ลองยกมือถือของคุณขึ้นมาสำรวจดูว่ามี ‘แอพฯภาครัฐ’ อะไรบ้าง และครั้งสุดท้ายที่เปิดใช้งานคือเมื่อไรกันแน่
นับแต่มีนโยบาย ‘Thailand 4.0’ รัฐบาลก็พยายามผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ จัดทำ mobile application เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารหรือได้รับบริการผ่านแอพฯที่ภาครัฐจัดทำขึ้น แต่ก็มีข้อสงสัยว่า ที่สุดแล้วแอพฯเหล่านั้นใช้ได้จริงแค่ไหน หรือไม่จำเป็นต้องมีเลยก็ได้? ดาวน์โหลดมาใช้ไม่กี่ครั้งก็ลบทิ้ง หรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแอพฯ นั้นๆ อยู่ด้วยกันแน่?
The MATTER ได้รับข้อมูล ‘สถิติของแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นมาโดยภาครัฐ’ ที่จัดทำโดยโปรแกรมเมอร์ฝีมือดีรายหนึ่ง รวบรวมข้อมูลจากแอพฯของภาครัฐที่ปรากฎอยู่อยู่ในเว็บไซต์ Government Application Center (GAC) จนถึงเดือนกันยายน พ.ศ.2562 พบว่ามีจำนวนอย่างน้อย 255 แอพฯ
และเมื่อแยกประเภทออกมา พบว่าเป็นแอพฯที่เกี่ยวกับการเกษตร/การปศุสัตว์/การประมง มากที่สุด (36 แอพฯ) รองลงมาเป็นความมั่นคง/กฎหมาย (31 แอพฯ), สุขภาพ/การสาธารณสุข (30 แอพฯ), สิ่งแวดล้อม/สังคม/ชุมชน (29 แอพฯ) และการศึกษา/การเรียนรู้ (26 แอพฯ)
ที่น่าสนใจก็คือ บางแอพฯเราก็ยังมีอยู่ในเครื่องนะ ใช้บ้าง-ไม่ใช้บ้าง บางแอพฯเราเคยโหลดมาใช้เมื่อนานมาแล้ว บางแอพฯแทบไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ
อย่าลืมว่าการจะพัฒนาแอพฯใด-แอพฯหนึ่งของหน่วยงานรัฐใด ย่อมมีค่าใช้จ่าย และค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็มาจากภาษีที่เราจ่ายไป ไม่แปลกที่เราจะคาดหวังว่าจะได้แอพฯที่ใช้งานได้ มีประสิทธิภาพ หรือทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นในแง่ใดแง่หนึ่ง
แอพฯภาครัฐ ‘ใช้งานได้จริง’ แค่ไหน
จากอย่างน้อย 255 แอพฯที่ปรากฎในข้อมูลสถิติดังกล่าว แอพฯภาครัฐส่วนใหญ่เปิดให้ดาวน์โหลดไปใช้ได้ทั้งในระบบ Android และ iOS ซึ่งบางแอพฯเปิดให้ดาวน์โหลดมาตั้งแต่ปี 6-7 ปีก่อน แต่หลายแอพฯก็เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดไม่นานมานี้
แต่ถึงวันนี้มีแอพฯที่ยืนยันว่ายังดาวน์โหลดได้ ในระบบ Android 149 แอพฯ และในระบบ iOS 109 แอพฯ (ดาวน์โหลดได้ทั้ง 2 ระบบ 86 แอพฯ) นั่นแปลว่าทุกปัจจุบัน มีแอพฯของภาครัฐที่ยังใช้งานได้ 177 แอพฯ คิดเป็นราว 70% ของทั้งหมด
เมื่อดูยอดการดาวน์โหลด (เฉพาะ Android) พบว่า แอพฯของภาครัฐที่อาจนับได้ว่าได้รับความนิยม (เกณฑ์ของเรา คือมียอดดาวน์โหลดที่แสดงใน GAC หลักหมื่นขึ้นไป) เพียง 66 แอพฯ – ส่วนใหญ่มียอดดาวน์โหลดต่ำกว่านั้น
วัตถุประสงค์ของการจัดทำข้อมูลชุดนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ในหมู่ผู้เกี่ยวข้องว่า จำเป็นต้องทำแอพฯขึ้นมาหรือไม่ และหากต้องทำแอพฯขึ้นมาใช้ ทำอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเท่าที่ตรวจสอบพบว่า บางแอพฯมีไว้แค่แจ้งข้อมูลข่าวสารขององค์กรเท่านั้น สามารถใช้โซเชียลมีเดียแทนได้ ไม่จำเป็นต้องทำออกมาเป็นแอพฯ ขณะทีหลายๆ แอพฯก็ทำออกมาใช้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น (พูดง่ายๆ คือทำแล้วทิ้ง)
‘ราคาที่ต้องจ่าย’ สำหรับการทำแอพฯ
หลายๆ แอพฯของภาครัฐมีฟังก์ชั่นน่าสนใจและช่วยให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นได้จริง อาทิ KTB netbank ของธนาคารกรุงไทย (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Krungthai NEXT) ซึ่งช่วยให้ประชาชนทำธุรกรรมผ่านมือถือได้อย่างง่ายๆ หรือ PEA Mobile ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่สามารถใช้ตรวจสอบค่าไฟ ค้นสถานที่จ่ายค่าไฟ ไปจนถึงแจ้งไฟดับได้
แต่หลายๆ แอพฯก็ทำไว้เหมือนแค่แจ้งข้อมูลข่าวสารกับประชาชนเท่านั้นเอง คล้ายการสื่อสารทางเดียวในรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งหากใช้เพื่อวัตถุประสงค์นั้น จะดีกว่าไหมหากใช้โซเชียลมีเดียซึ่งเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า มาทำหน้าที่แทน
จากการตรวจสอบราคากลางการจัดทำ mobile application หรือที่ภาษาราชการเรียกว่า ‘โปรแกรมประยุกต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่’ พบว่ามีราคาขั้นต่ำราว 8-9 แสนบาท ไปจนถึงหลักสิบล้านบาท ทั้งค่าใช้จ่ายในการสร้างขึ้นมา รวมไปถึงการบำรุงรักษา
เรายังตรวจสอบพบด้วยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพยายามที่จะสอบถามความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำ ‘มาตรฐานราคา’ ในการจัดทำแอพฯสำหรับมือถือขึ้นมา แต่ไม่พบว่ามีการประกาศออกมาเป็นคู่มือ เช่นเดียวกับที่สำนักงบประมาณประกาศมาตรฐานราคาครุภัณฑ์หรือไม่ (หากใครพบว่ามี โปรดแจ้งด้วย!)
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า จนทำให้ชีวิตเราดีขึ้นในหลายๆ ด้าน เราไม่ปฏิเสธการทำแอพฯมือถือของภาครัฐเพื่อให้บริการประชาชน แต่ไหนๆ ทำแล้วก็อยากให้ทำแบบมีเป้าหมาย ใช้ประโยชน์ได้จริง และช่วยให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
หวังว่าชุดข้อมูลที่จัดทำขึ้นมานี้ จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาแอพฯให้ประชาชนได้ใช้ในโอกาสถัดไป หรือหากพิจารณาแล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำแอพฯขึ้นมา ก็อยากให้เก็บเงินภาษีไปใช้ด้านอื่นๆ แทน น่าจะดีกว่า
Illustration by Waragon Keeranan