เดตแรก สัมภาษณ์งานครั้งแรก ไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก ขับรถครั้งแรก …
ถ้าถามว่าในการทำอะไรสักอย่าง ครั้งไหนยากที่สุด? คำตอบคงเป็น ‘ครั้งแรก’ เพราะความรู้สึกนั้นมักลงเอยด้วยเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ นึกย้อนกลับไปทีไรก็มีแต่ความผิดพลาด เราเผลอแสดงความเด๋อให้ใครเห็นไปไม่รู้กี่ครั้ง สีหน้าตื่นเต้นก็เก็บไม่อยู่ มือไม้จากที่เคยอยู่ของมันดีๆ ก็เกะกะขึ้นมาซะงั้น ใจเต้นเร็วจนแทบคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกไปหมด
ไหนจะคาดหวังแล้วไม่เป็นอย่างที่หวัง อุตส่าห์ระวังแล้วแต่ก็ยังผิดพลาด ความไม่สวยงามของการทำอะไรครั้งแรกนี่เอง อาจสร้างความกดดันให้กับเราโดยไม่รู้ตัว เพราะต้องทำสิ่งที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เมื่อผ่านพ้นไปได้ นอกจากจะทิ้งความรู้สึกไม่ดีไว้แล้ว บางคนยังอาจถึงขั้นเข็ดขยาด จนปฏิญาณกับตัวเองในใจว่า “จะไม่ขอทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว” เพราะไม่อยากกลับไปเจอประสบการณ์แบบเดิมอีก
ทำไมความรู้สึกของการทำอะไรครั้งแรกถึงยากขนาดนี้นะ? แล้วถ้าต้องเริ่มต้นทำใหม่อีกครั้ง เราจะมีวิธีเตรียมตัวยังไงบ้าง?
เหตุผลที่ครั้งแรกเป็นเรื่องยาก
ถ้าให้เลือกระหว่างนอนดูเน็ตฟลิกซ์เรื่องโปรดบนโซฟาในห้องที่คุ้นเคย กับการออกไปพูดคุยกับคนไม่รู้จักในคาเฟ่ที่ห่างจากบ้านโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเดินทางยังไง หลายคนอาจจะเลือกช้อยส์แรกแบบไม่ต้องคิด
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เมื่อหลายคนอาจมองว่า การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ เป็นเรื่องยาก เพราะสมองของเราคุ้นชินกับการเลือกทางที่ปลอดภัยมากกว่า โดยสันโทช เกซารี (Santosh Kesari) ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา อธิบายว่า สมองของเราเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วได้ผลและไม่ได้ผล ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเรา เราจึงมักเลือกทางที่เราทำได้อยู่แล้วแน่ๆ เพื่อไม่ต้องเสี่ยงอันตรายกับทางที่ไม่คุ้นเคย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเริ่มทำพฤติกรรมใหม่ๆ ล่ะ? เรื่องนี้นักประสาทวิทยาอธิบายว่า สมองของเราไม่รู้หรอกว่า พฤติกรรมใหม่นั้นจะดีหรือไม่ดี ต่อให้เรารู้ว่าการกินอาหารเพื่อสุขภาพจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เพราะความไม่คุ้นเคย สมองก็จะเปลี่ยนไปอยู่โหมดป้องกันตัวเองว่า พฤติกรรมใหม่อาจทำร้ายเราหรือเปล่า และมันก็จะส่งสัญญาณเตือนออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ความเครียด หรือความกดดัน
สัญญาณจากร่างกายอย่าง ‘ความกดดัน’ นี่เอง เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราทำอะไรผิดพลาดบ่อยๆ ในครั้งแรก โดยมีงานวิจัยในปี 2023 จาก Georgia State University ที่ศึกษาเกี่ยวกับการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน พบว่า ความกดดันถือเป็นความเครียดอย่างหนึ่ง ซึ่งร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่คุ้นเคย และส่งผลให้มีการตัดสินใจภายใต้ความกดดันต่างออกไป เช่น เมื่อเราอยู่ภายใต้ความกดดันและมีความประหม่ามากเกินไป (self-consciousness) ก็อาจมีโอกาสเกิดความล้มเหลวได้ หรืออาจทำให้เราตัดสินใจได้ช้าลง เมื่อต้องทำงานส่วนที่ต้องใช้ความจำหรือการตัดสินใจเชิงตรรกะ
อย่างไรก็ตาม ความกดดันก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป เพราะบางครั้งความกดดันที่พอดีสามารถช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำสิ่งนั้นได้ดีขึ้นได้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Asian Journal of Sport and Exercise Psychology ปี 2023 ศึกษาเกี่ยวกับแรงกดดันในนักกีฬาระหว่างการแข่งขันกับการฝึกซ้อม พบว่า บางครั้งไม่ใช่แค่โค้ชเท่านั้นที่เป็นผู้สร้างความกดดัน แต่นักกีฬาเองก็สร้างแรงกดดันเล็กๆ ให้กับตัวเองด้วยเหมือนกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจและทำให้ตัวเองฝึกซ้อมได้ดีขึ้น
เพราะฉะนั้นในการทำอะไรครั้งแรกอย่างการขับรถ แข่งกีฬา หรือแก้ปัญหาที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ก็อย่าเพิ่งรีบโทษตัวเอง ถ้าพบว่าเราจะตัดสินใจได้แย่ หรือทำอะไรได้ไม่ดี เพราะการมีความกดดันที่มากเกินไป อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ขณะเดียวกันการสร้างความกดดัน ‘เล็กๆ’ ให้กับตัวเองก็อาจช่วยให้เรามีแรงจูงใจ จนอยากทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้เช่นกัน
ทำยังไงถ้าไม่อยากให้ครั้งแรกกดดันมากเกินไป
อย่างที่เราบอกไปว่า ความกดดันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่อเราทำอะไรครั้งแรก และแม้เราจะห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้ความกดดันของตัวเราเองลดลงได้
British Psychological Society เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลด้านจิตวิทยาและนักจิตวิทยา แนะนำหนึ่งในแนวคิดที่มักใช้รับมือกับความกดดันอย่าง ‘มุมมองต่อความเครียด’ (Stress Mindset) อธิบายง่ายๆ คือ หากเรามีมุมมองที่ดีต่อความเครียด เช่น มองว่ามันช่วยเพิ่มสมาธิ กระตุ้นแรงจูงใจ และเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ จะทำให้เรามีกำลังใจทำสิ่งนั้นต่อได้ แต่ในทางกลับกัน หากเรามองความเครียดในเชิงลบ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เราก็อาจหมดกำลังใจจนทำให้ไม่อยากทำสิ่งต่างๆ
แนวคิดดังกล่าวนี้ถูกยืนยันด้วยงานวิจัยของอาเลีย ครัม (Alia Crum) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งพบว่า ประโยชน์ของการมองความเครียดในเชิงบวกไม่ได้จำกัดเฉพาะในผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ในการศึกษากลุ่มวัยรุ่นที่เชื่อว่าความเครียดมีประโยชน์ในตัวเอง ก็ช่วยให้พวกเขารับมือกับเหตุการณ์ยากลำบากได้ดีกว่าเช่นกัน นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบอีกว่า เราสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความเครียดในเชิงลบให้เป็นเชิงบวกได้ด้วย
แล้วถ้าอยากมีประสบการณ์ครั้งแรกที่ดีเพื่อลดความกดดัน เราควรเตรียมตัวยังไงบ้าง? อบิเกล เบรนเนอร์ (Abigail Brenner) นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการโอบกอดตัวเอง แนะนำแนวทางไว้ดังนี้
- สื่อสารกับคนรอบข้าง – บางครั้งการรู้ว่าเราไม่ได้เจอเรื่องนี้อยู่คนเดียว อาจช่วยลดความกดดันให้ตัวเองได้ เราสามารถลองขอให้คนอื่นๆ แลกเปลี่ยนว่า พวกเขาผ่านเหตุการณ์ครั้งแรกเหล่านั้นมาได้ยังไง เชื่อว่าหลายคนต่างก็มีความผิดพลาดในการทำครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น การฟังเรื่องราวที่ไม่เพอร์เฟ็กต์บ้างจะช่วยลดความคาดหวังกับเราได้เหมือนกัน
- มีอารมณ์ขัน – การมองความผิดพลาดครั้งแรกให้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ อาจเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดความประหม่าของเราลง การเดินทางในที่ที่ไม่เคยไป การเผลอปล่อยไก่ต่อหน้าคู่เดตที่เพิ่งเจอครั้งแรก บางทีเรื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องหนักหนาจนต้องเก็บมาโบยตีกับตัวเองขนาดนั้น เพราะบางครั้งการเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป อาจยิ่งทำให้เราทำผิดพลาดในครั้งแรกมากขึ้นก็ได้
- ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ – เราคงเคยได้ยินเรื่องราวความผิดพลาดจากผู้เชี่ยวชาญได้บ่อยๆ ดังนั้น สำหรับตัวเราเองที่เพิ่งได้ลองทำอะไรครั้งแรกแล้วไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่เรื่องน่าผิดหวัง เพราะข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราต้องเจอ เราสามารถเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นบทเรียนให้ตัวเองเดินหน้าต่อได้
- มีความหวัง – เรื่องบางเรื่องเราอาจต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผล แม้วันนี้จะยังทำไม่ได้ แต่การทำอย่างสม่ำเสมออาจมีประโยชน์กับเราในอนาคต หากลองย้อนดูสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ อย่างการทำอาหาร เล่นกีฬา หรือวาดภาพ ก็มักเริ่มต้นมาจากสิ่งเล็กๆ ที่เราค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่เราทำได้ และกลายเป็นสิ่งที่เราสบายใจนั่นเอง
แม้ความกดดันอาจทำให้การทำอะไรครั้งแรกไม่เป็นอย่างที่คิด แต่อย่างน้อยการเริ่มต้นก็ช่วยทำให้เราคุ้นเคยกับสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และเราอาจทำมันให้ดีขึ้นในครั้งต่อไปได้
อ้างอิงจาก