“ฟินจัง แต่ยังฟินได้มากกว่านี้”
ความสุขสมผ่านพ้นไป ได้นอนอ้อยอิ่งคิดทบทวนถึงความวาบหวามเมื่อครู่ แม้มันจะฟออินฟินแค่ไหน ก็ยังมีจุดที่คิดว่าอร่อยได้มากกว่านี้ รวมถึงฝีมือของเราด้วยเหมือนกัน ว่ารสชาติทำถึงไหม เขาจะอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า แต่จะมาจับเข่าคุยเอาโต้งๆ ก็ไม่กล้า ไม่จะเข้าใจผิดว่าเราไม่พอใจ แต่อยากฟีดแบ็กเหมือนเรื่องทั่วไปในความสัมพันธ์ จะเริ่มยังไงได้บ้างนะ
ขนาดความไม่พอใจในความสัมพันธ์หรือชีวิตประจำวันทั่วไป การมานั่งจับเข่าคุย บอกเล่าปัญหาของกันและกัน ยังต้องอาศัยจังหวะที่ใช่ วิธีสื่อสารที่เหมาะสม ยิ่งเป็นเรื่องเซ็กซ์ยิ่งแล้วใหญ่ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากกว่า จนหลายคนมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะร้องขอกันได้ รอเขาเต็มใจทำให้ดีกว่า แต่ถ้าเขาไม่รู้ว่าเราไม่พอใจ แล้วเขาจะแก้ไขให้เราได้เมื่อไหร่กันล่ะ
แล้วทางออกของเรื่องนี้คืออะไรกันล่ะ จะไม่พูดก็ไม่ได้ แต่จะพูดไปก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรับได้แค่ไหน ผลสำรวจชายหญิงกว่า 5,000 คู่ จาก TODAY Show ข่าวฝั่งไลฟ์สไตล์จากสื่อใหญ่ NBC พบว่า กว่า 20% มองว่าคู่รักของตัวเองนั้น ยังมีลีลาอยู่ในระดับกลางๆ จนถึงแย่ และ 25% ไม่เคยฟีดแบ็กเรื่องนี้กลับไปเลย ด้วยเหตุผลหลักคือ กลัวว่าฟีดแบ็กนั้นจะทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย
ไม่ต้องกลัวว่าเราแบกความในใจเอาไว้คนเดียว หรือเรามันช่างเป็นคนเรื่องมาก ขนาดไปจู้จี้เขากระทั่งเรื่องเซ็กซ์หรือเปล่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนอย่างที่เห็นในผลสำรวจ แต่หลายคนเลือกจะเงียบไปก่อนนี่สิ จริงๆ แล้วการฟีดแบ็กกันมันทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายจริงหรือเปล่า? ในผลสำรวจเดียวกัน 80% กล่าวว่า ยินดีที่จะรับฟังเสมอ ถ้าต้องการอะไรก็แค่ขอมาได้เลย 17% กล่าวว่า รับฟังได้ แต่ขอแบบซอฟต์ๆ หน่อยนะ ส่วนอีก 3% กล่าวว่า ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น
ดูเหมือนว่าเราอาจจะกลัวไปเองว่า พูดไปแล้วจะไม่เข้าหูกัน แน่ล่ะ เราไม่มีทางรู้เลยว่าใครอ่อนไหวกับเรื่องไหน ยิ่งเรื่องเซ็กซ์ที่มันผูกติดกับลีลาความอร่อยอยู่กลายๆ ถ้าเราไปบอกให้เติมรสนู่นนี่ ไม่รู้ว่า เชฟจะยินดีรับฟังหรือจะหยิบกะทะมาฟาดกันแน่ แต่จากผลสำรวจข้างต้นนั้นชี้ให้เห็นว่า ยังมีคนอีกเยอะมากที่ยินดีรับฟังความต้องการในเรื่องเซ็กซ์ของอีกฝ่าย ดังนั้นอย่าเพิ่งกลัวไปก่อนว่าการฟีดแบ็กกันจะนำมาซึ่งปัญหา
พูดกันตามตรง หากถอดเรื่องความวาบหวามออกไป เซ็กซ์มันก็เป็นเหมือนกิจกรรมหนึ่ง อาจมีวันที่เราทำได้ดีเยี่ยมหรือวันที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ ต้องอาศัยประสบการณ์ เรียนรู้ ฝึกฝน ให้สามารถออกรสชาติได้เก่งกล้ามากขึ้น กว่าจะเจอท่าที่ใช่ จังหวะที่ชอบ ก็ต้องใช้เวลากันหน่อย หากเข้าใจแบบนี้ได้แล้ว การฟีดแบ็กกันเป็นเหมือนการช่วยกันแต่งแต้มให้อีกฝ่ายทำสิ่งนี้ได้ดีขึ้นอีกด้วย ฟีลงานกลุ่มแหละนะ ต่างคนต่างมีไม้ตายของตัวเองแล้วมาเจอกัน เธอทำอะไรได้บ้าง ฉันทำสิ่งนี้ได้ เธอชอบไหมล่ะ ผลัดกันเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้
แต่ทั้งนี้ การฟีดแบ็กกันก็ใช่ว่าจะตำหนิกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยได้เลย อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า บางคนมีความอ่อนไหวไม่เหมือนกัน บางคนตั้งสิ่งนี้ไว้บนอีโก้สูงลิบ เราอาจต้องระมัดระวังวิธีการสื่อสาร ให้ประนีประนอม ละมุนละม่อม อาจเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย งั้นมาดูกันว่า หากเราอยากฟีดแบ็กเรื่องเซ็กซ์ จะมีวิธีไหนที่รักษาน้ำใจ ไม่กลายเป็นจุดชนวนทะเลาะกัน
- ปรับไปใส่ใน Dirty Talks บางครั้งเราอยากเร่งจังหวะอีกนิด ยังไม่ถึงจุดที่ใช่ อยากขยับไปตรงนั้นอีกหน่อย อะไรที่มันเกี่ยวกับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ไม่ต้องอาศัยการอธิบายกันยืดยาว เราสามารถเปลี่ยนมันเป็นบทสนทนาซุกซน เร่งเร้าให้เข้าจังหวะ ณ ตอนนั้นได้เลย เชื่อเถอะว่าถ้าพูดไปตอนนั้น ไม่มีใครมานั่งจับผิดว่าเรากำลังตำหนิเขาหรือเปล่า มีแต่จะอยากให้เราซุกซนยิ่งขึ้นอีก
- ไม่ออกคำสั่ง คำว่าอย่า ห้าม หรืออะไรที่เป็นแง่ลบเกินไป ให้เก็บเอาไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะเป็นหนุ่มมั่นใจอีโก้เกินร้อยหรือสาวน้อยขี้อาย การออกคำสั่งหรือใช้คำแง่ลบ จะดูเป็นการตำหนิมากกว่าการคุยเพื่อช่วยกันแก้ไข สมมติว่าเราอยากให้อีกฝ่ายแสดงอารมณ์ออกมามากกว่านี้ เราคงไม่พูดใส่หน้าว่า “อย่านอนแข็งเป็นท่อนไม้ได้ไหม มันหมดอารมณ์” ลองเปลี่ยนเป็น “เรารู้สึกดีมากเลย ที่ได้ยินเธอทำเสียงแบบนั้น หน้าแดงแบบนั้น ลองทำอีกนานๆ เลยได้ไหม” ลองเปลี่ยนจากคำแง่ลบ เป็นการเน้นไปในสิ่งที่เขาทำได้ดี หรือพูดถึงสิ่งที่เราต้องการแทน จะช่วยให้มิติของการพูดคุย ไม่เป็นการสั่งสอนกันจนเกินไป
- ชักชวนลองอะไรใหม่ๆ หากมันไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย จังหวะ ท่าทาง แต่เป็นร่มใหญ่อย่างเรื่องรสนิยม ความชอบเฉพาะทาง หรืออะไรที่อีกฝ่ายไม่เคยทำ ไม่เคยรู้จักมาก่อน อย่าเพิ่งมัดมือชกให้เขาทำในทันที ลองอธิบายว่าสิ่งนี้คืออะไร แล้วชักชวนให้อีกฝ่ายลองลิ้มชิมรสดูก่อน ว่าจะชอบเมนูใหม่นี้แค่ไหน ทั้งนี้ การลองอะไรใหม่ๆ ควรถามความสมัครใจตั้งแต่ต้น และเตรียมใจไว้ด้วยว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้ชอบสิ่งที่ลอง ก็ต้องมูฟออนไปลองสิ่งอื่นแทน
จะว่าไปมันก็เหมือนการจับเข่าคุยในความสัมพันธ์นั่นแหละ ว่าเราอยากให้อีกฝ่ายปรับตัวเรื่องไหน อยากให้ทำหรือไม่ทำอะไร เพียงแต่ย้ายจากชีวิตประจำวันมาเป็นเรื่องลับๆ อย่างเรื่องบนเตียงแทน ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะลองวิธีไหน ใจความของเรื่องมันคือการเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย
แม้จะร้องขอกันแบบตรงประเด็น แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตัวใจร้าย เราสามารถเข้าเรื่องและเข้าใจไปพร้อมกันได้
อ้างอิงจาก