ในยุคที่เราสามารถทำงานจากไหนก็ได้ ธุรกิจ Co-Working Space ก็เลยดังเปรี้ยงขึ้นมา แล้ววันนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม?
เมื่อกลางปีที่แล้ว Wework ผู้ให้เช่าพื้นที่สำนักงานยักษ์ใหญ่ ได้ยื่นล้มละลายจากปัญหาหนี้สิน จนทำให้หุ้นบริษัทลดลง 98.5% จากที่เคยเป็นโมเดลธุรกิจที่มีมูลค่าในตลาดกว่า 1.4 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่า ธุรกิจ Co-Working Space กำลังจะล้มหายตายจากเช่นเดียวกับยักษ์ใหญ่อย่าง Wework หรือเปล่า?
ธุรกิจ Co-Working Space ขับเคลื่อนได้จากการทำงานจากที่ไหนก็ได้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่เมื่อพ้นช่วงโรคระบาดไปแล้ว ผู้คนกลับเข้าออฟฟิศมากขึ้นจนทำให้ธุรกิจนี้ซบเซาหรือเปล่า? เป็นคำถามที่น่าจับตามอง
ผลสำรวจจาก Forbes ระบุตัวเลขที่น่าสนใจไว้ว่าในปี 2023 กว่า 59.1% ของพนักงานประจำทำงานจากออฟฟิศ 12.7% ทำงานจากที่บ้าน และในขณะที่ 28.2% ทำงานในรูปแบบไฮบริด สลับระหว่างการเข้าออฟฟิศและทำงานจากที่บ้าน แม้ตัวเลขนี้จะชี้ชัดว่าเหล่าคนทำงานส่วนใหญ่กลับไปนั่งเก้าอี้ประจำในออฟฟิศ แต่สัดส่วนของคนที่ทำงานจากนอกออฟฟิศก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มจะมากขึ้นอีกในอนาคต
ในเมื่อคนยังทำงานนอกออฟฟิศกันอยู่ ธุรกิจ Co-Working Space เจ้าอื่นก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับขาลงเหมือน Wework แถมยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมากขึ้น โดยสอดคล้องกับตัวเลขจาก coworkinginsights.com ที่ชี้ชัดว่าธุรกิจ Co-Working Space เติบโตขึ้นถึง 10% ในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา มาดูกันดีกว่าว่าในขณะที่เจ้าใหญ่ล้มลง เจ้าอื่นเป็นอย่างไรบ้าง?
IWG Group และ Radious เจ้าใหญ่ของธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน ต่างมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ถึงขนาดที่ อมินา มอโร (Amina Moreau) CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Radious กล่าวว่า “ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ที่เห็น WeWork ประสบปัญหามากมาย ในขณะที่เจ้าอื่นทำได้ดีในไตรมาสนี้”
จากที่หลายคนมองว่า ขนาดเจ้าใหญ่อย่าง Wework ยังล้มละลาย แปลว่าธุรกิจนี้จะล้มตามไปด้วยหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Wework นั้น จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความซบเซาของธุรกิจ Co-Working Space กลับกลายเป็นปัญหาจากการบริหารที่ผิดพลาดเสียมากกว่า ยิ่งคนใช้บริการเยอะ ต้นทุนยิ่งสูง จึงต้องหาทุนมาโปะไปเรื่อยๆ เป็นเหมือนงูกินหาง จนสุดท้ายบริษัทขาดสภาพคล่อง มีแนวโน้มไม่สามารถชำระหนี้ได้ และยื่นล้มละลายในที่สุด สิ่งนี้ไม่ได้กระทบถึงอุตสาหกรรมนี้เลย และไม่ได้เป็นสัญญาณว่าวงการนี้กำลังจะตายจากไป ในทางตรงกันข้าม เจ้าอื่นๆ กำลังเดินไปข้างหน้าตามความต้องการที่มากขึ้น
แต่ Co-Working Space ก็ไม่ใช่จะไม่ปรับตัว
แม้เจ้าอื่นจะเติบโตและเดินหน้าต่อได้อย่างแข็งแรง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ยังต้องปรับตัวไปตามความต้องการของผู้บริโภคอยู่ไม่น้อย เดิมที Co-Working Space สร้างมาเพื่อดึงดูดเหล่าผู้ประกอบการที่ต้องการสัญญาเช่าที่ยืดหยุ่น หน้าตาของ Co-Working Space หลายแห่ง เลยถอดแบบออฟฟิศมาไม่มีผิด แต่ทุกวันนี้ คนที่เข้าใช้บริการ Co-Working Space ไม่ได้มีเพียงเหล่าผู้ประกอบการที่ต้องการเช่าพื้นที่เป็นออฟฟิศเท่านั้น แต่เป็นตัวบุคคลที่เดินออกจากออฟฟิศ แล้วมองหาพื้นที่ใหม่ๆ ในการทำงาน (แต่ตลาดผู้ประกอบการก็ยังคงเป็นลูกค้าหลักอยู่ดี)
Co-Working Space จึงไม่ควรเป็นพื้นที่ที่หน้าตาเหมือนออฟฟิศแบบถอดแบบกันมา (ไม่อย่างนั้นเราจะออกจากออฟฟิศมานั่งทำงานที่นี่กันทำไม) แต่ควรเป็นพื้นที่ที่มอบความสะดวกสบายได้ มีความพร้อมสำหรับการทำงานในทุกมุม แต่สภาพแวดล้อมไม่ตึงเครียดเหมือนนั่งในออฟฟิศ มีความอบอุ่น ยืดหยุ่น ได้เหมือนที่บ้าน เหมือนได้นั่งทำงานในห้องนั่งเล่น พื้นที่อเนกประสงค์ที่ยืดหยุ่น ระเบียงกลางแจ้ง แต่ยังคงความสะดวกแบบออฟฟิศเอาไว้อยู่
รวมถึงขยับพื้นที่ไปใกล้บ้านมากขึ้น แทบจะทุกพื้นที่ของโลก พื้นที่ธุรกิจจะรวมตัวกันอยู่ในใจกลางเมือง พื้นที่สำหรับพักอาศัย จะกระจายออกไปตามนอกเมือง ชานเมือง เดิมทีที่ Co-Working Space เป็นตัวเลือกสำหรับการเปิดออฟฟิศแบบยืดหยุ่น ไม่แปลกที่พวกเขาจะกระจุกตัวอยู่ในย่านใจกลางเมือง แต่ในวันนี้ที่ทุกคนเลือก Co-Working Space ไว้เป็นพื้นที่ทำงานเพื่อหลีกหนีจากการเข้าออฟฟิศ พื้นที่นี้ก็ควรขยับออกมานอกเมือง ใกล้ย่านพักอาศัยมากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่า การเดินทางไป Co-Working Space ก็ต้องเดินทางเข้าเมือง ไม่ต่างจากการเข้าออฟฟิศ
และเหล่าผู้ให้เช่าพื้นที่สำนักงานต่างก็กำลังปรับตัวไปตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน สำหรับในไทย มีผู้ให้เช่าพื้นที่สำนักงานทั้งเจ้าใหญ่จากต่างชาติและของไทยเอง เจ้าใหญ่อย่าง IWG ได้ส่ง Regus เข้ามาตีตลาดในไทยทั้งฝั่งชานเมืองและต่างจังหวัด ส่วน Spaces และ Common Ground จากมาเลเซีย เจาะย่านใหญ่ใจกลางเมือง ครอบคลุมพื้นที่ใจกลางเมืองอย่างย่านสุขุมวิทมากสุดถึง 29% สยาม ปทุมวัน 24% สีลม สาทร 23% ลุมพินี 12% พหลโยธิน 5% และรัชดาภิเษก 4% และหลายเจ้ายังมีแพลนขยายพื้นที่ออกไปแถบอื่นนอกจากใจกลางเมืองด้วยเช่นกัน
ยิ่งนโยบายการทำงานจากที่ไหนก็ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ คนก็ยิ่งหาพื้นที่ทำงานที่สะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้นโยบายนี้ซบเซาลง ธุรกิจนี้ก็ยังมีลูกค้าจากผู้ประกอบการที่มองหาออฟฟิศแบบไม่ต้องลงแรงเองอยู่ดี ดูเหมือนว่าเส้นทางของ Co-Working Space จะยังเดินหน้าต่อไปได้อีกนาน ถ้าไม่บริหารพลาดจนเจ๊งไปซะก่อน
อ้างอิงจาก