เป็นที่แน่ชัดจากปากคำของ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีสาธารณสุขที่กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีไทย เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า
“ถ้าคุณอยู่ในบ้านแล้วนำใบมาต้มกิน ชุบแป้งทอดทำได้ หรือนำใบหรือช่อดอกสกัดออกมา แล้วมี THC ไม่เกิน 0.2% สามารใช้ในครัวเรือน หรือเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวก็สามารถใส่ได้ เพียงแต่ยังไม่สามารถนำไปใส่ยี่ห้อ แล้วทำสารสกัดจากกัญชาโดยไม่ขอ อย. ทำไม่ได้” อนุทินกล่าวก่อนเสริมถึงการใช้ช่อดอกเพื่อสูบต่อว่า
“การใช้ในครัวเรือน ใช้เพื่อสันทนาการในครอบครัว ในทางที่ไม่มีส่งผลต่อจิตประสาท ในทางที่ไม่มึนเมาสามารถใช้ได้เลย เพราะทุกวันนี้ใช้กันอยู่แล้ว และประชาชนก็เข้าใจว่าควรใช้ระดับไหน”
หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายได้ว่า ตั้งแต่วันนี้ การใช้กัญชาในครัวเรือนใช้ได้ทุกกรณี แต่ในกรณีที่ต้องการใช้เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมยังมีการควบคุมอยุ่
The MATTER ชวนดูเช็กลิสต์ว่าสถานะกัญชาในตอนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง สูบได้ไหม ปลูกได้หรือยัง เคลียร์ทุกข้อสงสัยฉบับเซฟครบจบแผ่นเดียว
ลงทะเบียนกัญชา
สำหรับกรณีของผู้ที่ใช้กัญชาในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อเชิงพาณิชย์ สามารถเข้าไปจดแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น Plookganja ได้เลย โดยมีขั้นตอนเพียงแค่
- เข้าสู่แอพพลิเคชั่น
- ทำการลงทะเบียน
- จดแจ้งตามวัตถุประสงค์
- รับเอกสารจดแจ้งอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกดาวโหลดน์แอพฯ สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ http://plookganja.fda.moph.go.th/ หรือจดแจ้งกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ อาทิ ที่ว่าการอำเภอ
อะไรที่ยังผิดอยู่
ในเรื่องว่าสามารถทำอะไรได้บ้างแล้ว แผนภาพและคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีสาธารณสุขคงชัดเจนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วนของกัญชาที่ยังถูกควบคุมอยู่ ดังนี้
- การครอบครองหรือขายสารสกัดจากกัญชาที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยไม่มีใบอนุญาตยังคงผิดอยู่ ตัวอย่างของสารสกัดก็อย่างเช่น น้ำมันกัญชา อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้ พล.ต.อ.รอย ชี้แจงว่า ถ้าพบสารสกัดดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถจับได้ในทันที แต่มีอำนาจในการริบของกลางไปตรวจ และแจ้งความภายหลังได้
โดยทางด้าน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้านป้องกันปราบปราม (รอง ผบ.ตร.ปป.) ระบุถึงกรณีนี้ว่า
“การมีพืชกัญชาไว้ในครอบครอง หรือปลูกกัญชา ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใด ก็ไม่มีความผิด แต่การมี ใช้ จำหน่าย สารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสาร THC เกินกว่า 0.2% ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบสั่งแพทย์ ไม่ผ่านการรับรองโดย อย. หรือเป็นสารสกัดจากกัญชานั้นมีแหล่งที่มาจากนอกราชอาณาจักร ยังถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย” พล.ต.อ.รอยกล่าว
“เมื่อตำรวจตรวจพบ จะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะต้องยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC สืบเสาะแหล่งที่มา ตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมาย จึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีภายหลัง” เขาเสริมถึงกระบวนการของเจ้าหน้าที่ต่อการกระทำผิด
- การสูบกัญชาในที่สาธารณะไม่มีความผิดโดยตรง แต่ถ้าถูกแจ้งว่ารบกวน อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท
โดยทางด้าน พล.ต.อ.รอย ระบุถึงประเด็นนี้ว่า การสูบกัญชาในที่สาธารณะ ถือว่ารบกวนสิทธิผู้อื่น ดังนั้นมีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท
- สำหรับกรณที่ต้องการใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารเพื่อขาย ไม่สามารถใช้ส่วนของดอกได้ และต้องมีการยื่นขออนุญาตกับ อย. เพื่อขอรับขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารและเลขสารบบอาหาร
ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ฉบับภูมิใจไทย
ล่าสุด สภามีมติโหวต 373 ต่อ 7 เสียง ให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอโดยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ไปต่อในสภา ซึ่งร่างดังกล่าวมีเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ดังนี้
- การผลิตกัญชาเชิงพาณิขย์และอุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีใบอนุญาต ผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย ต้องขออนุญาตจากเลขาฯ อย. หรือผู้ซึ่งเลขาฯ อย. มอบอำนาจให้ อาจเป็นบุคคล หรือนิติบุคคลก็ได้
- ใบอนุญาตปลูกและผลิต (สกัด) มีอายุ 3 ปี ค่าธรรมเนียม 50,000 บาท
- ใบอนุญาตนำเข้ามีอายุ 3 ปี ค่าธรรมเนียม 100,000 บาท
- ใบอนุญาตส่งออก มีอายุ 3 ปี ค่าธรรมเนียม 10,000 บาท
- ใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออกเฉพาะคราว ฉบับละ 20,000 บาท (นำเข้า-ส่งออกรูปแบบนี้ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท)
- ใบอนุญาตจำหน่าย มีอายุ 3 ปี ค่าธรรมเนียม 5,000 บาท
- ค่าขออนุญาตหรือคำขออื่นๆ คำขอละ 7,000 บาท
- ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากองค์กรและผู้เชี่ยวชาญ องค์กรของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ รายละ 100,000 บาท
- ค่าตรวจสถานประกอบการ ครั้งละ 50,000 บาท
- การต่อใบอนุญาตเท่ากับครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมนั้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตราอื่นที่น่าสนใจ ซึ่งกล่าวถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐในการตรวจค้น รวมถึงข้อกำหนดในการขายกัญชา ดังนี้
- ห้ามขายกัญชา กัญชง แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีให้นมบุตร ยกเว้นได้รับอนุญาตจากแพทย์ ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับ 30,000 บาท
- พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบทั้งสถานที่และพาหนะ, ยึดกัญชากัญชงบางส่วนไปตรวจสอบ, หากมีความสงสัยว่าจะกระทำความผิดสามารถเข้าไปยึดและอายัดกัญชา กัญชง รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ได้เลย
- บทเฉพาะกาลระบุว่า ภายใน 5 ปีที่กฎหมายนี้บังคับใช้ การนำเข้ากัญชง กัญชงสามารถทำได้เฉพาะเพื่อการแพทย์, ประโยชน์ราชการ และการศึกษาเท่านั้น
ต้องยอมรับว่าการปลดล็อกกัญชานี้เป็นข่าวดีสำหรับสังคมไทย อย่างไรก็ตาม สถานะของกัญชายังเหมือนน้ำไม่สะเด็ด เพราะกฎหมายที่ว่าจะออกมาควบคุมก็ออกไม่ทัน แต่ก็มีความพยายามเข็นให้กัญชาหลุดจากบัญชียาเสพติดตามโรดแม็ปที่พรรคภูมิใจไทยวางไว้อยู่ดี ดังนั้น นับจากนี้อีก 1-2 เดือนเป็นช่วงเวลาที่น่าจับตาว่าสังคมไทยจะอยู่กับกัญชาอย่างไร ..
กัญชาจะสร้างรอยยิ้ม หรือขโมยเสียงหัวเราะกันแน่ นี่เป็นคำตอบที่สังคมไทยต้องช่วยกันหา
สำหรับผู้ที่ต้องการอ่านเนื้อหาในร่างกฎหมายดังกล่าวโดยละเอียด เข้าไปอ่านได้ที่:
https://www.parliament.go.th/section77/manage/files/file_20220218082928_1_193.pdf
อ้างอิง:
https://www.thairath.co.th/news/crime/2413841
https://www.thairath.co.th/news/politic/2414195
https://thematter.co/brief/166555/166555
https://www.bbc.com/thai/thailand-61703618