มาเริ่มต้นตำแหน่งใหม่ ด้วยวันดีๆ กันเถอะ
ก้าวเข้าสู่ที่ทำงานใหม่ กับตำแหน่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมด้วยความมุ่งมั่นแบบเกินร้อย พบปะพูดคุยถึงทิศทางงานที่ผู้บริหารอยากให้เราและทีมทำเรียบร้อย ก็ตบปากรับคำว่าจะสนองความต้องการและความคาดหวังขององค์กรอย่างเต็มที่ ฉันจะเป็นหัวหน้าที่เลิศที่สุดให้ได้เลย
แม้จะตั้งใจทำงานตามทิศทางขององค์กรอย่างเต็มที่ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นด้วยเสียเมื่อไหร่ พอถึงจุดหนึ่ง ลูกทีมหลายคนก็ขออยากทำแบบนู้น บางคนได้อย่างนี้ ต้องการให้ปรับนู้นนี้ จนเราหัวหมุนสับสนไปหมด
บอกได้เลยว่า ในฐานะคนกลางระหว่างบริษัทและคนทำงานเจออย่างนี้ไปมึนกันแน่นอน เพราะความต้องการขององค์กรก็สำคัญ แต่คนทำงานก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์ทั้งคู่ เราจะหาจุดกึ่งกลางระหว่างสองสิ่งนี้อย่างไรดี
หัวหน้ามือใหม่กับการเป็นคนกลางในออฟฟิศ
เมื่อถึงเวลาต้องก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้ามือใหม่ แน่นอนว่าภาระงานก็ย่อมเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ของปริมาณและความยาก ความกังวลของเราก็อาจเพิ่มขึ้นพร้อมกับหน้าที่รับผิดชอบที่เปลี่ยนไป ถึงอย่างนั้น งานก็อาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราต้องเตรียมใจเจอ
เพราะเมื่อเราขึ้นเป็นหัวหน้าคนจริงๆ อีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องเผชิญอย่างแน่นอนคือ งานด้านการบริหาร อลิเซีย อาร์. (Alícia R.) โค้ชด้านภาวะความเป็นผู้นำ ได้กล่าวเอาไว้ว่า ความผิดพลาดแรกของหัวหน้าหน้าใหม่คือ การมองว่าตำแหน่งหัวหน้าจะต้องให้ความสำคัญกับผลงานมาเป็นอันดับแรก ทว่าแท้จริงแล้ว งานของหัวหน้ายังมีในเรื่องของการบริหารจัดการคนในทีม ตลอดจนช่วยผลักดันให้ทีมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่เคยด้วย

อีกทั้ง หัวหน้ามือใหม่หลายคน อาจจะยังลืมที่จะปรับวิธีคิดการทำงาน จากการเป็นคนลงมือทำเอง มาเป็น ผู้นำทีม เพราะการทำงานในฐานะหัวหน้า ไม่สามารถประสบความสำเร็จด้วยตัวคนเดียวได้ หากแต่ต้องอาศัยการร่วมมือจากทีมมาช่วยสนับสนุนด้วย
ลองคิดย้อนกลับกันในวันที่เราเป็นลูกน้องของใครสักคน นอกเหนือจากงานของเจ้าตัวที่ต้องทำแล้ว เราก็คงคาดหวังให้อีกฝ่ายช่วยนำทีมและกระตุ้นให้คนทำงานได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้ทีมได้พัฒนาก้าวไปข้างหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องของมุมมองที่ต้องเปลี่ยนไปเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว เจมี่ เบิร์ต (Jamie Birt) โค้ชและผู้ให้คำปรึกษาด้านอาชีพ ยังเสนอแนะถึงความท้าทายที่หัวหน้าหน้าใหม่ต้องเผชิญเพิ่มเติมด้วย ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารระหว่างทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพ การขาดการทำงานเป็นทีมระหว่างหัวหน้ากับลูกทีม หรือกระทั่งแรงกดดันจากสองฝั่งในฐานะคนกลางขององค์กร
แน่นอนว่า การต้องมาเป็นคนกลางระหว่างคนสองกลุ่มในออฟฟิศ ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่เราในฐานะหัวหน้าต้องเผชิญ เพราะเราในฐานะคนทำงาน ก็คงอยากทำงานให้ได้ตามทิศทางและความคาดหวังขององค์กร ทว่าเราเองก็ต้องรักษาความสัมพันธ์และทำตามความต้องการของคนในทีมด้วยเช่นกัน กลายเป็นเรือสองแคมที่หัวหน้าหน้าใหม่ต้องเหยียบ จะปล่อยลอยลำทางใดทางหนึ่งไปเลยก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น มันก็อาจย้อนกลับมากระทบต่อการทำงานของเราในแง่ใดแง่หนึ่งได้เช่นกัน
การขึ้นเป็นหัวหน้าสำหรับใครหลายคน จึงเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เพราะหลายคนก็คงไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารคนมาก่อน ถึงอย่างนั้น เราก็อาจต้องเตรียมหาวิธีมารับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามานี้ให้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

หัวหน้าจะหาจุดกึ่งกลางระหว่างทิศทางของบริษัทกับความต้องการของลูกทีมอย่างไรดี
เชื่อว่ามาถึงตรงนี้ หัวหน้ามือใหม่หลายคนก็อาจรู้สึกกังวลกันไม่มากก็น้อยแล้วว่า จะต้องจัดการทีมกับความคาดหวังขององค์กรอย่างไรดี?
อย่าเพิ่งวิตกกังวลกันจนเกินไป เราได้รวบรวมคำแนะนำที่น่าสนใจจาก Indeed และ Padraig Coaching & Consultant 2 แพลตฟอร์มเกี่ยวกับการทำงาน มาให้หัวหน้าหน้าใหม่ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้กัน
- เริ่มต้นด้วยการวางแผนกับตัวเองให้ดีก่อน: ก่อนจะต้องเจรจาหรือดำเนินการใดๆ อย่าลืมวางแผนกับตัวเอง พร้อมลองลิสต์ทิศทางในการทำงานและความคาดหวังจากองค์กร ร่วมกับลิสต์ความต้องการของคนในทีมดู เพื่อให้เราเห็นก่อนว่า องค์กรต้องการอะไร แล้วทีมต้องการสิ่งใด
- มองหาจุดร่วมกันระหว่างสองฝ่ายให้เจอ: เมื่อเราเห็นแล้วว่าทั้งสองฝ่ายมีความคาดหวังอย่างไรกับเราบ้าง ก็อาจลองเทียบเคียงดูว่าความต้องการใดของลูกทีมที่เราสามารถปรับให้ไปในทิศทางเดียวกับบริษัทได้ หรือหากสิ่งใดทำไม่ได้ ก็ต้องหาเหตุผลให้เจอว่าไม่ได้เพราะอะไร เพื่อนำไปชี้แจ้งกับคนในทีมได้เห็นภาพนั่นเอง
- ประชุมพูดคุยกับทีม เพื่อให้เห็นภาพตรงกัน: สิ่งสำคัญแทบจะที่สุดสำหรับการทำงานเป็นทีม คือการสื่อสารที่ดี ดังนั้น หากต้องการให้คนในทีมเห็นภาพเดียวกันกับที่เราต้องการ ก็ควรเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมพูดคุย และชี้แจงให้ทุกคนได้เห็นถึงความต้องการของบริษัท เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพตรงกันว่า เรากำลังจะเดินไปในทิศทางไหนกันแน่
- คุยกับทุกคนด้วยเหตุผล: แน่นอนว่า เมื่อเป็นหัวหน้า เราก็ไม่สามารถให้ความสนใจแค่งานหรือองค์กระได้เพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการทีมให้ดีก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ เมื่อต้องพูดคุยกับลูกทีมของตนเอง ก็ต้องมีเหตุผลให้ชัดเจน พูดกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการ เราทำได้หรือไม่ได้เพราะเหตุใด หรือถ้าอยากให้เขาปรับไอเดียเพื่อให้เขากับความคาดหวังขององค์กรมากขึ้น ก็ต้องชี้จุดให้ได้ว่าจุดไหนสามารถปรับได้
- อย่ารับปากถ้าไม่สามารถทำได้: ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เมื่อเราเป็นหัวหน้าใครสักคน เมื่อเราฟังสิ่งที่คนในทีมเรียกร้องมา เราไม่ควรหุนหันพลันแล่นรับปากอีกฝ่ายไปทันทีทันใด แต่อาจขอเวลาเพื่อไปศึกษาข้อมูลและหาคำตอบมาก่อน เพราะหากเรารับปาก แล้วดันทำตามไม่ได้ นอกจากจะผิดใจกับคนในทีมแล้ว ยังทำให้มีภาพลักษณ์เป็นคนไม่รักษาคำพูดด้วย
ในฐานะที่เราก็เคยเป็นคนทำงานมาก่อน ก็ต้องไม่ลืมที่จะพยายามเข้าใจความต้องการของลูกทีมด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องไม่ละทิ้งทิศทางของบริษัทไปเลยทีเดียว หากแต่เราอาจต้องค่อยๆ ดึงทั้งสองฝั่งให้กลับมาบนเส้นทางเดียวกันให้ได้
ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะมองว่าปัญหาเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่จะช่วยพัฒนาและสร้างให้เราเป็นหัวหน้าที่เก่งในวันข้างหน้าได้
อ้างอิงจาก