“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง …” ประโยคปลายเปิดที่หลายคนเติมช่องว่างต่างกัน หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งบนเก้าอี้ หรือเดินไกลนับพันลี้จากการทำงานทั้งวัน พอถึงเวลาหลังเลิกงานที่ได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งนั้นออก เราแต่ละคนเลยเดินโซซัดโซเซไปหาสิ่งเยียวยาใจให้หายเหนื่อย บ้างก็มีสิ่งเยียวยาเป็นคลิปหมาแมวน่ารักบนโลกออนไลน์ บ้างก็มีอ้อมกอดอบอุ่นของคนรักคอยปลอบประโลม
แต่เชื่อไหมว่าบางคนกลับไม่มีสิ่งนั้นอยู่เลย อาจด้วยภาระงานที่มากล้นจนไม่สามารถถอดหน้าที่ผู้รับผิดชอบไว้ที่ทำงานได้ เลยต้องมาสวมบทบาทนั้นต่อแม้ในเวลาหลังเลิกงาน ซึ่งนั่นดูไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่
ผลการสำรวจจาก Slack แพลตฟอร์มการสื่อสารยอดฮิตของชาวออฟฟิศ ได้สอบถามพนักงานกว่า 10,000 คน เกี่ยวกับชั่วโมงการทำงาน พบว่า 20% ของเหล่าคนทำงานที่มีงานติดพันไปถึงช่วงหลังเลิกงาน จะมีความโปรดักทีฟต่ำลงเมื่อถึงชั่วโมงทำงานจริง และตามมาด้วยความเครียดที่เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานที่แย่ลง ไปจนถึงภาวะหมดไฟได้อีกด้วย
พอจะเห็นภาพแล้วว่าหากเราทำงานนอกเวลาจนความเหนื่อยล้าเกาะหลังมาถึงชั่วโมงทำงานจริง ดูจะไม่ได้มีข้อดีกับเราสักเท่าไหร่ ซ้ำร้ายยังส่งผลเสียที่กระทบถึงประสิทธิภาพในการทำงานวันต่อไปด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยกับงานจนลืมไปว่า เรายังคงมีเวลาส่วนตัวให้ได้ใช้ชีวิตสวมบทบาทเป็นเราเองรออยู่ โดยไม่มีใครจับจ้องว่าเราจะเป็นพนักงานที่ดีหรือหัวหน้าที่เนี้ยบแค่ไหน
หากใครที่ยังคงแบกงานเอาไว้จนเต็มบ่า ลองมองหาสิ่งเยียวยาจิตใจให้ตัวเองในช่วงหลังเลิกงาน หากยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มจากสิ่งไหน The MATTER อยากชวนสอดส่อง ‘ยาใจชาวออฟฟิศ’ ว่าพวกเขาใช้อะไรเยียวยาชีวิตในวันที่เหน็ดเหนื่อยกับงานกันนะ
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง … คุยกับแฟน”
ธัญ, Editor in chief
เหล่าคนโสดโปรดทำใจก่อนอ่านข้อความต่อไป เพราะคำตอบอาจทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ
แม้ในตอนแรกสิ่งเยียวยาจิตใจหลังเลิกงานจะเป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้จากการอยู่คนเดียว อย่างการฟังเพลง เล่นเกม แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นกลับลดความสำคัญลงไป เพราะมีหวานใจที่คอยเป็นพื้นที่ปลอดภัยรอเติมพลังให้วันแสนเหนื่อยล้า
“แฟนเป็นเหมือนเซฟโซนที่สุดในชีวิตของเราเลย เราคุยกันได้ทุกอย่างแบบไม่ตัดสินกันและกัน สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง รับฟังกันได้ทุกเรื่อง”
เรื่องนี้คุณธัญไม่ได้คิดไปเอง ความรักที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัวนั้น ส่งผลกับการทำงานของเราได้จริงๆ งานวิจัยจาก Washington University กล่าวว่า คนรักที่รอเราอยู่ที่บ้าน มีอิทธิพลในเรื่องของการเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นเงินเดือน และความสำเร็จในอาชีพ โดยวัดจากคนที่มีความสำเร็จในการทำงาน พวกเขามักมีคนรักที่ละเอียดรอบคอบ ที่คอยเป็นเบื้องหลังความสำเร็จในที่ทำงานจากที่บ้านนั่นเอง
เป็นอันเข้าใจได้ว่าการได้นอนเล่นพูดคุยถึงความเหนื่อยล้า ปัญหามากมายที่เจอมาทั้งสัปดาห์ ให้กับคนรักที่พร้อมจะซัปพอร์ตเราอยู่เสมอ จะช่วยปลอบประโลมให้เราหายจากความเหน็ดเหนื่อยได้ดีแค่ไหน ได้ทำอาหารด้วยกัน ดูหนังในคืนวันหยุดสักเรื่อง เท่านี้ก็พร้อมจะต่อสู้กับเช้าวันจันทร์ได้อีกเป็นสัปดาห์ แล้ววนมาเติมพลังให้กันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง … เครื่องดื่มสีทองมีฟองเย็นชื่นใจ”
เอพริล, Content Writer
ตาเหลือบมองนาฬิกา ถึงเวลาเลิกงานเมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันว่า อีกครั้งแล้วสินะที่ฉันต้องโยกย้าย จากที่ทำงานตรงดิ่งสู่บ้านหรือร้านประจำ เพื่อเติมพลังด้วยเครื่องดื่มสีทองมีฟองเย็นชื่นใจ ใช้เวลาไปกับการทำอะไรที่เราไม่สามารถทำได้ในเวลางาน
เอพริลเล่าว่า “ในวันที่เหนื่อยกับงาน พอได้เครื่องดื่มเย็นๆ เข้าปากแล้วมันช่วยเติมพลังได้ดี เหมือนเป็นสัญญาณบอกเราว่าเวลานี้คือเวลาพักผ่อนของเราแล้วนะ ไม่ต้องคิดเรื่องงานแล้ว”
พอได้แยกระหว่างโลกการทำงานกับชีวิตส่วนตัว อาจช่วยให้เราปลดเปลื้องความเหนื่อยล้าออกไปได้ง่ายขึ้น ใช้ชีวิตในช่วงเวลานั้นให้ตรงตามบทบาท ในช่วงที่เราไม่ต้องเป็นใครอีกต่อไปแล้ว เราจะเอนหลังดื่มเบียร์ไปดูหนังไป หรือเมามายไปกับบทสนทนาของเหล่าเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพัก ก็ล้วนขับเคลื่อนไปด้วยความสดชื่นจากเครื่องดื่มมีฟองที่ช่วยให้บรรยากาศตอนนั้นลื่นไหลผ่านไปได้อีกหนึ่งวัน
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง … แมวตัวโปรดและการ์ตูนรายสัปดาห์”
นิ้ง, Graphic Designer
ในการทำงานช่วงแรกยังเป็นเด็กใหม่ไฟแรง เราจึงทุ่มแรงกายแรงใจไปกับการทำงานเสียส่วนใหญ่ งานเราในสัปดาห์นี้เป็นไงบ้างนะ เราทำได้ดีพอหรือยัง นิ้งเองก็ยังคงรู้สึกแบบนี้ในช่วงทำงานใหม่ๆ จนถึงขนาดที่เก็บเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นแรงขับในการทำงานให้ตัวเอง
นิ้งเล่าว่า “ตอนเริ่มทำงานที่แรกเป็นช่วงที่เริ่มเปิดเพจวาดรูปของตัวเองไปด้วย ยาใจช่วงนั้นเป็นยอดเอนเกจจากการลงรูปวาด ตอนที่เอนเกจดีจะรู้สึกดีมาก แต่พอแอนเกจแย่จะรู้สึกแย่จนไม่อยากวาดอะไรใหม่ๆ จนช่วงหลังเริ่มปล่อยวางได้ ว่ามันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ยอดมันทั้งดีและไม่ดี เลยไม่ได้ยึดติดอะไรเท่าเดิมแค่วาดสิ่งที่เราอยากวาดพอ”
ชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น อาจทำให้เหนื่อยล้ากับการทุ่มเทให้งานแม้ในเวลาว่าง เจ้านายขนนุ่มฟูรอเราอยู่ที่บ้าน จึงกลายมาเป็นยาใจที่ช่วยให้วันเหนื่อยๆ เบาลงได้ด้วยการเติมแมว นิ้งเองก็มีเจ้านายนุ่มฟูไซซ์น่าหมั่นเขี้ยวรอที่บ้าน
“เบบี๋เป็นน้องแมวลายสลิด เวลากลับบ้านมาแล้วได้ลูบหัวน้องเหมือนได้ชาร์จแบตตัวเองไปด้วย อีกอย่างเป็นการรอคอยการ์ตูนประจำสัปดาห์ พอรู้ว่าวันอาทิตย์ตอน 4 ทุ่มการ์ตูนที่อ่านจะมีตอนใหม่ ก็ทำให้เรามีแรงใช้ชีวิตในสัปดาห์ที่หนักหน่วงไปได้เหมือนกัน”
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง … ดูรูปศิลปินที่เรารัก”
แก๊ป, Editorial Staff
สิ่งที่เรารักจะอยู่กับเราทั้งในยามสุขและทุกข์ ศิลปินที่เรารักก็เช่นกัน ทำงานจนจะบ้าตายรายวัน จนไม่รู้จะหันหน้าหนีจากความเครียดได้ยังไง ศิลปินคนโปรดยังช่วยเราได้เสมอ ไม่ว่าจะรูปสวยๆ หรือคลิปในคอนเสิร์ตที่มีติดโทรศัพท์ไว้ พร้อมทำหน้าที่เป็นยาใจเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
แก๊ปบอกกับเราว่า “นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานจนถึงวันนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รอยยิ้มของเรายังปรากฏออกมาได้เพียงเพราะได้เห็นรอยยิ้มของศิลปินคนโปรด แค่ได้เห็นรูปเขา ได้ดูคลิปเขา ก็ช่วยทำให้ให้เราก้าวพ้นวันร้ายๆ มาได้แล้ว แล้วก็คิดว่าศิลปินคนโปรดนี่แหละ ที่จะช่วยโอบกอดหัวใจของเราไปอีกนานแสนนาน”
“ตอนกำลังนั่งรถกลับบ้านหลังเลิกงาน เราก็ฟังเพลงของศิลปินโปรด ให้เสียงเพลงของเขาพาเราโลดแล่นไปในโลกที่เรามีความสุข กดดูคลิปตอนตัวเองไปคอนเสิร์ต ตอนได้เห็นเขาด้วยตาของเรา ตอนได้ร้องเพลงไปพร้อมๆ กับเขา”
เพียงแค่นึกถึงความสุขในตอนเฝ้ารอคอนเสิร์ตครั้งต่อไป อาจช่วยให้เรามีแรงใจลุกขึ้นไปหาเงินค่าตั๋วรอบหน้าแล้วก็ได้
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ แบบนี้ก็ต้อง … วิ่งจ๊อกกิ้งที่สวนสาธารณะ”
กาย, Graphic Designer
ช่วงเวลาออกกำลังกาย ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของสุขภาพกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พอได้ใช้เวลากับตัวเองเงียบๆ อาจช่วยให้เราได้คิด ตกตะกอน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับกาย ที่มักจะเลือกให้การวิ่งเป็นทางออกเมื่ออยากอยู่กับตัวเอง โดยมีสวนสาธารณะเป็นบรรยากาศรอบข้าง
กายเล่าว่า “ตอนไปออกวิ่งที่สวนได้มองหญ้าต้นไม้เขียวในสวน มองสัตว์ มองผู้คน มันทำให้พักสายตาจากหน้าจอ และปล่อยความคิดไปฟุ้งไประหว่างวิ่ง”
ด้วยเนื้องานที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้า เดดไลน์ที่มาจ่อคิวรอข้างหลังแบบเงียบๆ ทำให้ในแต่ละวันไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะฟังความต้องการของตัวเอง ช่วงเวลาที่เงียบงันอย่างตอนวิ่งจึงทำให้รู้สึกสบายทั้งกายและใจ
สอดคล้องกับ ‘อารอน แบกกิช’ (Aaron Baggish) หมอหัวใจจาก Harvard Medical School ได้กล่าวประโยชน์ของการวิ่งไว้บนเว็บไซต์ health.harvard.edu ว่าการวิ่ง แม้จะแค่วันละนิดละหน่อยก็ช่วยให้อายุยืนกว่าคนที่ไม่วิ่งเลย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่เลือกวิ่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้จุดมุ่งหมายเป็นชีวิตที่ยืนยาว พวกเขาแค่อยากวิ่งเพราะมันทำรู้สึกดีขึ้นในแต่ละวัน และช่วยยกระดับอารมณ์และคุณภาพชีวิตด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ
อ้างอิงจาก
https://www.linkedin.com/pulse/does-your-love-life-affect-work-loriann-oberlin-ms-lcpc/