงานในรายคาแพง หนึ่งตัวงานต้องมีเอกลักษณ์ สองคือการทำ community การคุยกับผู้คน การช่วยเหลือกัน ตรงนี้มันช่วยให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น เพราะเราเองก็สนับสนุนคนอื่นด้วย พอเราขายงานได้แล้ว เราอาจจะไปทำงานใหม่ ขายใหม่ แต่ผมขายงานแล้ว คนที่ซื้องานผมก็จะเป็นเพื่อนกัน ผมก็จะคุยกับเขาตลอด บางทีไม่ได้คุยเพื่อให้ซื้องานเราใหม่ แต่คุยเพื่อให้เขารู้สึกว่าเราอยู่ตรงนี้นะ ไม่ทำให้มันเป็นโรงงานผลิต
แต่ช่วงนี้ผมเริ่มเบาตัวเองลง มันต้องมีจุดพัก เราทุกคนพุ่งไปข้างหน้าไม่ได้ตลอด มันจะพุ่งไปได้ประมาณนึง จรวดต้องมีที่จอด ผมเลยพยายามเบา ขายงานน้อยลง พยายามบาลานซ์ชีวิตครอบครัวด้วย ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาให้ครอบครัวเท่าไหร่ เลยหันมาให้เวลาครอบครัวมากขึ้น
ติดตามผลงานของ 3Landboy ได้ที่
3landboy (@3land) | Foundation
3LAND WORLD – Collection | OpenSea