ดูท่าปี 2018 จะเป็นปีของสีม่วงจริงๆ เพราะนอกจากเฉดสี 18-3838 Ultra Violet จะได้รับเลือกให้เป็น Pantone Color of the Year แล้ว แวดวงการออกแบบแขนงต่างๆ อย่างแฟชั่นดีไซน์ กราฟิกดีไซน์ หรืออินทีเรียร์ดีไซน์ ยังยกให้สีม่วงลาเวนเดอร์เป็นสีมาแรงที่จะแซงชมพูมิลเลนเนียลพิงค์ของปี 2016-2017 แบบไม่เห็นฝุ่น
ในโอกาสนี้ เราจึงอยากหยิบยกแฟกต์สนุกๆ เกี่ยวกับสีม่วงมาเล่าให้ฟัง ตั้งแต่สีม่วงที่แพงเท่าทองคำ แต่แท้จริงทำจากซากหอยทะเล, อาภรณ์สีม่วงที่มีเพียงราชนิกูลเท่านั้นที่ใส่ได้ และคนที่บังอาจใส่จะโดนตัดหัว ไปจนถึงสีม่วงอันเป็นเอกลักษณของ Prince เจ้าชายแห่งวงการเพลงบันเทิงที่เพิ่งล่วงลับไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
เมื่ออ่านจบ คุณน่าจะมองสีม่วงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว!
1. สีม่วงที่แพงที่สุดในโลก คือสีที่เหม็นที่สุดในโลกเช่นกัน เพราะทำจากซากหอยนับล้านตัว
Tyrian purple คือชื่อของสีม่วงที่ว่า โดยเหตุที่ได้ชื่อนี้เป็นเพราะมันถูกผลิตขึ้นที่เมืองริมทะเลเมดิเตอเรเนียนนามว่า Tyre (ปัจจุบันคือประเทศเลบานอน) ในช่วงอารยธรรมฟินีเชียน ซึ่งสีม่วงนี้อยู่มาก่อนจะมีการตั้งชื่ออารยธรรมเสียอีก เพราะฟินีเชียนมีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ อันแปลว่า “ดินแดนแห่งสีม่วง” นั่นเอง
ส่วนเหตุที่ Tyrian purple มีราคาแพงสุดๆ (มีช่วงหนึ่งราคาสูงถึงทองคำ) เป็นเพราะว่ามันถูกผลิตขึ้นจากหอยในวงศ์หอยหนาม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า murex โดยต้องใช้หอยจำนวนมากถึง 12,000 ตัวเพื่อสกัดสีปริมาณ 1.5 กรัม!
กรรมวิธีการสกัดสีเองยุ่งยากใช่เล่น เริ่มจากการแงะเปลือกออก แล้วสกัดสีออกจากต่อมผลิตเมือกของเจ้าหอยโดยการต้ม หลังจากนั้นนำสีที่ได้ไปตากแดดในระยะเวลาพอเหมาะ อย่างไรก็ตาม เพราะต้องใช้หอยจำนวนมาก คนงานจึงประหยัดเวลาด้วยการบดหอยทั้งหมดเข้าด้วยกันแทนการมานั่งแงะเปลือกทีละอันๆ โดยสีที่ได้จากต่อมผลิตเงือกของหอยนั้นเป็นสีม่วงสด เมื่อนำไปย้อมผ้าจะได้ผ้าที่สีสดใสและไม่ซีดจาง
ในตอนนั้นมีกฎหมายกำหนดไว้ว่า ภรรยาสามารถขอหย่ากับสามีได้ หากแต่งงานไปแล้วสามีอยากจะไปทำงานเป็นคนงานสกัดสีม่วง เพราะคนงานเหล่านี้จะกลับบ้านไปพร้อมกับกลิ่นเหม็นจากซากหอยเน่านับแสนตัว! ซึ่งทางการเองเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องเกินจะทานทน
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/12/4e85f7ffb342f07f13c89a33b75ad9e4.jpg)
ภาพของจักรพรรดินี Theodora แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ในเครื่องทรงสีม่วง Tyrian via pinimg.com
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/12/Mollusc.jpg)
หอยชนิดที่ใช้ทำสีม่วง Tyrian via blogspot.com
2. สีม่วงของคนรวย ชนชั้นสูง และราชนิกูล
สืบเนื่องจากข้อ 1. ด้วยความแพงของ Tyrian purple จึงมีแต่บุคคลผู้ร่ำรวยเงินทองเท่านั้นที่มีสิทธิครอบครองผ้าผ่อนสีม่วง (ซึ่งแน่นอนว่าถูกนำไปผ่านกระบวนการจนไร้กลิ่นแห่งซากสัตว์) โดยค่านิยมเช่นนี้กระจายไปยังดินแดนอื่นๆ เช่น โรม อียิปต์ และเปอร์เซีย ในยุคสมัยของจักรวรรดิไบแซนไทน์ มีธรรมเนียมให้จักรพรรดินีมีประสูติกาลในห้องที่ประดับประดาด้วยผ้าสีม่วง เป็นเหตุให้เกิดศัพท์คำว่า Porphyrogenitus หรือ ‘กำเนิดสู่สีม่วง’ ซึ่งใช้เรียกจักรพรรดิที่ขึ้นครองราชย์โดยการสืบทอดราชบัลลังก์
ในยุคของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบ็ธที่ 1 พระองค์ทรงออกกฎห้ามไม่ให้สามัญชนคนทั่วไปสวมใส่อาภรณ์สีม่วง โดยทรงสงวนไว้ให้เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ที่ลำดับใกล้ชิดกับพระองค์สวมใส่เท่านั้น ดังนั้นในยุคนี้สีม่วงจึงไม่เพียงสะท้อนถึงความมั่งคั่ง แต่ยังพรีเมี่ยมไปอีกด้วยการ สะท้อนสถานะทางสังคมของราชนิกูลด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น กฎดังกล่าวถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับยุคสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 พระราชบิดาของพระองค์ ผู้สั่งประหาร Henry Howard เอิร์ลแห่งเซอร์เรย์ ด้วยข้อหากบฎ โดยก่อนหน้านี้ก็มีคนเห็นกบฎผู้นี้ท้าทายกษัตริย์ด้วยการสวมชุดสีม่วงแสนยโส
3. สีม่วงที่เกิดจากความล้มเหลวในการผสมยารักษาโรคมาลาเรีย
ในปี 1856 William Henry Perkin เด็กหนุ่มชาวอังกฤษวัย 18 ปีผู้กำลังศึกษาอยู่ที่ Royal College of Chemistry ทดลองผสมยาเองที่บ้าน โดยตั้งใจจะคิดค้นควินีน (ยารักษาโรคมาลาเรียและบาบีซิโอซิส) ที่มีราคาถูกลง เพราะในตอนนั้นควินีนต้องสกัดจากเปลือกต้นซิงโคน่า (cinchona) จากอเมริกาใต้
ทว่าหลังจากลองผสมไฮโดรเจน ออกซิเจน และน้ำมันดินเข้าด้วยกัน เพอร์กินสังเกตเห็นของเหลือจากการทดลองซึ่งมีสีออกดำๆ เขาลองเอาของเหลือที่ว่าไปทำละลาย จึงเกิดเป็น ‘สีย้อมอนิลีน’ (aniline dyestuff) สีย้อมสีม่วงที่สังเคราะห์จากสารเคมีสีแรกของโลก
การค้นพบโดยบังเอิญนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสกัดสี เพราะนอกจาก Tyrian purple แล้ว มนุษย์เราก็พยายามสรรหาปลาและแมลงต่างๆ มาสกัดเป็นสีม่วง แต่ก็ไม่มีสีม่วงใดที่สีสดและคงอยู่ได้นานเท่าสีม่วงจากซากหอยอยู่ดี แถมราคาก็ยังแพงอยู่เหมือนเดิม เมื่อเพอร์กินสังเคราะห์สีม่วงจากสารเคมีได้ เสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วงจึงกลายเป็นของที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกชนชั้น และไม่เป็นสีที่สะท้อนถึงความร่ำรวยและเชื้อสายผู้ดีอีกต่อไป
ในตอนแรกเพอร์กินเรียกสีม่วงนี้ว่า Tyrian purple แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็น muave เพื่อลบกลิ่นอายความโบราณ แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไร ผู้คนในยุคนั้นก็บ้าคลั่งสีม่วงของเพอร์กินมาก และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มก็กลายเป็นมหาเศรษฐีไปเลย—แม้จะคิดค้นยาควินีนไม่สำเร็จก็ตาม
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/12/170829100805-perkin-smithsonian-super-169.jpg)
cnn.com
4. สีม่วงของ Prince ราชนิกูลแห่งป๊อปคัลเจอร์
ต่อให้คุณไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวยงของ Prince แต่เราเชื่อว่าเมื่อเอ่ยชื่อเขา คุณต้องเห็นภาพนักร้องมากสเน่ห์ในชุดเสื้อคลุมสีม่วงไวโอเล็ตอันเป็นเอกลักษณ์แน่นอน โดยสีม่วงนี้มีที่มาจากเพลง Purple Rain ซึ่งพูดถึงฝนโลหิตที่โปรยปรายลงมาในวันสิ้นโลก “เมื่อเลือดอยู่บนฟากฟ้า สีแดงและสีน้ำเงินผสมกันออกมาเป็นสีม่วง ฝนสีม่วงเกี่ยวกับวันสิ้นโลก คุณอยู่กับคนที่คุณรัก และปล่อยให้ศรัทธาหรือพระเจ้าของคุณนำทางคุณผ่านพ้นฝนสีม่วงนี้ไป” Prince ผู้ล่วงลับกล่าวเอาไว้
อย่างไรก็ดี แฟนเพลงบางคนเชื่อว่า Purple Rain เป็นการเล่นเสียงกับคำว่า Purple Reign (การครองราชย์สีม่วง) ซึ่งพอดิบพอดีกับชื่อของ Prince และความเกี่ยวข้องระหว่างราชวงศ์ ชนชั้นสูง และสีม่วง ดังนั้นการครองราชย์สีม่วงจึงเป็นการครองราชย์ของ Prince เจ้าชายแห่งป๊อปคัลเจอร์นั่นเอง
อ้อ และต้องไม่ลืมอีกสองเหตุผลแสนเรียบง่าย—Prince ชื่นชอบสีม่วงมากๆ และเขาก็ชอบท้าทายขนบของสังคมอีกด้วย ผู้ชายไม่เหมาะจะใส่สีม่วงงั้นหรือ? งั้นก็ใส่เสื้อสีม่วงขึ้นโชว์เลยสิ!
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/12/gettyimages-86103158-0f8458c0-d64b-4c5d-8987-bb907391d304.jpg)
wennermedia.com
5. สีม่วงของศิลปินที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นโรค ‘Violettomania’
ในช่วงปี 1800s ถึงต้น 1900s ศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ชื่อดังอย่าง Claude Monet เกิดหลงใหลในสีม่วงเป็นอย่างมาก หลายภาพวาดของเขามีสีม่วงลาเวนเดอร์เป็นองค์ประกอบหลัก เช่น Le Printemps (1886) ซึ่งเป็นภาพหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของฤดูใบ้ไม้ผลิ
นักวิจารณ์ที่ไม่ชอบใจศิลปะอิมเพรสชันนิสม์อยู่แล้วเป็นทุนเดิมวิจารณ์โมเนต์อย่างหนัก โดยหนึ่งในคำวิพากษ์นั้นคือการกล่าวหาว่าเขามีอาการ ‘Violettomania’ อันหนึ่งในอาการของโรคฮิสทีเรีย นอกจากนี้ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่ว่า แท้จริงแล้วอาการ ‘Violettomania’ เป็นสภาวะที่สายตาชดเชยสีตรงข้าม โดยสีม่วงนั้นเป็นสีตรงข้ามของสีเหลือง ซึ่งเป็นสีของแสงอาทิตย์ในวิวทิวทัศน์ที่เหล่าศิลปินอิมเพรสชันนิสม์นิยมวาดกัน
อย่างไรก็ดี ผู้นิยมชมชอบศิลปะอิมเพรสชันนิสม์คิดเห็นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง แถมยังเชื่อกันว่าโมเนต์มีความสามารถพิเศษในการมองเห็น ultraviolet แสงสีสุดท้ายในสเปคตรัมซึ่งมนุษย์คนอื่นๆ มองไม่เห็น แล้วจึงถ่ายทอดแสงสีดังกล่าวผ่านผลงานของตนนั่นเอง
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/12/95a9e41c6678b7cc4e802f0e0d9b02e6.jpg)
pinimg.com
สีม่วงเดินทางผ่านการเวลามากับเรื่องราวมากมาย และในปี 2018 อันน่าจะเป็นปีของสีม่วงอีกครั้ง ก็เป็นที่น่าติดตามทีเดียว ว่าจะเกิดปรากฏการณ์หรือข้อวิจารณ์เกี่ยวกับสีม่วงขึ้นมาอีกอย่างไรบ้าง
อ้างอิง