ประมาณหนึ่งปีพอดิบพอดีที่เราต้องเริ่มทำงานที่บ้านแบบเต็มเวลาเป็นครั้งแรก จากการระบาดของ COVID-19 ไม่ใช่แค่วัน work from home ประจำสัปดาห์ตามนโยบายในช่วงเวลาปกติ โลกของการทำงานขยับย้ายจากที่ทำงานมาเป็นที่บ้าน ด้วยความจำเป็นของระยะห่างทางสังคม แต่ในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เราเริ่มทำงานที่บ้านแบบเต็มเวลากันเป็นรอบที่สองแล้ว จนหลายบริษัทที่ปกติไม่ได้มีนโยบาย work from home ก็เริ่มจะหันมาใช้นโยบายนี้ในระยะยาวกันแล้ว อาจจะเป็นเข้าออฟฟิศเพียง 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือสามารถทำงานที่บ้านแบบเต็มเวลาเช่นเดียวกับตอนนี้ตลอดไปเลยก็ได้
เราเลยได้เห็นรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งเวลาทำงาน สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่เวลาเข้าออกงาน ที่อาจต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ผลการสำรวจจาก Simform ที่ไปสอบถามความคิดเห็นจากคนทำงานชาวอเมริกัน กว่า 2000 คนที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย work from home บอกตัวเลขที่น่าสนใจไว้ว่า ในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 แล้วหลายบริษัทต้องใช้นโยบาย work from home อย่างเต็มรูปแบบเนี่ย 82% ของบริษัท วางแผนไว้ว่าจะให้พนักงานของพวกเขาทำงานที่บ้านไปก่อนเรื่อยๆ และอีกกว่า 77% อยากใช้นโยบายนี้ถาวรไปเลย
Hybrid Office ที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันจึงไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป (เพราะเรากำลังทำกันอยู่ตอนนี้ไงล่ะ) หลายคนทำงานที่บ้านอาจจะดึงประสิทธิภาพในการทำงานออกมาได้อย่างเต็มที่ หลอดพลังพุ่งเต็ม max แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการทำงานที่บ้าน บางคนกลับเหี่ยวเฉา หมดไฟ ไม่มีแรงพลังไปคิดไอเดียใหม่ๆ เราเลยต้องมีแผนเตรียมพร้อมสำหรับนโยบายทำงานที่บ้านอย่างเต็มรูปแบบไว้
มาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการทำงานที่บ้านในระยะยาว ด้วยคำแนะนำดีๆ จาก Fast Company ที่จะช่วยให้เราเตรียมพร้อมให้การทำงานที่บ้านที่อาจจะเป็นแผนถาวร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเราที่สุด
เตรียมพร้อมร่างกาย
- ทำกิจวัตรในตอนเช้าให้เป็นปกติ
การจัดการเวลา อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของการทำงานที่บ้าน พอเราไม่ต้องเผื่อเวลาตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เผื่อเวลาเดินทาง ลุกขึ้นมาก็ทำงานได้เลย มันกลับยิ่งทำให้เราหละหลวมในการจัดการเวลาจากเดิม จนกลายเป็นว่า นาฬิกาชีวิตของเรารวนกันตั้งแต่เริ่มต้นวัน การทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า ให้เหมือนวันไปทำงานปกติ จึงเป็นการเริ่มวันที่ถูกต้อง เพื่อให้เรามีเวลาจัดการตัวเอง เช็กอีเมล เช็กข่าว เช็กงานประจำวัน ในเวลาที่เป็นปกติ จนไม่ต้องเลื่อนกิจกรรมอื่นไปเรื่อยๆ จนเลยเวลางาน - แยกพื้นที่ทำงานออกมาจากที่พัก
ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด เรามักจะหามุมนั่งสบายๆ วิวดีๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน แต่มันก็อาจส่งผลเสียได้เหมือนกัน เมื่อเรานั่งทำงานตรงไหนสักที่ ในพื้นที่พักผ่อนจนเคยชิน พอเรากลับมานั่งอีกครั้ง แม้ไม่ใช่ในเวลาทำงาน มันอาจทำให้เรานึกถึงงานโดยไม่รู้ตัว จนไม่ได้รู้สึกว่านั่งตรงนี้แล้วมันได้พักผ่อนเหมือนเดิมแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรมีโต๊ะหรือมุมสำหรับนั่งทำงานโดยเฉพาะ สำหรับการนั่งทำงานในทุกวัน เพื่อแยกโลกของการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัวอย่างเด็ดขาด - ตั้งเวลาเตือนระหว่างวัน
เวลาเรานั่งทำงานที่บ้าน เราไม่ได้มีเพื่อนร่วมงานที่คอยสะกิดชวนไปกินข้าว ไปสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ เดินเล่น เหมือนอย่างเคย อาจทำให้เรานั่งทำงานที่เดิมนานๆ จนหลงลืมเวลาไป อย่าลืมตั้งเวลาสำหรับกิจกรรมระหว่างวัน อย่างเช่น เวลากินข้าวกลางวัน ดื่มกาแฟตอนบ่าย ลุกไปยืดเส้นยืดสายระหว่างชั่วโมง และเวลาสำคัญอย่าง เวลาเลิกงาน ที่เรามักจะปล่อยจอยให้มันไหลไปเรื่อยๆ จนกว่างานจะเสร็จ จนกลายเป็นอีกปัญหาเส้นแบ่งของเวลางานและเวลาส่วนตัว
พร้อมถนอมสุขภาพใจ
- กำลังไถมากเกินไปหรือเปล่า?
เพราะไม่อาจออกไป hang out ได้ในคืนวันศุกร์ หรือกินข้าวพร้อมเพื่อนหลังเลิกงาน เลยทำให้หลายคนคิดถึงการพูดคุยกับเพื่อนหรือคนรู้จัก ทางเดียวที่จะติดต่อ พูดคุย รับรู้ชีวิตของกันและกันได้ง่ายและสะดวกที่สุด คงหนีไม่พ้นโซเชียลมีเดีย ในวันทำงานที่บ้านเราเลยใช้เวลาไถหน้าจอมากกว่าปกติ และใครที่กำลังกังวลกับการอยู่บนหน้าจอมากเกินไป ถ้าบังคับตัวเองกันง่ายๆ มันจะเป็นปัญหาได้ยังไงล่ะจริงมั้ย
หากใครกำลังมองหาทางออกเพื่อลดเวลาการไถหน้าจอลง เราแนะนำเป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยเตือนว่าวันนี้เราใช้เวลากับโทรศัพท์ไปมากแค่ไหนแล้ว อย่าง Activity Bubbles และ Screen Stopwatch แต่ถ้าต้องการจำกัดการใช้โทรศัพท์แบบฮาร์ดคอร์ ลองเป็นแอพฯ ที่จำกัดชั่วโมงการใช้งาน อย่าง YourHour หรือ StayOff ลองเลือกแบบที่เหมาะกับการใช้งานกันดู - หาผู้ช่วยเฝ้าเดดไลน์
นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ที่เก่าเวลาเดิม ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเร่งรีบ แต่ลืมไปแล้วว่าวันนี้วันอะไรแล้วนะ? ทำงานจนลืมวันลืมคืนแล้วจะลืมเดดไลน์ต่างๆ ไปด้วยหรือเปล่า ลองหาแอพพลิเคชั่นที่สามารถมาเป็นผู้ช่วย Time Tracking คอยสะกิดให้เรารู้ว่า เราจะต้องส่งงานชิ้นนี้ในวันไหน ตอนนี้เราทำงานไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว มีประชุมตอนบ่ายหรือเปล่านะ หรือมีนัดคุยงานกับใครหรือเปล่า เพื่อช่วยให้การจัดการเวลาของเราเข้าที่ ลองเป็นแอพฯ Time Tracking เจ๋งๆ อย่าง Toggl Track, Clockify, actiTIME หรือแอพฯ อื่นๆ ที่เลือกได้ตามความสะดวกในการใช้งานของเราได้เลย - ให้เสียงแอมเบียนต์ช่วยผ่อนคลาย
เรามักจะเสียสมาธิ หงุดหงิด หรือเกิดความรำคาญอยู่เสมอเวลามีเสียงรบกวน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราต้องการความสงบเพื่อสร้างสมาธิ อย่างตอนทำงาน แต่นั่งอยู่บ้านไม่ฟังอะไรเลยก็ออกจะเหงาหูเกินไปเสียหน่อย เพราะมันไม่ได้มีเสียงบรรยากาศจริงอย่างตอนนั่งในออฟฟิศ ลองมาฟังเสียงบรรยากาศจริงๆ ที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น เสียงฝนตก เสียงพัดลม เสียงคลื่น เสียงรถไฟ หรือเสียงใดๆ ที่มีความถี่สม่ำเสมอ เสียงเหล่านี้จะช่วยสร้างสมาธิให้เราได้จริงๆ เราเรียกเสียงเหล่านี้ว่า ‘White Noise’
มีแอพพลิเคชั่นมากมายบนสมาร์ตโฟนที่มีเสียงบรรยากาศเหล่านี้ให้เราฟัง ไม่ว่าจะเป็น Sleepo, Calm, Noisli และอีกเยอะแยะมาก ลองเลือกเอาตามฟังก์ชั่นที่ชอบได้เลย หากใครไม่สะดวกฟังบนสมาร์ตโฟน อยากจะใช้บนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวแบบเครื่องเดียวจบ สามารถหาเสียงเหล่านี้ฟังบนสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่างยูทูปที่มีให้เลือกทั้งภาพและเสียง ยาวเหยียดหลายชั่วโมง หรือจะเพลย์ลิสต์บน Spotify ก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้กัน
อย่างน้อยถ้าต้องทำงานที่บ้านกันต่อไปอีกสักพัก เราจะได้รับมือกับมัน จัดการชีวิตของเรา ได้อย่างถูกวิธี ไม่ให้ทั้งชีวิตการทำงานและเวลาส่วนตัว พังลงมาเหมือนโดมิโน่ล้มครืน
อ้างอิงข้อมูลจาก