ตอนอายุ 14 คุณกำลังทำอะไร? คร่ำเคร่งกับการสอบปลายภาค แอบวางของขวัญใต้โต๊ะรุ่นพี่ที่แอบชอบ หรือออดอ้อนพ่อแม่ขอไปดูคอนเสิร์ตศิลปินวงโปรด?

interview.de
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ชีวิตวัย 14 ปีของคุณ (และเราด้วย!) คงธรรมดาสุดๆ ไปเลย เมื่อเทียบกับชีวิตมากสีสันของ Finn Wolfhard นักแสดงหนุ่มน้อยวัย 14 ปีที่ครองใจแฟนๆ ทั่วโลกด้วยบทบาท Mike Wheeler จากซีรีส์ไซไฟยอดฮิต Stranger Things 1 & 2 (2016-) และ Richie Tozier จากภาพยนตร์สยองขวัญ It ฉบับรีเมกปี 2017
แถมล่าสุดวงดนตรี Culpurnia ที่ฟินน์ทำร่วมกับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันยังได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงสัญชาติแคแนเดียน Royal Mountain Records (ค่ายเดียวกับ Mac DeMarco, Alvvays และ Metz) และพวกเขาก็เริ่มบันทึกเสียงในสตูดิโอกันแล้วด้วย!
ก่อนจะไปไกลกว่านี้ ขอย้อนกลับไปเล่าเรื่องเบสิกซักนิดซักหน่อย—ฟินน์ วูลฟ์ฮาร์ดถือกำเนิดในปี 2002 (เห็นเลขปีแล้วป้าเอ็นดู๊เอนดู) ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ดูเหมือนว่าความเป็นศิลปินและนักสร้างสรรค์จะเป็นสิ่งที่ตกทอดกันมาในตระกูลวูลฟ์ฮาร์ด เพราะคุณพ่อของฟินน์เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ส่วนพี่ชายของเขาก็เป็นนักแสดงเหมือนกัน เมื่อโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ก็คงไม่แปลกนักที่เด็กน้อยจะอยากลองฝีมือในวงการกับเขาบ้าง
อันที่จริงก็เป็นคุณพ่อของฟินน์นี่เองที่นำบท Stranger Things มาให้เขาอ่าน เพราะรู้ใจลูกชายที่ชอบดูภาพยนตร์ไซไฟและภาพยนตร์ยุค 80s แบบสุดๆ (ซึ่งฟินน์บอกว่าข้อนี้ก็ได้รับอิทธิพลมาจากผู้เป็นพ่อนี่แหละ)

pmcvariety.files.wordpress.com
“เรื่องย่อของซีรีส์บอกว่า เป็นจดหมายรักถึงภาพยนตร์ดราม่า สยองขวัญ และไซไฟในยุค 80s ซึ่งผมก็แบบ เอาด้วยดิ’” เด็กชายให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Dazed and Confused
“ผมถ่ายคลิปแคสติ้งตอนที่กำลังป่วยอยู่บนเตียง ถ่ายด้วยมือถือนี่แหละ แล้วก็ส่งอีเมลล์ไป แมทท์กับรอส (Matt & Ross Duffer ผู้กำกับและเขียนบท) ชอบมันมาก พวกเขาให้ผมลองถ่ายไปใหม่อีกครั้ง แล้วในที่สุดผมก็ได้ไปเจอพวกเขาที่ LA”
โดยความหลงใหลในวัฒนธรรมเรโทร ทำให้ฟินน์พร้อมสำหรับบทบาทวัยรุ่นในยุค 80s สุดๆ เด็กชายเล่าด้วยความเบิกบานว่าตัวเองแทบไม่ต้องทำการบ้านอะไรเลย (ในแง่ของการเสพสื่อยุคนั้น) เพราะเคยดูเรื่องเด็ดๆ มาหมดแล้ว รวมถึงดูเรื่องที่วิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder) ทีนควีนแห่งยุค 80s เคยแสดงก่อนจะมารับบทเป็นแม่ของเด็กชายที่หายสาบสูญไปในซีรีส์ Stranger Things เสียอีก
ในปี 2016 ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดหลังจาก Stranger Things ซีซั่นแรกเปิดตัวในสตรีมมิ่งเซอร์วิสยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix ฟินน์และผองเพื่อนนักแสดงเด็กจึงโด่งดังกันถ้วนหน้า แต่ในปี 2017 นี้แสงสปอตไลท์ค่อนข้างส่องมาที่ฟินน์มากกว่าคนอื่น เพราะกระแสภาพยนตร์เรื่อง It ไม่ทันหายไปไหน กระแส Stranger Things ซีซั่น 2 ก็วิ่งแซงขึ้นมาทันที
อีกทั้งยังมีข่าวเรื่องวงดนตรี Culpurnia ของฟินน์ที่ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงตามที่เล่าไปด้านบน ซึ่งหนุ่มน้อยเอาจริงเอาจังกับมันไม่น้อย เพราะนอกจากการแสดงแล้วก็มีดนตรีนี่แหละที่เขาหลงใหลเหลือเกิน “ผมรักดนตรียุค 80s และ 90s ผมรักวงอัลเทอร์เนทีฟเก่าๆ อย่าง Nirvana, Joy Division และ New Order” เขาว่า
นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาฟินน์ยังไปปรากฏกายในมิวสิกวิดีโอของหลายๆ วงดนตรี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมิวสิกวิดีโอเพลง Sonora ของวง Spentime Palace ซึ่งฟินน์ร่วมคิดคอนเซ็ปต์และร่วมกำกับเองด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มยังช่วยงานองค์กร Sweet Relief ซึ่งช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับนักดนตรีที่ต้องการความช่วยเหลือ เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่แท้ทรู

consequenceofsound.files.wordpress.com

ksassets.timeincuk.net
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าปีนี้จะมีแต่ข่าวน่าชื่นใจเกี่ยวกับฟินน์ให้ได้ยิน เพราะไม่นานมานี้หนุ่มน้อยเพิ่งถูกชาวเน็ตส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เหตุเพราะแฟนคลับที่ไปรอเขาอยู่หน้าโรงแรมถ่ายคลิปตอนที่ฟินน์เดินเข้าโรงแรมไปเลยโดยไม่หยุดทักทาย แล้วนำมาโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย พร้อมด่าทอว่า ฟินน์หยาบคาย ไร้หัวใจ และไม่รู้บุญคุณแฟนคลับที่ทำให้เขาโด่งดังตั้งแต่แรก
แต่สำหรับชาวเน็ตอีกจำนวนมาก ก็มองว่าประเด็นที่แฟนคลับคนนั้นหยิบยกมาด่าทอฟินน์นั้นเวรี่ absurd เพราะ
หนึ่ง—ฟินน์ไม่จำเป็นต้องหยุดทักทายใครอยู่แล้ว มันไม่ได้มีกฎอะไรบัญญัติไว้ว่าเขาต้องทำอย่างนั้น แถมตอนนั้นหนุ่มน้อยอาจจะเหนื่อย หรืออาจกำลังรีบอยู่ก็ได้
สอง—ในขณะที่ฟินน์เป็นเด็กอายุ 14 ขวบ แฟนคลับที่ถ่ายคลิปเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้ว
และเราอยากเติมเองอีกข้อว่า สาม—ฟินน์จะไปติดหนี้แฟนคลับคนนั้นได้ไง ถ้าคิดเป็นขั้นเป็นตอนว่าฟินน์แคสต์บทเองและแสดงเอง เด็กหนุ่มมีวันนี้ได้เพราะความสามารถตัวเองไม่ใช่หรือ?

vice.com
ท่ามกลางความคิดเห็นที่ตีกันไปมา โซฟี เทิร์นเนอร์ (Sophie Turner) ผู้รับบท Sansa Stark ในซีรีส์ Game of Thrones ออกมาทวีตอย่างเผ็ดร้อนว่า
“ให้ตายเถอะ การที่ผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้วมารอเด็ก Stranger Things หน้าโรงแรม แล้วต่อว่าที่เขาไม่คุยด้วยนี่โคตรประหลาดเลย เพราะ ผู้ใหญ่สติดีที่ไหนจะมารอ ‘เด็ก’ หน้าโรงแรม แล้วรู้สึกโดนหยามที่ ‘เด็ก’ ไม่คุยด้วย มันไม่สำคัญหรอกที่เขาเป็นนักแสดง ยังไงเขาก็เป็นเด็กก่อนจะเป็นอย่างอื่น ให้สเปซเขาได้เติบโต โดยไม่ต้องรู้สึกว่าเขาติดหนี้บุญคุณใครเพียงเพราะกำลังทำตามความฝันของตัวเองอยู่”
ด้านแชนนอน เพอร์เซอร์ (Shannon Purser) เจ้าของบทบาท Barbara Holland ใน Stranger Things ก็ออกมาทวีตปกป้องฟินน์ว่า “ไม่มีนักแสดงคนไหนจำเป็นต้องหยุดให้ใคร ฟินน์เป็นคนที่จิตใจดีมากๆ แต่น้องก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งต้องการเวลาพักบ้างเหมือนกัน… จากใจพี่สาวคนหนึ่งสู่ทุกคนบนโลก—อย่าทำให้นักแสดงเด็กคนไหนต้องรู้สึกผิดหรือรู้สึกติดหนี้คุณเพียงเพราะเขาหยุดทักทายไม่ได้”
ตัวฟินน์เองไม่ได้ออกมาตอบโต้ใดๆ แต่เราเชื่อว่าเขาเองก็รู้สึกอึดอัดและลำบากใจอยู่ไม่น้อย ในบทสัมภาษณ์เก่าๆ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ฟินน์เคยเล่าประสบการณ์ตอนที่เจอแฟนคลับที่แก่กว่ามากๆ มารอและกรีดร้องเสียงดังเป็นชื่อเขา
“ผมเลยเข้าใจ ณ จุดนั้นว่า มันโอเคนะถ้าเด็กอายุ 13 ปีทำแบบนั้น คือถ้าพวกเขาดูซีรีส์แล้วก็ชอบมันจริงๆ มันโอเคเลย แต่พอมีผู้ใหญ่มายืนต่อแถว ใช้เวลาทั้งวันไปกับการตะโกนใส่เด็ก… ผมว่ามันน่ากลัวมากเลยล่ะ คือมันทั้งประหลาด แปลกใหม่ แล้วก็น่ากลัว ผมคงต้องทำตัวให้ชินกับมันไปเอง” ฟินน์เล่า
“มันดีมากเลยที่คุณแสดงความสนับสนุน แต่ผมอยากให้คุณทำอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้หน่อย ถ้าคุณชอบผมจริงๆ ก็อาจจะแต่งเพลงเกี่ยวกับผมก็ได้ ผมไม่อยากให้คุณบ้าผมมากๆ เพราะผมก็แค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง”
ประเด็นเรื่องนักแสดงเด็กและวัยเด็กที่สูญสลายไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการภาพยนตร์ มีตัวอย่างการเติบโตท่ามกลางสปอตไลต์ให้เราเห็นเป็นจำนวนมาก—ทั้งการเติบโตอย่างสง่างามไร้รอยขีดข่วน และการเติบโตที่ต้องฝ่าฝันขวากหนามจำนวนมาก
แน่นอนว่าการเติบโตของเหล่านักแสดงเด็กมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง โดยมีพื้นฐานตัวตนของพวกเขา รวมทั้งแรงสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนๆ เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ผู้ชมอย่างเราๆ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องเช่นกัน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การตามดารานักแสดงเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ (ทั้งโดยปาปารัสซี่ที่หารูปและข่าวมาป้อนแฟนคลับ และโดยตัวแฟนคลับเองด้วย)
อีกทั้งการติดต่อสื่อสารกับดารานักแสดงก็ทำได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เราคงต้องคิดให้มากขึ้นว่าการกระทำของเรา—ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน—สามารถส่งผลกระทบอย่างไรได้บ้าง เพราะเบื้องหลังตัวละครโปรดของเรา หรือเบื้องหลังแอคเคาท์อินสตาแกรมสุดฮา ก็คือมนุษย์จริงๆ มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากพวกเรา
โชคดีที่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของฟินน์ดูจะเป็น ‘ปัจจัย’ ที่มีอิทธิพลในแง่ดี หนุ่มน้อยเคยเล่าว่า ตอนเปิดเทอมวันแรก หลังจากที่ Stranger Things ออกฉายแล้ว เขาถูกเพื่อนๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่กี่วันพวกเขาก็เลิก แล้วทุกอย่างก็กลับไปเป็นปกติ “เพื่อนๆ ช่วยชีวิตผมไว้ พวกเขาแบบ ‘พอแล้ว ไปเรียนกันเถอะ เลิกพูดเรื่องตัวเองได้แล้ว’ เหมือนผมได้ ‘ความจริง’ มาหนึ่งโดส ซึ่งมันยอดเยี่ยมไปเลย”
นอกจากนี้ฟินน์ยกเครดิตให้กับครอบครัวของเขาที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ที่แวนคูเวอร์ตามเดิม ไม่ย้ายไปอยู่แถบฮอลลีวู้ดเหมือนที่นักแสดงเด็กคนอื่นทำเมื่อการงานกำลังรุ่งพุ่งแรง ซึ่งทำให้เขายังคงความเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ ได้อยู่
“ผมว่ามันขึ้นอยู่กับชุมชนที่คุณอยู่ คนที่คุณรู้จัก แล้วก็เพื่อนของคุณ” เด็กชายวัย 14 ปีกล่าว
อ้างอิง