ด้วยความอินในซีรี่ย์ American Gods ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้ารุ่นเก่ายุคบุกเบิกกับเทพเจ้ารุ่นใหม่ล้ำนำเทรนด์ ประกอบกับความอินในเรื่องตำนานเทพปกรณัม (mythology) เมื่อเห็นฉากจาก ep. 2 ที่ทาสในเรือร้องขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าอแนนซี่ (Anansi) มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดใจเราทันที
เพราะวิธีการที่เขาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้านั้น ดูเป็นการ ‘ดีล’ ที่มีขั้นมีตอน มีฟอร์มที่ดูจะเคร่งกว่าการบนบานขอหวยที่เราเคยเห็นกันมากนัก เราเลยอยากชวนไปดูกันว่า ในยุคโบราณที่พระเจ้ามีอยู่ในแทบทุกสิ่ง มนุษย์ มีวิธีจัดการกับทางลัดสู่ความปรารถนานี้อย่างไรบ้าง
ในโลกเก่า ตำนานเทพปกรณัม ถือว่าเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการอธิบายสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ รวมถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านของเวลา การเกิดฤดูกาลต่างๆ และฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฝนฟ้าคะนองกระจาย ลากยาวไปไกลจนถึงกำเนิดของโลก คล้ายว่า ถ้ายังไม่รู้จักอะไร ให้เหมาว่าเป็นอำนาจของพระเจ้าไปก่อน
สิ่งที่มนุษย์ทำเองไม่ได้ ก็ต้องฝากความหวังไว้ที่พระเจ้า แต่แน่นอนว่าพระเจ้าก็มีจิตใจเหมือนมนุษย์เรา เป็นพระเจ้าเวอร์ชั่นรัก โลภ โกรธ หลง จะให้มานั่งอำนวยอวยพรให้พวกมนุษย์ฟรีๆ ก็อาจจะไม่แฟร์ไปสักหน่อย เมื่อมีฝ่ายหนึ่งอยากได้จากอีกฝ่าย การดีลให้เจอตรงกลางจึงเกิดขึ้นและการดีลที่ว่านั้นก็คือพิธีกรรมต่างๆ นั่นเอง
ถ้ามองในแง่ของ mythology เมื่อมีความเชื่อก็ย่อมเกิดพิธีกรรมตามมา แต่การแสดงความเคารพบูชาต่อเทพเจ้า สามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยแตกต่างกันไปตามแต่วัฒนธรรมและความชอบเฉพาะของเทพเจ้าแต่ละองค์
ในที่นี้ เราจะย้อนกลับไปดูพิธีกรรมในอดีตอันไกลโพ้นของพวกโปรโต-อินโด-ยูโรเปียน หรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปยูเรเซีย (แผ่นดินที่รวมยุโรปและเอเชีย) ในยุค 4,500- 2,500 ปีก่อนคริสตกาล เพราะมนุษย์กลุ่มนี้แหละที่พากันอพยพแยกย้ายไปส่งต่อความเชื่อในอารยธรรมอื่นๆ ในเวลาต่อมา และน่าจะเป็นรากฐานที่ช่วยให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจพิธีกรรมในยุคต่อๆ มาได้เป็นอย่างดี
โดยทฤษฎีเรื่องพิธีกรรมของโปรโต-อินโด-ยูโรเปียนนี้ มาจากการวิเคราะห์ทางภาษาจากตำนานพื้นบ้านและวรรณกรรมโบราณ รวมถึงหลักฐานทางโบราณคดีอีกจำนวนหนึ่งที่มีการขุดพบ
ตามทฤษฎีแล้ว เราอาจแบ่งพิธีกรรมในยุคก่อนเป็น 3 แบบคร่าวๆ นั่นก็คือ 1. การนับถือผีบรรพบุรุษ (ไม่เกี่ยวกับเทพเจ้า เราเลยจะโฟกัสที่ข้อ 2 และ 3 เท่านั้น) 2. การบูชาเทพเจ้าด้วยคำพูด และ 3. การบูชาเทพเจ้าด้วยอาหาร
การบูชาด้วยอาหาร (Food Offerings)
การบูชาแบบนี้มีได้หลายวิธีด้วยกัน ในหลายวัฒนธรรมจะใช้การอบขนมซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นข้าวบาร์เลย์ และอาจมีน้ำผึ้งและเนย ผลออกมาคล้ายๆ กับขนมเค้กเพื่อถวายเทพเจ้า นั่นคือในส่วนของของหวาน
อีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของการบูชาเทพเจ้าคือการใช้ไฟ ซึ่งมีบรรยายไว้ทั้งในภาษาละติน ฮิตไทต์ กรีก และสันสฤต บางครั้งอาจมีการบูชายัญสัตว์ เช่น แกะ โดยนำไปย่างไฟก่อนจะถวายแด่เทพเจ้า ซึ่งแท้จริงเป้าหมายของการบูชายัญนี้ไม่ใช่แค่สละชีวิตสัตว์ไปเปล่าๆ แต่เป็นการฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับมนุษย์อีกต่อหนึ่ง
ยังมีการบูชาเทพเจ้าด้วยอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Daps หรืองานเลี้ยงเฉลิมฉลองถวายอาหารศักดิ์สิทธิ์แด่เทพเจ้า เพื่อเป็นการจูงใจให้เทพหรือเทพีทำบางสิ่งบางอย่างให้ โดยมาก Daps มักจะจัดขึ้นพร้อมกับงานเลี้ยงฉลองของชุมชน ซึ่งในงานจะมีการจัดเตรียมที่นั่งพิเศษไว้ให้สำหรับเทพเจ้าด้วยการปูฟางลงบนพื้น …ก็อย่างว่า ยังไม่มีเก้าอี้เนอะ นี่ก็ถือว่าหรูแล้ว…
การบูชาเทพเจ้าด้วยคำพูด (Speech Offerings)
ตัวอย่างที่ชัดเจนก็อย่างที่เรายกมาพูดตอนต้นเรื่อง ใน American Gods ep. 2 เปิดตอนด้วยทาสชาวแอฟริกันในเรือของพวกดัตช์ ทาสคนหนึ่งในเรือร้องขอความช่วยเหลือจากอแนนซี่ (Anansi) เขากล่าวว่า
“Anansi, can you hear me? …You are wise and though small, you know ways to crawl in and out of danger unharmed…Help me from this place and I will sing to you all my life”
“อแนนซี่ ได้ยินข้าหรือไม่ ท่านคือผู้ฉลาดล้ำแม้ตัวเล็กจ้อย ท่านรู้วิธีจะคืบคลานไปที่ใดๆ โดยปราศจากภยันตรายทั้งปวง (ดังนั้น) โปรดช่วยข้าจากที่แห่งนี้ แล้วข้าจะร้องเพลงสรรเสริญท่านไปตลอดชีวิต”
ฟังดูแล้ว การบูชาด้วยคำพูดของคนสมัยก่อนอาจคล้ายๆ กับการบนบานศาลกล่าวของบ้านเรา แต่ไม่ใช่แค่จะพูดอะไรเลื่อนเปื้อนไปเรื่อย ต้องมีสเต็ปขั้นตอนที่ชัดเจน
เริ่มจากการวิงวอนขอร้อง (invocation) ในช่วงต้นของพิธีกรรมเพื่อให้เทพเจ้ารับฟังก่อน จากนั้นจึงค่อยให้เหตุผลประกอบการขอ (basis) เช่น ครั้งที่แล้วท่านให้หวยแม่นมาก (ครั้งนี้จึงมาขออีก) หรือพระองค์ช่วยเราจากวิกฤติน้ำท่วมเมื่อหลายปีก่อน (วิกฤติคราวนี้ท่านก็น่าจะช่วยได้อีก) หรือกรณีของอแนนซี่นี้ เพราะท่านฉลาดล้ำ เป็นต้น
จบการให้เหตุผลก็ตบท้ายด้วยคำขอ (the request) ซึ่งน่าสนว่ามักจะใช้คำกริยาที่เป็นคำสั่งในตอนจบและมีการแลกเปลี่ยนบางอย่าง เช่นในย่อหน้าที่แล้ว—ช่วยฉันสิแล้วฉันจะร้องเพลงถวายท่านตลอดชีวิต
ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าในศาสนาพหุเทวนิยมกับมนุษย์ในอดีตกาลนั้นมีความน่าสนใจ ในแง่ที่พระเจ้าก็มีขอบเขตอำนาจชัดเจน มีหน้าที่ของใครของมัน ถ้าจะขอก็ต้องขอให้ถูกองค์ หากเราอยากขอฝนก็อาจไปขอพระวรุณในศาสนาพระเวท อยากได้ชัยชนะในการสู้รบก็อาจจะบูชาโอดินในวัฒนธรรมนอร์ส จำนวนของเทพเองก็รับกับคุณสมบัติและสถานะที่หลากหลาย ที่สะท้อนถึงความต้องการในแง่ต่างๆ มากมายของมนุษย์ ก็เท่านั้นเอง
อันที่จริงแล้วเราแทบไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพระเจ้าในซีรี่ส์ American Gods ถึงดูบ้าๆ บอๆ พระเจ้าในโลกเก่าล้วนเกิดจากมนุษย์ และแทบจะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ มีรัก โลภ โกรธ หลง จะมีแค่ข้อเดียวเท่านั้นที่เราต่างจากพระเจ้าที่ดูจะเป็นภาพในอุดมคติ นั่นก็คือ พระเจ้าเป็นอมตะ ส่วนเรา ไม่
อ้างอิงข้อมูลจาก