เริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่ อะไรก็หอมหวาน
ทว่าตาสีน้ำตาลคู่นั้นช่างคุ้นตา เสื้อผ้าที่เขาใส่คล้ายกับเคยเห็นที่ไหน เพลงชอบที่ฟัง หนังที่ชอบดู อยู่ๆ ก็ทำให้เดจาวูนึกถึงใครบางคนขึ้นมา
ทำไมกันนะ อยากเริ่มใหม่แล้วแท้ๆ กลับได้เริ่มใหม่กับอะไรที่คล้ายเดิม ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ งั้นเรามาหาคำตอบกันดีกว่าว่าที่เรามีแฟนใหม่ แต่ดันไปเหมือนหรือคล้ายกับแฟนเก่า เพราะเราชอบคนไทป์เดิม หรือเพราะอะไรกันแน่?
เมื่อความสัมพันธ์ครั้งเก่าจบลงไป หลังจากหลบไปเลียแผลใจได้สักพัก โค้ชอย่างเราก็พร้อมลงสนามอีกครั้ง แต่คราวนี้ประกาศชัดเจน ไม่เอาแล้วแบบเดิม เข็ดแล้วคนเก่า แต่ไปๆ มาๆ อ้าว แฟนใหม่หน้าคุ้น เหมือนคนที่คุณบอกว่าเข็ดแล้วนี่นา อย่างนี้แปลว่าเรายังไม่ลืมคนเก่าหรือเปล่านะ
Consistency between individuals’ past and current romantic partners’ own reports of their personalities งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ช่วยตบไหล่แล้วบอกเราว่า ทุกครั้งที่เริ่มมองหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เรามักจะตั้งใจไม่เลือกเดตกับคนแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่สุดท้ายเรากลับมีแนวโน้มสูงมากที่จะเลือกเดตกับคนที่คล้ายกับแฟนเก่าอยู่ดี
ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์คู่รักจำนวน 332 คน โดยให้ผู้เข้าร่วมทดลองตอบคำถามทดสอบระดับลักษณะนิสัย เกี่ยวกับทั้งความสัมพันธ์ในปัจจุบันและความสัมพันธ์ในอดีต ผลปรากฏว่าทั้งคนรักเก่าและคนรักใหม่ ที่ต้องตอบคำถามว่าตนเองมีนิสัยแบบใด ทั้งคู่ต่างอธิบายถึงนิสัยตัวเองในทำนองเดียวกัน นั่นหมายความว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็มีแฟนเก่าและแฟนใหม่ ที่มีนิสัยหรือความคล้ายคลึงบางอย่างเหมือนกันนั่นเอง
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เรายังคงอยู่กับงานวิจัยชิ้นเดิม ซึ่งผู้วิจัยได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า เรามักจะมองหาคนที่มีระดับการศึกษา ความคิดเห็นทางการเมือง ภาพลักษณ์ภายนอก และนิสัยใจคอ คล้ายคลึงหรืออยู่ในระดับเดียวกันกับเรา ทำให้คนที่เราคบหาด้วยมีแนวโน้มที่จะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนในมหาวิทยาลัย เราทุกคนต่างหาแฟนแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ เพราะเรายังคงไปเที่ยวแบบเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม และมองหาคนรักแบบเดิมด้วยวิธีที่เคยทำ นั่นทำให้เราไม่ได้ก้าวออกจากวงสังคมไปไหนไกลนั่นเอง
จะว่าไปก็ไม่แปลก ถ้าเรามักจะหาอะไรที่เข้ากับเราได้เหมือนเดิม เราแค่รู้สึกว่านิสัยแบบนี้ ไลฟ์สไตล์แบบนี้เข้ากับเราได้ ไม่มีอะไรขัดกันก็น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่น ไม่ได้เป็นความตั้งใจที่จะเลือก เพียงเพราะอยากให้คนใหม่เหมือนกับคนเก่า นั่นเลยเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ไทป์’ ขึ้นมาในใจเรา อะไรที่เคยเวิร์กในความสัมพันธ์ครั้งเก่า เราก็เก็บเอารายละเอียดเหล่านั้นไว้ ทับถมเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เราเจอคนที่ใช่มากพอที่จะเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ เรากลับพบว่าเขาคนนั้นที่ตรงไทป์เราทุกอย่าง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเก่าที่ตรงไทป์เราเช่นกัน
สำหรับบางคนที่เลือกคนแบบเดิมซ้ำๆ และยังต้องเจ็บแบบเดิมจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษซ้ำๆ นั่นแปลว่าเขาไม่ได้เลือกจากความเข้ากันได้หรอกเหรอ? แม้จะน่าเศร้าหน่อย แต่คงต้องตอบว่าใช่ เพราะงั้นเรามาฟังคำอธิบายเรื่องนี้จากอาร์ลีน บี. อิงแลนด์เนอร์ (Arlene B. Englander) นักจิตบำบัดบอกว่าสิ่งนี้คือ ‘Repetition Syndrome’ เป็นการที่เราอยากจำลองเหตุการณ์บอบช้ำในอดีตโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ หรืออาจเป็นความเจ็บปวดในอดีตที่เกิดขึ้นในครอบครัวก็ได้
สมมติว่าเรามีภาพจำตั้งแต่เด็กว่าพ่อเจ้าชู้มาก โตขึ้นมาเราจึงมองหาคนรักที่มีลักษณะคล้ายกับพ่อ เพื่อพยายามทำให้เขาคนนั้นรักเราเพียงคนเดียว ไม่เจ้าชู้เหมือนพ่อในแบบที่เราจำได้ หรือแม้แต่ความเจ็บปวดจากความรักครั้งเก่าก็ตาม เราอาจตามหาคนแบบเดิมที่ทำให้เราเจ็บช้ำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ แล้วพยายามเอาชนะปัญหาที่เคยเกิดขึ้นราวกับว่า เรากำลังได้กลับไปซ่อมเรื่องราวครั้งเก่าได้อีกครั้ง (กับคนใหม่)
ทีนี้เราคงพอจะเห็นภาพแล้วว่า การมีไทป์ที่ชอบแบบเดิม และการใช้วิธีหาแฟนแบบเดิมๆ ทำให้เราอาจได้แฟนแบบเดิมกลับมา และคนส่วนใหญ่ก็อาจเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น เพราะเรามักจะวิ่งหาอะไรที่เราพอใจ หรืออะไรที่เรารู้สึกว่ามันเวิร์ก
ทว่ากับบางความสัมพันธ์ที่ทำร้ายเราจนเกิดเป็นแผลในใจ หรือปมในวัยเด็กจากครอบครัว ก็อาจทำให้เราวิ่งหาความสัมพันธ์อันเป็นพิษซ้ำๆ ได้ จนเราอาจเผลอคิดไปว่า ไทป์ของเราคือคนท็อกซิกหรือเปล่า แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เราอาจเพียงแค่อยากเอาชนะปัญหาที่ทำร้ายเราในใจซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น เลยทำให้เราวนเวียนอยู่กับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากเราอยากจะแก้ไขตัวเองจากเรื่องราวที่เคยผ่านมา ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะหมายความว่าเราจะพัฒนาตัวเองจากบทเรียนที่ผ่านมา แต่เราเองก็ต้องรู้เท่าทันปัญหา ปล่อยให้มันเป็นเพียงบทเรียนเท่านั้น อย่าให้มันกลายเป็นปมในใจที่เราจะต้องวิ่งไล่มันไปตลอดชีวิต และเราเองก็ต้องเรียนรู้ว่า การกระทำแบบไหนจะสร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่าย แล้วไม่เป็นคนสร้างบาดแผลนั้นเสียเอง
หากอยากก้าวไปข้างหน้า การละทิ้งเรื่องราวเก่าๆ ไป อาจทำให้เราได้เริ่มใหม่ได้จริงๆ เสียที แม้จะเริ่มต้นใหม่กับคนหน้าคุ้นก็ตาม อิ_อิ
อ้างอิงจาก