เรียกว่าเป็นดราม่าร้อนระอุมากๆ ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับ ‘ชุดพิธีการโอลิมปิก’ ของทีมชาติไทย กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบจากโลกออนไลน์ไปเต็มๆ เมื่อเทียบกับชุดพิธีการจากนานาประเทศที่ดูทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็นำเสนอภาพลักษณ์ของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี
แต่ไม่ใช่ว่าไทยจะเป็นประเทศเดียวที่โดนกระแสดราม่าในอินเทอร์เน็ต เพราะแม้แต่ชุดโอลิมปิกที่ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกของมองโกเลีย ก็มีกระแสดราม่าจากในคนในประเทศเองเช่นกัน ทั้งเรื่องความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม และความไม่โปร่งใสในทำงาน
แต่เป็นเพราะเหตุใดหลายๆ ประเทศจึงให้ความสำคัญในเรื่องของ ‘แฟชั่น’ ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 มากกว่าโอลิมปิกครั้งก่อนๆ วันนี้ The MATTER จะมาไขข้อข้องให้ทุกคนได้ทราบกันก่อนก่อนมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่นี้จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นเรายังมีเกล็ดแฟชั่นเล็กๆ น้อยๆ ในมหกรรมกีฬาครั้งนี้มาฝากทุกคนกัน
มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติจัดขึ้นที่เมืองหลวงของโลกแฟชั่น
เราขอเกริ่นรายละเอียดเกี่ยวกับโอลิมปิกครั้งนี้ก่อน ปารีสเป็นเมืองที่ 2 ของโลกที่จัดโอลิมปิกมาแล้วถึง 3 ครั้งต่อจากกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษที่คว้าสถิตินี้ไปครองก่อน โดยครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1900 และครั้งทีสองในปี 1924 ทำให้โอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานในรอบ 100 ปีของเมืองนี้ อีกหนึ่งความพิเศษของโอลิมปิก 2024 ก็คือพิธีเปิดที่จะถูกจัดขึ้นบนแม่น้ำสายสำคัญของฝรั่งเศส โดยจะให้นักกีฬาแต่ละชาติล่องเรือไปบนแม่น้ำสายนี้แทนการจัดพิธีเปิดการแข่งขันในสนามกีฬาเหมือนชาติอื่นๆ ยกระดับให้พิธีเปิดในครั้งนี้ยูนีกขึ้นไปอีกขั้น
แต่นอกจากความพิเศษด้านการจัดงานในครั้งนี้แล้ว สิ่งที่ทำให้โอลิมปิก 2024 นั้นได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกก็คงจะเป็นเรื่องแฟชั่นในการแข่งขันกีฬาสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เพราะมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 นั้นมีแบรนด์แฟชั่น แบรนด์จิวเวลรี แบรนด์นาฬิกา ไปจนถึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์หลายๆ แบรนด์ร่วมมาชิงพื้นที่สื่อในโอลิมปิกครั้งนี้ด้วย
และประเด็นที่หลายๆ คนกำลังสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับชุดพิธีการในการแข่งขันครั้งนี้ ที่หลายๆ ชาติต่างจัดเต็มเป็นพิเศษ ก็เพราะว่า ‘กรุงปารีส’ เปรียบเสมือนเมืองหลวงของแฟชั่น ทำให้สปอตไลท์ส่องมาที่การแต่งตัวของนักกีฬาแต่ละชาติเต็มๆ โอลิมปิก 2024 ก็เหมือนพื้นที่ในการเผยแพร่แฟชั่น วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของแต่ละชาติ ทุกคนจึงจัดเต็มในเรื่องของชุดนักกีฬาในทุกๆ มิติของงานเลย
LVMH พรีเมียมสปอนเซอร์ของโอลิมปิก 2025
อุตสาหกรรมแฟชั่นขึ้นชื่อในเรื่องของเล่นกับกระแสและสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และเมื่อถึงอีเวนต์สำคัญระดับโลกอย่างโอลิมปิก หลายๆ แบรนด์แฟชั่นไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ไม่พลาดโอกาสจะเข้าร่วมเพื่อสร้างพื้นที่สื่อให้กับตัวเอง
ซึ่งหนึ่งในสปอนเซอร์หลักของโอลิมปิกครั้งนี้ก็คือ ‘LVMH Moët Hennessy – Louis Vuitton’ อาณาจักรสินค้าลักชูรี่ระดับโลกเจ้าของแบรนด์หรูมากมาย อาทิ Louis Vuitton, Dior, Chaumet, Berluti และ Sephora ซึ่งลิสต์รายชื่อแบรนด์ที่เรากล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนมีซีนในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ด้วย
Louis Vuitton ผู้รังสรรค์ถาดมอบรางวัลและหีบบรรจุรางวัล
เราขอเริ่มกันที่แบรนด์เรือธงของ LVMH อย่าง Louis Vuitton ที่ครองตำแหน่งผู้ออกแบบหีบบรรจุรางวัลและถาดมอบรางวัลสำหรับปารีสเกมส์ 2024 ซึ่งแบรนด์หรูรายนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของงานฝีมือการผลิตหีบสุดหรูมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ทำให้ในหลายๆ การแข่งขันทั่วโลกก็เลือกใช้หีบของเมซงนี้ในการบรรจุรางวัลของแต่ละรายการ
โดยหีบบรรจุรางวัลและถาดอัญเชิญรางวัลของ Louis Vuitton นั้นผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ ตกแต่งด้วยในลายโมโนแกรมสุดไอคอนิกอย่าง Damier ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นอกจากนั้นยังบุด้วยหนังสีดำชั้นดี พร้อมด้วยการออกแบบมาเพื่อให้มีน้ำหนักเบาสุดๆ เพื่อความสะดวกสบายในทุกโมเมนต์
Chaumet แบรนด์จิวเวลรีหรูผู้ออกแบบเหรียญรางวัล
สำหรับเหรียญรางวัลกว่า 5,084 เหรีญของเหล่าผู้ชนะนั้นทาง LVMH ได้มอบหมายให้ Chaumet เมซงเครื่องประดับในเครือนั้นเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เหรียญรางวัลของมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่นี้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นจากแบรนด์จิวเวลรี่ชั้นสูง โดยเหรียญแต่ละเหรียญนั้นถูกประดับด้วยเหล็กที่ใช้สร้างหอไอเฟล ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ปี 1889 ปีที่แลนด์มาร์คแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น
โดยทาง Chaumet ได้จับมือกับ Elena Votsi นักออกแบบชาวกรีซ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาตินี้ โดยใช้รูปของเทพีอธีน่าประดับอยู่ด้านหน้าเหรีญ เคียงคู่กับสนามกีฬา Panathenaic และ Acropolis แห่งกรุงเอเธนส์ซึ่งเป็นองค์ประกอบบังคับอีกหนึ่งอย่างของเหรียญโอลิมปิก
Belruti เมซงผู้ออกแบบและตัดเย็บยูนิฟอร์มสำหรับ Team France
Belruti ถือเป็นอีกเมซงอันเก่าแก่ของปารีสที่มีความรู้ความชำนาญในการตัดเย็บสูทและเครื่องหนังมาตั้งแต่ปี 1895 ทำให้ LVMH จึงได้มอบให้เมซงหลังนี้เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บชุดพิธีการนักกีฬาทีมชาติฝรั่งเศสและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 1,500 คน สวมเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันในวันที่ 26 กรกฏาคม
โดยออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘True Elegance à la Française’ เพื่อนำเสนอสุนทรียภาพความแบบฝรั่งเศสสู่สายตาชาวโลก โดยได้ คารีน รอยแฟแฟ (Carine Roitfeld) สไตลิสต์และที่ปรึกษาด้านแฟชั่นชื่อดังมาดูแลโปรเจ็กต์นี้อย่างใกล้ชิด วัสดุที่นำมาใช้ก็เรียกว่าคัดสรรมาอย่างดีและตัดเย็บในสตูดิโอของแบรนด์ในประเทศอิตาลี
ไฮไลต์ของยูนิฟอร์ม Team France คงหนีไม่พ้นโทนสีของยูนิฟอร์มอย่าง ‘สีน้ำเงินมิดไนท์’ สุดสง่างาม ประดับตกแต่งด้วยปกแจ็กเกตในเฉดสีน้ำเงินและแดงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธงชาติฝรั่งเศส สมกับเป็นยูนิฟอร์มของประเทศเจ้าพ่อด้านแฟชั่นจริงๆ
Dior เสริมทัพตั้งนักกีฬาฝรั่งเศส 15 คนขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์
อีกหนึ่งแบรนด์เพชรยอดมงกุฎของฝรั่งเศสที่อยู่ภายใต้เครือ LVMH อย่าง Dior ก็ขอเฉลิมฉลองมหกรรมกีฬาในครั้งนี้ ด้วยการแต่งตั้งนักกีฬาชาวฝรั่งเศส 15 คนเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น อาทิ เมลานี เดอ จีซัส ดอส ซังตูช (Mélanie de Jesus dos Santos) นักกายกรรม, ซารา บาลเซอร์ (Sara Balzer) นักฟันดาบ, คลาริซ อักเบกเนนู (Clarisse Agbegnenou) นักยูโด และ เอ็มมา แมคคีออน (Emma McKeon) นักว่ายน้ำ
นอกจากนั้นทางแบรนด์ยังได้เผยแคมเปญสำหรับโอลิมปิก โดยให้เหล่านักกีฬาผู้เป็น House Ambassador ทุกคนได้เพอร์ฟอร์มกีฬาของตน ในโททัลลุคของ Dior เพื่อเฉลิมฉลองมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติในครั้งนี้ด้วย
นานาชาติจัดเต็ม ‘ชุดพิธีการ’ สะท้อนรากเหง้าและอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่
อย่างที่เล่าไปในช่วงต้นว่า ก่อนโอลิมปิก 2024 จะเปิดฉากนั้นในหลายๆ ประเทศนั้นได้มีดราม่าเกี่ยวกับยูนิฟอร์มโอลิมปิก รวมถึงไทยเองเช่นกันที่ได้มีดราม่าหลังมีภาพชุดพิธีเปิดโอลิมปิกที่สวมโดย ปอป้อ —ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันทีมชาติไทยออกมา ในเสื้อผ้าไหมสีฟ้าที่ไม่พอดีกับหุ่น นอกจากนั้นดีไซน์ยังดูไม่ทันสมัยเหมือนชาติอื่นๆ จนล่าสุดทางคณะโอลิมปิกไทยได้เปลี่ยนแผนให้นักกีฬาใส่ชุดเสื้อแจ็กเกตสีน้ำเงินจากแกรนด์สปอร์ตแทนเข้าร่วมพิธีเปิดสุดอลังกาลนี้แทน
แต่นอกจากไทยประเทศไทยเราแล้ว ยังมีอีกหลายชาติที่ออกแบบชุดพิธีการโอลิมปิกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและรากเหง้าของแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เราเลยหยิบเอาชุดพิธีการจาก 5 ประเทศ 5 สไตล์ที่น่าสนใจมาให้ทุกคนได้ชมกัน
Mongolia
โดดเด่นสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นชุดพิธีการของประเทศมองโกเลีย ที่ออกแบบโดยคู่หูดีไซเนอร์ ‘Michel & Amazonka’ ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดพื้นเมืองของชาวมองโกเลีย ประดับตกแต่งด้วยงานปักลวดลายสุดวิจิตรที่มีความหมายเชิงบวกตามความเชื่อของผู้คนในประเทศนี้
USA
อีกหนึ่งประเทศที่ทำได้ดีไม่แพ้กันก็คงหนีไม่พ้นประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ Ralph Lauren แบรนด์แฟชั่นอเมริกันชื่อดังมาออกแบบให้ โดยใช้คาแรกเตอร์ของชาวอเมริกันและโทนสีจากธงชาติมาออกแบบไปพร้อมกับเทคโนโลยีการออกแบบสุดรักษ์โลก
Korea
ด้านเกาหลีใต้ได้ Musinsa Standard แบรนด์มินิมัลชื่อดังมาออกแบบชุดสูทสีฟ้าอ่อนให้ ซึ่งชุดพิธีการของประเทศนี้นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องลายครามของประเทศ ที่มักใช้สีขาวและสีน้ำเงินในการวาดลวดลาย อีกทั้งยังหยิบยืมสายคาดเอวจากชุดในราชสำนักในอดีก ที่เรามักเห็นในซีรีส์ย้อนยุคมาประดับตกแต่งเบลเซอร์อย่างลงตัวสุดๆ
Haiti
สำหรับประเทศเฮติที่หลายๆ คนอาจมองว่าไม่ได้ไฮแฟชั่นเท่าประเทศอื่น แต่ปีนี้ได้ Stella Jean ดีไซเนอร์ชาวเฮติ-อิตาเลียน มาคอแลบส์กับ ฟิลิปป์ โดดาร์ (Philippe Dodard) ศิลปินกราฟิกชาวเฮติ ร่วมกันรังสรรค์ยูนิฟอร์มกลิ่นอายสปอร์ตแวร์ ที่ตกแต่งด้วยดีเทลลายพิมพ์สุดร่วมสมัย ยกระดับชุดพิธีการของประเทศเฮติให้มีเซ้นส์ของแฟชั่นไม่แพ้ชาติอื่นๆ
Taiwan
ปิดท้ายกับอีกหนึ่งชาติชุดโอลิมปิกที่เท่สุดๆ อย่างไต้หวัน ที่ได้ จัสติน ชู (Justin Chou) ดีไซเนอร์ชาวไต้หวันแห่งแบรนด์ ‘Just In XX’ มาครีเอตลุคพิธีการสำหรับพิธีเปิดให้ ผลลัพธ์กลายเป็นงานเทเลอร์สุดร่วมสมัยที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมของเกาะแห่งนี้ แถมได้ศิลปินชาวไต้หวันอย่าง Paul Chiangช่างฝีมือพื้นเมือง Aing Banday และช่างทำดอกไม้ Peggy Lin มาร่วมออกแบบชุดสุดร่วมสมัยชุดนี้
‘โอลิมปิก 2024’ พื้นที่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ของวงการกีฬาและโลกแฟชั่น
การพบเจอกันระหว่างโลกแฟชั่นและโลกของกีฬานั้น ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่เฉพาะเหล่าคนกีฬาเท่านั้นที่จะได้รับสปอตไลท์จากงานแข่งขันกีฬาสุดยิ่งใหญ่นี้ไป แต่อุตสาหกรรมแฟชั่นก็ได้มีพื้นที่ให้เหล่าคนสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมนี้โชว์ศักยภาพของพวกเขาอย่างเต็มที่ ที่สำคัญความสัมพันธ์ของวงการแฟชั่นและกีฬาก็มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นกว่าในอดีต
สุดท้าย ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ เป็นอีกหนึ่งเคสสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าสไตล์สปอร์ตสุดหรูหราที่เคยเป็นเทรนด์ฮิตติดลมบนในโลกแฟชั่นมาแล้ว ได้ถูกพัฒนาต่อยอดโดยเหล่าแบรนด์หรูให้กลายมาเป็นสปอร์ตแวร์กลิ่นอายแฟชั่นที่ใส่เล่นกีฬาได้จริง ไม่ได้เป็นเพียงสไตล์การแต่งตัวที่ถูกหยิบยืมจากโลกของกีฬาเท่านั้น
ซึ่งก็หวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความร่วมมือสุดเจ๋งแบบนี้อีก ในหลายๆ รายการแข่งขันกีฬาทั่วโลก เพื่อที่ในอนาคตทั้งสองวงการนั้นสามารถเชื่อมต่อกันได้แบบไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง
อ้างอิงจาก