“All of the girls you loved before
made you the one I’ve fallen for”
เนื้อเพลงท่อนนี้จาก Taylor Swift เป็นเสียงจากแฟนสาวคนใหม่ ที่อยากจะขอบคุณบรรดาแฟนสาวที่ผ่านมาทุกคน เพราะพวกเธอเหล่านั้นช่วยให้แฟนหนุ่มคนนี้ได้กลายเป็นแฟนแสนดีที่เธอตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำ แน่นอนว่าในสมการความสัมพันธ์ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวละครเดียว เมื่อเปลี่ยนตัวละคร ความรู้สึกก็เปลี่ยนตามไป
แฟนใหม่ได้เริ่มต้นรักกับคนที่แสนดี แต่แฟนเก่ามองเรื่องนี้ จะยินดีกับรักครั้งนี้เสมอไปหรือเปล่า? เห็นเธอไปเริ่มต้นใหม่ได้ก็พร้อมจะยินดีด้วยจากใจ แต่บางครั้งก็นึกน้อยใจว่าทำไมแฟนเก่าของเรา ถึงได้กลายไปเป็นแฟนใหม่แสนดีของคนอื่น ทั้งที่ตอนคบกับเรา เราเคยขอร้องให้เขาทำแบบนั้นเพื่อเรา แต่กลับไม่ได้ วันนี้ที่เรื่องของเราจบไป เขากลับกลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ในแบบที่เราฝันไว้ แต่ไม่เคยได้สัมผัส เลยไม่รู้ว่าจะยินดีกับเขาได้อย่างเต็มปากหรือเปล่า
ไม่มีใครไม่เคยเจ็บช้ำกับความสัมพันธ์ที่จบลงไป งานวิจัยในหัวข้อ ‘Relationship form and function: Exploring meaning-making in young adults’ romantic histories’ ตีพิมพ์บน International Association for Relationship Research เมื่อปี 2011 พบว่าในความสัมพันธ์ 256 ครั้งของผู้เข้าร่วมทดสอบ เป็นอันต้องจบลงถึง 95% เรียกได้ว่ามีรักก็ต้องมีจาก ยากนักที่จะหาความสัมพันธ์โรแมนติกที่จะอยู่กับเราจวบจนวันสุดท้าย แม้มันจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่ใครๆ ก็ต้องเคยเลิกรากันไป แต่เราสามารถมองในอีกมุมได้เหมือนกันว่า เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอนี่แหละ เราถึงควรทำใจปล่อยวางกับมันให้ได้ เมื่อเรื่องนี้มาถึง
จากงานวิจัยชิ้นเดิม ผู้วิจัยได้ถามว่า เหล่าแฟนเก่าหรือความสัมพันธ์ที่จบลงไป ได้สอนอะไรให้เราบ้าง โดยรวมแล้ว คำตอบส่วนใหญ่จะแบ่งได้ 3 ข้อ ได้แก่ ควรทำตัวอย่างไรในความสัมพันธ์ เป็นตัวอย่างสำหรับการมองหาคนรัก และ สอนให้จัดการและคงไว้ซึ่งขอบเขตความเป็นส่วนตัว
จากทั้ง 3 ข้อที่ว่านั้น เป็นเหมือนบทเรียนที่เราจะได้จากความสัมพันธ์ที่จบลงไป ตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์ รักษามันไว้ให้คงอยู่ และเป็นแนวทางเมื่อต้องมองหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ครบตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะไม่ได้ไปต่อ แต่ทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะดีหรือแย่ ไม่เคยจบลงไปเฉยๆ โดยไม่ให้อะไรกลับมา เราได้รู้ว่าเราควรทำตัวแบบไหนเมื่อต้องแบ่งปันอีกครึ่งหนึ่งกับคนรัก ผ่อนหนักผ่อนเบาในวันที่อะไรๆ ไม่ลงล็อกสักที รู้จักบริหารขอบเขตความสัมพันธ์ เมื่อวงกลมสองวงมีส่วนทาบทับกัน เราจะใกล้ได้แค่ไหนให้ไม่อึดอัด จะห่างแค่ไหนถึงจะไม่ไกลเกินเอื้อม ได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนที่เราชอบ สิ่งไหนที่เรารับไม่ได้ เมื่อมีรักครั้งใหม่ เราจะได้มองหาอะไรที่เข้ากับเราได้ง่ายขึ้นด้วย
เมื่อรักผลิบาน เราต้องเริ่มเรียนรู้กันใหม่ เพื่อรักษารักให้ยืนยาว และเมื่อรักโรยรา เราต่างได้เรียนรู้และเติบโตจากความพันธ์ครั้งเก่ากันทั้งนั้น เราอาจจะเจ็บปวดใจที่เห็นแฟนเก่าของเรา ต้องไปเป็นแฟนใหม่แสนดีของคนอื่น ทั้งที่เราอยากให้เขาเป็นคนนั้นให้เราเสมอมา แต่นั่นก็หมายความว่า กว่าเขาจะเติบโต เข้าอกเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์จนเป็นแฟนที่ดีในวันนี้ได้ เขาก็ต้องเติบโตจากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน เราเองก็มีส่วนที่ช่วยให้เขาได้เป็นคนที่ดีขึ้นในวันนี้เหมือนกัน เช่นเดียวกับเราที่ต้องก้าวไปข้างหน้าและเป็นแฟนใหม่ที่แสนดีของใครสักคนเช่นกัน
เขาคนนั้นสอนให้เรารู้ว่าใกล้กันมากไป อาจทำให้อึดอัดใจจนไม่อยากเห็นหน้ากัน สอนให้รู้ว่าความหวังดีที่มอบให้อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ สอนให้รู้ว่าถอยหนึ่งก้าว ไม่ได้แปลว่าแพ้ สอนให้รู้ว่าแค่ความรักอาจยังไม่พอที่จะประคองความสัมพันธ์เอาไว้ได้ บทเรียนอีกมากมายหลายหน้า ประทับไว้ในความทรงจำเลือนลาง ปะปนไปด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา
เราเองก็ได้เรียนรู้ไม่ต่างจากเขา หากเขากลายเป็นแฟนใหม่ที่ดีของใครสักคนได้ เราที่เติบโตมาจากบทเรียนเดียวกันก็ต้องเป็นได้เช่นกัน เพียงแค่ตอนนี้เราอาจยังไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เลยยังไม่ได้เห็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น อาจถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปล่อยมือจากความผิดหวัง คิดวนๆ ซ้ำๆ ในเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเหงา และให้โอกาสตัวเองได้เดินหน้าต่อกับรักครั้งใหม่ ทางมูฟออนที่เร็วที่สุดอาจจะเป็นการมูฟไปหาคนใหม่ก็ได้ ใครจะรู้
เยียวยาตัวเองจากความหลัง ใช้ชีวิตกับปัจจุบัน เขาคนนั้นเองก็อาจจะรอดูเราใครเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นอยู่จากที่ไกลๆ เหมือนกัน
อ้างอิงจาก