ยาบ้าถูกกว่าข้าวไม่ใช่เรื่องเกินจริงในยุคนี้..
นอกจากกรณี #กราดยิงหนองบัวลำภู อดีตนายตำรวจกราดยิงผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 36 รายจนเป็นข่าวสลดและสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นข่าวยาบ้าตลอดในสื่อต่างไม่ว่า ‘ชายเมายาบ้าเดินยิงปืนใกล้โรงเรียน’ หรือ ‘หนุ่มคลั่งยาบ้าเผา จยย. วอด 2 คัน’ จนนำไปสู่คำถามว่า ทุกวันนี้ตลาดยาบ้าในไทยเป็นอย่างไรบ้าง
The MATTER ได้เปิดข้อมูลจาก ผลการปราบยาเสพติดทั่วประเทศ ป.ป.ส. ปี 2564 ร่วมกับรายงานยาเสพติดสังเคราะห์ในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ UNODC ปี 2022 ถึงสถานการณ์ยาบ้าในประเทศไทย รุนแรงแค่ไหน เข้าถึงยากง่ายอย่างไร และสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
สถานการณ์ยาบ้า
รายงานของ UNODC ชี้ว่าปี 2021 ในภูมิภาคอาเซียนมีการยึดยาบ้าได้รวมกันสูงถึง 1 พันล้านเม็ด นับเป็นการทะลุถึงระดับพันล้านเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยพบว่ามีปริมาณยาบ้าเพิ่มขึ้น 16.1% เทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 7 เท่าเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นมากกว่า 35 เท่าเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว
รายงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ระบุว่าในปี 2564 ไทยจับได้ยาบ้าได้ทั้งหมด 515,469,052 เม็ด ขณะที่รายงานของ UNODC ระบุว่าจับได้ที่ 592,013,942 เม็ด
โดยทางด้าน ป.ป.ส. ระบุว่าราคาของยาบ้าลดลงเรื่อยๆ และขณะนี้ราคาตลาดอยู่ที่ 30-50 บาท/ เม็ด หรือในบางพื้นที่อยู่ที่ 50-100 บาท/ เม็ดเท่านั้น และสำหรับยี่ห้อที่พบมากที่สุดในไทย 3 ลำดับแรก ได้แก่ 999 (73.5%), Y1 (13.2%) และยี่ห้ออื่น เช่น 111 หรือ AP2020 อีก 13%
สถานการณ์คดียาบ้า
ในรายงานของ ป.ป.ส. ระบุว่า ทั่วประเทศมีคดียาเสพติดทั้งหมด 132,675 คดี แบ่งเป็นคดีจากยาบ้ามากถึง 75% ของคดีทั้งหมด (103,235 คดี) ในจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมด มีถึง 52.22% ที่เป็นผู้ต้องหารายใหม่
และในปีที่แล้วมีผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำคดียาเสพติดอยู่ที่ 6,034 ราย ขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการบำบัดลดลงหรืออยู่ที่ 135,795 ราย ลดลงจากปีที่แล้ว 19,881 ราย
สำหรับจังหวัดที่พบคดียาบ้าสูงที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ สงขลา 6,540 คดี, ขอนแก่น 5,251 คดี และ อุบลราชธานี 3,930 คดี
ส่วนจังหวัดที่มีการจับยาบ้าได้ปริมาณสูงที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ หนองคาย 49,543,630 กก., เชียงราย 47,064,132 กก., ปทุมธานี 46,246,640 กก.
ทั้งนี้ ในภาพรวมเราจะเห็นว่าจำนวนคดี, จำนวนผู้ต้องหา และจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปริมาณของยาเสพติดกลับเพิ่มขึ้นหลายชนิด เช่น ยาบ้า, เอ็กซ์ตาซี (ยาอี), โคเคน, เฮโรอีน สะท้อนว่าผู้ค้ารายหนึ่งขายยาในปริมาณที่มากขึ้น หรือกลายเป็นพ่อค้ายารายใหญ่กว่าเดิม
สาเหตุ
ในการแถลง ‘ที่สุดแห่งปี ผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี 2565’ ของ ป.ป.ส. เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้ตอบคำถามว่า “ยาเสพติดระบาดมากขึ้นจริงหรือไม่?” โดยให้เหตุผลว่า
ทุกวันนี้ขบวนการยาเสพติดได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้รุดหน้าขึ้น จากเดิมที่ผลิตได้ 64,800 เม็ด/ วัน กลายเป็น 4,000,000 เม็ด/ วัน หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 61 เท่า
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการผลิตยาเสพติดยังทำให้ต้นทุนของยาเสพติดลดเหลือ 50 สตางค์/ เม็ด เมื่อรวมค่าขนส่งและค่าต่างๆ แล้ว ตกราคาขายส่งที่ 15 บาท/ เม็ดเท่านั้น (กลุ่มพ่อค้ายานำมาขายต่อที่ 30-50 บาท/ เม็ด)
นอกจากนี้ ขบวนการยาเสพติดบริเวณรอบประเทศไทยมีมากถึง 7 ขบวนการ ทำให้การผลิตต่อวันสูงถึง 280,000,000 เม็ด/ วัน
ในรานงานของ ป.ป.ส. และ UNODC ชี้ตรงกันว่า เทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นทำให้กลุ่มผู้ค้าและผู้เสพสามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และยังพบว่ามีการส่งยาเสพติดผ่านช่องทางส่งสินค้าทั่วไป โดยในรายงานของ ป.ป.ส. ระบุว่า
“การลักลอบจำหน่ายผ่านสังคมออนไลน์และจัดส่งผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ได้รับความนิยมอย่างมากในบรรดากลุ่มการค้าระดับรายส่งและรายย่อย เนื่องจากกลุ่มการค้าเห็นว่า มีความปลอดภัยกว่าการจําหน่ายแบบเดิม แม้ว่าต้นทุนและราคาจําหน่ายจะสูงกว่าปกติ”
อีกสาเหตุคือ ความผันผวนทางการเมืองในเมียนมา อย่างที่ทราบกันว่าเมียนมา โดยเฉพาะในรัฐฉาน เป็นแหล่งผลิตแอมเฟตามีน (ยาบ้าและไอซ์) ที่สำคัญของโลก ซึ่งรายงานของ UNODC ระบุว่า การยึดยาบ้าและแอมเฟตามีนในปีที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่เมียนมาลดลง 35.1%
ข้อมูลจาก ป.ป.ส. ระหว่างเดือน ก.พ. – ก.ย. ปี 2564 หรือปีเดียวกับที่กองทัพรัฐประหารรัฐบาลเมียนมาพบว่า สามารถยึดยาบ้าได้กว่า 330 ล้านเม็ด หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่จับกุมยาไอซ์ได้มากถึง 15 ตัน
และสาเหตุสุดท้ายคือ โรคระบาด COVID-19 ทำไมโรคระบาดถึงทำให้จำนวนผู้ใช้ยาเสพติดเพิ่มขึ้น สาเหตุสำคัญคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่มาพร้อมโรคระบาด (และดูเหมือนจะอยู่นานกว่า) ทำให้สังคมเกิดความเครียด และผู้คนหันเข้าหายาเสพติดเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายผู้ใช้ยาเสพติดกลายเป็นผู้ค้ายาเสพติดเสียเอง
นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการปิดพรมแดนที่ต่อเนื่องจากโรคระบาด ทำให้กลุ่มพ่อค้ายาเสพติดหันมาปรับมาร์เก็ตติ้งของตัวเองเสียใหม่ ส่งยาเข้าสู่พื้นที่ในภูมิภาคที่ผลิตเยอะขึ้น ทำให้ราคายาตกลง หาได้ง่ายขึ้น ขณะที่คุณภาพพัฒนาขึ้นตามเทคโนโลยี
เชื่อว่าหลายคนคงตกใจกับตัวเลขที่หยิบยกมา แต่ผู้เขียนมองว่าจำนวนยาเสพติดที่จับได้สะท้อนได้อย่างน้อยใน 2 มุม มุมแรก เจ้าหน้าที่ไทยตื่นตัวกับปัญหายาเสพติด ขณะที่อีกมุมหนึ่งคือ ยังมียาเสพติดอีกมหาศาลที่เล็ดรอดผ่านไทย เพราะเป็นไปได้สูงว่าจำนวนที่จับได้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น และบางทีเราอาจต้องคูณสิบ คูณร้อย หรือคูณพันถึงจะรู้ได้ว่าปริมาณยาเสพติดที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทยมีมากขนาดไหน
และที่สำคัญ นโยบายปราบปรามอย่างเดียวไม่มีทางสู้กับปัญหายาเสพติดได้ มันต้องควบคู่ด้วยการบำบัด การสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องยาเสพติด และที่ผู้เขียนเชื่ออย่างมากว่าจะขจัดปัญหายาเสพติดได้คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
อ้างอิง:
ผลการปราบยาเสพติดทั่วประเทศ ป.ป.ส. ปี 2564
รายงานยาเสพติดสังเคราะห์ในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ UNODC ปี 2022
Illustrator By Krittaporn Tochan