ความหงุดหงิดจากการต่อล้อต่อเถียงยังคงวนเวียนกวนใจไม่ห่างหายไป เหมือนการทะเลาะกันในทุกครั้งที่เรามักถือไพ่เหนือกว่า และจบลงที่เขาเป็นฝ่ายโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ทั้งหมดกลับเป็นเรื่องที่อยู่แค่ในความคิดเท่านั้น เพราะร่างกายของเรากำลังทำสิ่งตรงข้าม สองขาคุกเข่าอยู่กับพื้น มือประสานราวรับทุกความผิด เขยิบใบหน้าไปแนบกับตัก อ้อนวอนด้วยเสียงหวาน “คืนนี้อยากลงโทษเด็กดื้อคนนี้ยังไงดีคะ”
หากมองมาที่ความสัมพันธ์ของใครสักคู่หนึ่ง เบื้องหน้าที่เราเห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หน้าม่านคุณภาพ หลังม่านใครครับเนี่ย โดยเฉพาะหลังม่านห้องนอนนั้นเป็นเรื่องสุดแสนจะคาดเดาไม่ได้ ใครจะรู้ว่าคนที่ดื้อสะบัดไม่ฟังใคร กลับอยากเป็นเด็กดีที่พร้อมรับทุกคำสั่ง หรือคนที่อ่อนโยนแสนสดใสจะลุกขึ้นมาสวมบทบาทเป็นเจ้านาย ที่อยากได้ยินเพียงเสียงอ้อนวอนของเด็กดื้อกำลังถูกกำราบเท่านั้น
ความซุกซนเหล่านี้เป็นเพียงเซ็กซ์แฟนตาซีที่คู่รักเอาไว้เพิ่มรสชาติ หรือมันกำลังบอกอะไรเราได้มากกว่านั้นกันนะ?
เสวซ่านในนามคนอื่น
ความแฟนตาซีที่เล่ามาข้างต้น หากจะเรียกให้เข้าใจตรงกันมันคือเซ็กซ์แบบสวมบทบาท หรือ Sexual Roleplay ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเพศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการเร้าอารมณ์กันและกันให้เป็นไปตามจินตนาการ เริ่มจากการสร้างสถานการณ์สมมติที่แสนเย้ายวน แล้วสวมบทบาทให้เข้ากับสถานการณ์นั้น อาจมีการวางเรื่องราวกันมาก่อน หรือด้นสดเอาหน้างานก็ได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ในสถานะที่ ‘ตกลง’ กันไว้
ความจริงจังก็มีอยู่หลายระดับ ตั้งแต่มือสมัครเล่น สมมติเป็นอาชีพต่างๆ หัวหน้าจอมเนี้ยบกับพนักงานตัวแสบ คุณนายไฮโซกับคนรับใช้ เจ้านายมาดขรึมกับสาวใช้ มีคอสตูมต่างๆ เข้ามาเพิ่มสีสัน อย่างที่เคยเห็นว่าจะมีชุดแฟนซีหลากหลายอาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าชุดพวกนี้มักไม่ได้ใส่ในงานปาร์ตี้ตามธีมต่างๆ นักหรอก แต่จะถูกนำมาใช้เพื่อสวมบทบาทสวาทที่ว่านี้มากกว่า แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่า ถ้าเราแสดงไม่เก่งแล้วจะโป๊ะเกินไหม ต้องเล่นใหญ่แค่ไหน เรื่องนี้เราปล่อยใจฟีลๆ ก็พอ ในเมื่อไม่ใช่ละครเวที คงไม่ต้องเน้นสมจริงมากขนาดนั้นก็ได้
ในส่วนของการสวมบทบาทแบบจริงจัง นอกจากจะมีบทบาทและสถานการณ์แล้ว ยังมีกติกา คำสั่ง ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ฟังดูแล้วมันช่าง Kinky อยู่ไม่น้อย เพราะเรากำลังพูดถึงการสวมบทบาทเจ้านายและทาสของชาว BDSM ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนอำนาจที่ต่างกันด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว
หากแกะรอยกิจกรรมสวมบทบาทนี้ พล็อตยอดนิยมมักจะเป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่าง 2 ฝ่าย มีผู้กุมอำนาจกับผู้ยอมจำนน ผู้นำกับผู้ตาม กิจกรรมนี้จึงต้องอาศัยความยินยอมพร้อมใจ และตระหนักรู้ไว้เสมอว่า สิ่งนี้เป็นเพียงความแฟนตาซีชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเวลาวาบหวามนี้จบลง ทุกอย่างจะจบตามไปด้วย จะไม่มีการหยิบเอาจินตนาการไปปะปนกับชีวิตจริงเด็ดขาด
ทำไมเราถึงอยากมีเซ็กซ์ในตัวตนคนอื่น?
เวลารักกันก็ยังรักในตัวตนของกันและกันได้ แล้วทำไมพอมีเซ็กซ์กลับอยากไปเสวในตัวตนอื่นได้ล่ะ โอเค เรื่องนี้อาจมีการสวมบทบาทเพื่อแก้เบื่อ เปลี่ยนกลิ่น เปลี่ยนรส ให้ชีวิตรักกันบ้าง แต่เพราะอะไรกันนะ บางคนถึงชอบเซ็กซ์สวมบทบาทเป็นชีวิตจิตใจ?
โจชัว คลาพาว (Joshua Klapow) นักจิตวิทยาคลินิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
“การสวมบทบาทเป็นโอกาสให้เราได้หลีกหนีความจริง โดยแปะป้ายให้ตัวเอง อนุญาตให้เราเองได้เสแสร้งแสดง พูดจา รู้สึกนึกคิดแบบตัวตนนั้น แม้ว่ามันจะแตกต่างกับตัวตนจริงของเราอย่างสิ้นเชิงเลยก็ตาม”
แน่นอนว่าเมื่อเราสวมบทบาทเป็นใครสักคน เราเลือกทิ้งตัวตนเดิมไว้ข้างหลัง เราไม่ได้เพียงแสดงให้คนตรงหน้าเห็นเท่านั้น แต่เรายังกล่อมเกลาจิตใจตัวเองให้เชื่อด้วยเช่นกันว่า เราคือคนอื่นคนนั้นไปแล้ว ขีดจำกัดเดิมที่เราเคยมีในตัวตนเก่า อย่างความเขินอาย อีโก้ หรือความซับซ้อนใดๆ อาจไม่จำเป็นต้องหยิบมันมาใช้อีกต่อไป เพราะการเชื่อว่าเราเป็นคนอื่นไปแล้ว บุคลิก คำพูดคำจา ก็จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์นั้น
เราอาจเคยอายม้วนเมื่อต้องเอ่ยปากฉอเลาะ อ้อนวอนขอเสพสมในความสวาท แต่เมื่อได้ปลดเปลื้องเราคนนั้นออกไป ด้วยเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ เป็นยัยเด็กดื้อแสนซนที่พร้อมจะแหกทุกกฎ เพราะอยากโดนลงโทษเสียเต็มประดา ถกกระโปรงแสนสั้นพ้นเนินนางเพียงคืบขึ้นมา พร้อมโดนฟาดจนแก้มก้นอวบอัดกระเพื่อมไปตามแรงเหวี่ยง สัมปชัญญะที่พร่าเลือน พาให้เราหลงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเราเป็นใคร
เนื่องด้วยเกี่ยวพันกับตัวตน หากเราเลือกจะสละตัวตนเดิม แล้วเพิ่มตัวตนใหม่เข้ามา หลายคนอาจไม่เลือกคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกัน เพราะนั่นคงไม่ให้ความรู้สึกได้ปลดปล่อยหรือเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ ส่วนมากเราเลยได้เห็นการเปลี่ยนตัวตนแบบขั้วตรงข้าม ชนิดที่เปลี่ยนสุดใจไปสุดจริง โดยมีกุญแจสำคัญในการเลือกคาแรกเตอร์คือ อำนาจในความสัมพันธ์
หากเดิมทีเราเป็นนางสาววีนเสมอ ไม่สนลูกใคร พอต้องสวมบทบาทบนเตียงอาจจะอยากเป็นไอ้ต้าวเด็กดีของเธอ คาแรกเตอร์อ่อนแอจะต้องโดนสั่งให้ทำอะไร โดนลงโทษย้อนหลังแค่ไหน ก็ยินดีด้วยความเต็มใจ หรือถ้าหากเราเป็น Yes Man แฟนว่าไงผมว่างั้น ไม่เคยขัดจัดให้ตลอด พอต้องเลือกบทบาทขึ้นมา หลายคนคงหนีไม่พ้นบทที่มีอำนาจในมือ อยากเห็นยัยเด็กดื้อนั้นโดนกำราบ
อย่างไรก็ตาม คลาพาวยังให้ความเห็นไปในเชิงเดียวกันว่า กิจกรรมนี้เป็นเหมือนการเติมเต็มความต้องการ หรือสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่องของอำนาจ ยิ่งเราได้เห็นอีกฝ่ายในบทบาทที่ไม่มีทางเป็นได้ในชีวิตจริง (หรือแม้แต่บทบาทของตัวเอง) มันยิ่งรู้สึกว่าเซ็กซี่ ดึงดูด ยิ่งกว่าเดิม
แล้วจะไปเสวอะไร หากเอาคนขี้อายมาอยู่ในบทบาทเดิมที่ได้เห็นทั้งในชีวิตประจำวันและยามเปิดเกมรัก? หากลุกขึ้นมาเป็นเจ้เจ้าของหอแสนแซ่บ ที่พร้อมจะเก็บค่าเช่าไอ้หนุ่มน้อยที่ค้างค่าห้องพร้อมคิดดอกเบี้ยเป็นแรงหนุ่ม แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเปลี่ยนบทบาทได้เต็มปาก
หรือต่อให้ตัดเรื่องความเสวออกไป ในแง่หนึ่งมันก็คือเรื่องของการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ เหมือนหลักการง่ายๆ ที่เราใช้ในยามปรับความเข้าใจกันในความสัมพันธ์ทั่วไปนั่นแหละ
ทว่า สิ่งนี้กลับไม่ได้เติมเต็มแค่ความแฟนตาซีอย่างเดียวนี่สิ นอกจากจะตื่นเต้นหวือหวาแล้ว มันยังแสดงถึงความปลอดภัยในความสัมพันธ์ได้อีกด้วย โดยแคทเธอลิน คาราคิโอโล (Caitlyn Caracciolo) นักบำบัดด้านชีวิตคู่และเซ็กซ์ ได้กล่าวต่อเรื่องนี้ไว้ว่า
“เซ็กซ์แบบสวมบทบาทนี้ ไม่ว่าเราจะทำไปตามจินตนาการของเราหรือคนรักก็ตาม มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในความสัมพันธ์ สิ่งนี้เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีเลย”
แล้วยังกล่าวเสริมอีกว่า เพราะการสวมบทบาทนั้นต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ฟีลว่าถ้าเราแสดงออกไปแบบนี้ เรามั่นใจว่าเขาจะไม่ตัดสินเราไปในทางที่ไม่ดี เขาจะยังมีความเคารพซึ่งกันและกันและเข้าใจว่านี่เป็นเพียงแฟนตาซีจอยๆ เท่านั้น
อ่านมาอ่านไป ก็เริ่มอยากจะมีบทบาทในจินตนาการขึ้นมาบ้าง แต่ยังไม่เคยสละตัวตนเก่าสวมบทบาทใหม่มาก่อน กลัวลองแล้วมันเก้ๆ กังๆ หากอยากจะเริ่มมีเซ็กซ์สวมบทบาทบ้างควรเริ่มยังไงดีนะ?
- ไถ่ถามความสมัครใจ — แน่นอนว่าสิ่งนี้เราไม่สามารถอินบทบาทได้อยู่คนเดียว เพราะอีกฝ่ายคงเกาหัวแกรกๆ ว่าอะไรเข้าสิงแกหรือเปล่า งั้นลองเอาไอเดียนี้ไปเสนอกับอีกฝ่ายดูก่อน ว่าถ้าหากเรามาลองสิ่งนี้เป็นเพียงการทดลองเท่านั้น ถ้าต่างฝ่ายต่างเอนจอยกับมันค่อยไปต่อ เพราะสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการยินยอมพร้อมใจกันของคนทั้งคู่
- เลือกสถานการณ์ใกล้ตัว — หากไม่เคยลองมาก่อน จู่ๆ จะไปสมมติว่าตัวเองเป็นนักบินอวกาศที่พยายามมีเซ็กซ์กันท่ามกลางความเคว้งคว้างมันก็กระไรอยู่ เราอาจลองเริ่มจากสถานการณ์ที่ทั้งคู่มักใช้เวลาด้วยกัน หรือมีจุดร่วมเดียวกันก่อน อาจจะเป็นงานเลี้ยงรุ่น เกาะร้างห่างไกลผู้คน สายลับที่ถูกจับตัวได้ ฯลฯ
- เลือกคาแร็กเตอร์พร้อมเลือกฝั่งอำนาจ — พอได้สถานที่แล้ว เราก็จะรู้ว่ามีใครอยู่ในนั้นบ้าง มาเลือกตัวละครที่พอจะอยู่ในสถานการณ์ สถานที่นั้นได้ เราอาจลองเลือกคาแร็กเตอร์ที่มีอำนาจต่างกัน มีฝั่งที่เป็นผู้นำกับผู้ตาม อาจจะช่วยเพิ่มรสชาติได้มากขึ้น หรือจะเลือกเป็นตัวละครกลางๆ ไม่ได้มีใครอยู่เหนือใคร แค่เป็นคนหน้าใหม่เพิ่งพบเจอกันก็ได้ทั้งนั้น
- ตกลงกันว่าขอบเขตอยู่ตรงไหน — แม้หวังใจว่าการด้นสดเหมือนเจอคนแปลกหน้าจริงๆ อาจจะเร้าใจกว่า แต่ถ้านี่เป็นการสวมบทบาทครั้งแรก ควรตกลงกันถึงขอบเขต ข้อห้าม กติกาต่างๆ ว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ เพื่อไม่ให้การกระทำใดๆ ของใครสักคนต้องหักหาญความยินยอมพร้อมใจของอีกฝ่าย
แม้ระหว่างกิจกรรมจะช่างฟุ้งฝันแฟนตาซีถึงชีวิตที่เราไม่เคยมีขนาดไหน ได้เสวซ่านในบทบาทของใครต่อใคร แต่เมื่อถึงฝั่งฝันความวาบหวามเหล่าจบลง จินตนาการเหล่านั้นจำต้องจบลงตามไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกแปลกปลอมใดๆ ที่เล็ดรอดมาสู่โลกความจริง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว นึกออกหรือยังว่าคืนนี้คุณอยากเป็นใคร?
อ้างอิงจาก