จิตรกรกับบ้านหลังใหญ่ในชนบท ผู้คนอาจพากันจิตนาการถึงผลงานของเขาเป็นภาพทิวทัศน์งดงาม แต่อาจไม่ใช่สำหรับ ฟรันซิสโก โกยา (Francisco Goya)
Saturn Devouring His Son คือหนึ่งในผลงานที่ประทับลงไปในความทรงจำของผู้คนได้มากที่สุดของเขา ภาพชายร่างยักษ์เนื้อตัวล่อนจ้อนกำลังกลืนกินใครอีกคน ด้วยดวงตาเบิกโพลง เลือดไหลตามมุมปากทั้งสอง บนพื้นหลังขมุกขมัว ทวีความพรั่นพรึงแก่สายตาผู้ชม
ด้วยบริบทในภาพนั้นทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ ตีความไปว่าภาพนี้เล่าถึงปกรณัมของกรีก เรื่องของยักษ์ผู้พ่อที่กลืนกินลูกตัวเอง (แบบรับประทานเข้าไป ไม่ใช่แค่เปรียบเปรย) ด้วยความหวาดหวั่นต่อคำพยากรณ์ที่ว่า หนึ่งในลูกของเขา จะขึ้นมาชิงบัลลังก์แบบที่เขาเคยทำกับพ่อของตน ทันทีที่ภรรยาคลอดบุตรออกมา เขาจึงกลืนกินลูกตัวเองเข้าไปคนแล้วคนเล่า เหลือเพียงลูกคนสุดท้ายที่รอดมาได้ แล้วมาท้าทายอำนาจเขาดั่งคำพยากรณ์ไม่มีผิดเพี้ยน
แต่บางส่วนก็ไม่ได้เห็นเช่นนั้น หากลองสังเกตดูดีๆ ลักษณะของคนที่ถูกกิน ไม่ได้เป็นรูปร่างของเด็กทารก ภาพนี้เลยอาจไม่ได้เล่าถึงปกรณัมใดๆ เลยก็ได้ เจ้าตัวเองไม่ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจ ไม่ได้ตั้งชื่อ ไม่แม้แต่จะเผยแพร่ภาพนี้ให้ใครเห็นด้วยซ้ำ แล้วเบื้องหลังของภาพนี้หมายถึงอะไรกันแน่ อาจจะต้องย้อนกลับไปถึงเรื่องราวก่อนเริ่มวาดภาพนี้ตั้งแต่ต้น

ฟรันซิสโก โกยาเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง แม้จะล้มป่วยอย่างหนักในปี 1792 ถึงขนาดที่ลุกขึ้นเดินไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่ง และสูญเสียการได้ยินไปตลอดชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดชีวิตในฐานะศิลปินของเขาได้เลย มันกลับทำให้เขารุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น จนในช่วงปั้นปลายชีวิต ในปี 1819 ขณะนั้นโกยาอายุ 70 กว่าปี ตัดสินใจถอยออกจากความวุ่นวายทางการเมือง ในช่วงบ้านเมืองระส่ำระสาย แล้วไปใช้ชีวิตสันโดษอยู่นอกกรุงมาดริด ในคฤหาสถ์หลังงามแบบชนบท ที่ถูกขนานนามว่า ‘เคหะสถานของชายหูหนวก’ (Quinta del Sordo) ด้วยเจ้าของเก่าก็เป็นคนหูหนวกเช่นเดียวกัน นับเป็นความบังเอิญอย่างน่าประหลาด
ละแวกสงบเงียบในชนบทเป็นทั้งทิวทัศน์จริงที่ปรากฎภายนอกบ้าน และเป็นทั้งภาพวาดขนาดใหญ่บนผนังที่มีอยู่เดิมตั้งแต่โกยาย้ายเข้ามาในคฤหาสถ์หลังนี้ แต่ใครจะคาดคิดว่าภาพทิวทัศน์นั้นจะถูกวาดทับด้วยภาพอันหม่นหมอง จนเกิดเป็นผลงานในชุด Black Paintings จำนวน 14 ชิ้น ด้วยความทุกข์ระทมที่สั่งสมมาตลอด ทั้งความเจ็บป่วยจนสูญเสียการได้ยิน ของชายหนุ่มผู้หลงรักเสียงดนตรี การสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก สงครามนองเลือด การปราบปรามทางการเมือง
เส้นใยของความทุกข์ทน ที่ถักทอทีละน้อยมาตลอดชีวิต ทำให้เขาเลือกถ่ายทอดมันออกมาบนผนังบ้านหลังนี้ พื้นที่ไกลตาผู้คน พื้นที่ที่จะไม่มีใครเข้ามาเห็นตะกอนมอดไหม้ในใจ โกยาไม่เคยตั้งใจให้ภาพวาดชุดนี้ถูกจัดแสดงต่อสาธารณชนเหมือนงานศิลปะชิ้นก่อนๆ ไม่แม้แต่ตั้งใจจะให้ใครพบเห็น กว่าภาพวาดเหล่านี้จะถูกค้นพบ ก็หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 1828

Saturn Devouring His Son ผลงานอันมืดมิดชิ้นนี้ อาจเป็นผลงานเอ็กเพรสชันนิสม์ที่สะท้อนความคิดของโกยา หลังจากเผชิญกับความเลวร้ายจากสงครามระหว่างสเปนกับฝรั่งเศส หลายคนตีความว่า ยักษ์ผู้พ่อนี้เป็นภาพแทนของผู้นำรัฐ หรือจะสะท้อนความกังวลของตัวเขาเองในฐานะพ่อ เขาเคยมีลูกกับภรรยาคนแรกที่เสียชีวิตไปห้าคน แต่พวกเขาป่วยกระเสาะกระแสะจนเหลือเพียงลูกชายคนเดียว
ภาพนั้นหมายอะไร ไม่มีใครตอบได้อย่างแน่ชัด มีเพียงการตีความประกอบความเป็นไปได้เท่าที่พอจะรู้เกี่ยวกับชีวิตเขาเท่านั้น เนื่องด้วยตัวเขาเอง วาดภาพนี้ไว้บนผนังบ้าน ไม่ได้หวังให้ใครมาพบเห็น ต้องการเพียงถ่ายทอดความรู้สึกของตนออกมาเท่านั้น เขาไม่แม้แต่จะทิ้งรายละเอียดเกี่ยวกับภาพไว้ในบันทึกเล่มใด ไม่แม้แต่จะตั้งชื่อภาพเหล่านั้น
ในปี 1873 หลังจากโกยาเสียชีวิตไปแล้วกว่า 50 ปี บารอนท่านหนึ่งได้ซื้อบ้านหลังนี้ต่อ เห็นว่าจิตกรรมฝาผนังนี้ทรุดโทรมไปมาก เกรงว่าผลงานจะเสียหายไปมากกว่านี้ จึงย้ายผลงานชุด Black Paintings จากผนังไปสู่ผืนผ้าใบ ท้ายที่สุด บารอนบริจาคภาพวาดเหล่านี้ให้กับรัฐนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ปราโด ในปี 1889 และยังคงจัดแสดงมาจนถึงปัจจุบันนี้
ผลงานของเขาถูกตีความไปมากมานหลายแบบ บ้างกล่าวว่าเป็นความโศกาอาดูร บ้างกล่าวว่าเป็นเพียงอารมณ์ขันของเขาเท่านั้น บ้างกล่าวไปถึงว่านี่ไม่ใช่ผลงานฝีมือเขา แต่เป็นของลูกชายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ (แต่ข้อสันนิษฐานนี้ถูกตีตกไป)
จะอย่างไรก็ตาม อดคิดไม่ได้ว่า หากโกยาได้รับรู้ว่าผลงานชิ้นหนึ่งที่เขาหลบซ่อนมันอยู่ในห้องรับประทานอาหาร กลับกลายเป็นผลงานโด่งดังที่คนทั่วมุมโลกรับรู้การมีอยู่ของมัน เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนะ
อ้างอิงจาก
The Disturbing Masterpiece We Were Never Meant to See
Francisco Goya’s Descent into Madness: The Disturbing Black Paintings | TheCollector